แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1548 นั่นเรียกว่าเกาะผู้หญิงกิน

บทที่ 1548 นั่นเรียกว่าเกาะผู้หญิงกิน

ชมพูเห็นกานต์มองตัวเองทีหนึ่ง แววตานั่นดูเหมือนกำลังครุ่นคิด มีความอบอุ่นมากกว่าความเย็นชาเมื่อกี้เสี้ยวหนึ่ง แต่กลับเหมือนกับสุนัขจิ้งจอกที่จ้องเธอไว้เขม็ง จนทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย แต่ว่าก็ถามขึ้นอย่างพยายามฝืนความเป็นกังวลที่อยู่ในใจว่า “นายมองฉันทำไมเหรอ?”

“เล่นคอมพิวเตอร์ไหม?”

กานต์เองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ถึงได้รู้สึกว่าเด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้น่าจะเป็นเหมือนกับตัวเอง

บางทีแฮ็กเกอร์อาจจะค่อนข้างความรู้สึกละเอียดอ่อนต่อเพื่อนร่วมสายงานก็ได้ คนที่มีมือที่ว่องไวแบบนี้มันมีไม่เยอะหรอก แต่ว่าถ้าเล่นคอมพิวเตอร์ละก็ไม่แน่ และอีกอย่างเมื่อกี้เขาสังเกตเห็นถึงความเคยชินเล็ก ๆ ของชมพู และรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ชมพูรีหลับตาลงอย่างรวดเร็ว แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เล่น”

แต่ว่าใจของเธอกลับเต้นได้อย่างรวดเร็วมากเลย

สายตาของกานต์คนนี้ทำไมถึงได้โหดร้ายมากขนาดนี้?

เธอจะให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองเป็นแฮ็กเกอร์ไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นจะต้องนำเรื่องที่ไม่ดีมาให้หม่ามี้แน่ ๆ

กานต์เองก็ไม่ได้บีบบังคับให้เธอยอมรับ เพียงแต่ท่าทีดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เยอะมาก

“เล่นกับเป็นทีมสักตาไหม?”

“ได้”

ตอนนี้ชมพูหวังแค่ว่ากานต์จะรีบโดดออกไปจากหัวข้อนี้โดยเร็ว สำหรับจะเป็นเรื่องอะไรนั้นยังไงก็ได้

แล้วกานต์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกจริง ๆ แต่กลับเปิดเกมแล้วเริ่มเล่นกับชมพูขึ้นมา

วิสุทธิ์รู้จักฝีมือของกานต์ดี แต่ว่าตอนที่เขาเห็นชมพูสามารถตามทันความเร็วของกานต์และยังก้าวไปด้วยกันได้ แถมในตอนที่เห็นผลงานที่ชมพูทำได้นั้น วิสุทธิ์ก็อยู่นิ่งไม่ได้อีกแล้ว

โอ้โห เด็ก ๆ ในตอนนี้เก่งกันขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย?

นี่คือจะฆ่าคนแก่อย่างเขาให้ตายไปเลยเหรอเนี่ย!

แน่นอนว่ากานต์เองก็รู้สึกถึงผลงานของชมพูแล้ว แต่ว่าในเมื่อเดาอะไรออกแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถามอีกแล้ว

ทั้งสองคนเล่นกันตาหนึ่งเสร็จแล้ว ผลงานก็เป็นที่โดดเด่นมาก กลับกลายเป็นวิสุทธิ์ที่นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย

เล่นกันไปตาหนึ่งก็ได้ทำให้กานต์เข้าใจฝีมือและนิสัยของชมพูแล้ว เขาถอยออกจากเกม กลับทำให้ชมพูรู้สึกมึนงงไปเล็กน้อย

“นายไม่เล่นแล้วเหรอ? เป็นเพราะว่าฉันเล่นได้ไม่ดีเหรอ?”

“มันไม่ใช่แบบนั้น ก็แค่เล่นเกมเท่านั้น เพื่อผ่อนคลายอารมณ์หน่อย ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องติด”

กานต์พูดอย่างเรียบเฉยไป กลับทำให้ชมพูอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นในใจก็เกิดความเลื่อมใสขึ้นมาเล็กน้อย

มีอายุที่น้อยขนาดนี้ก็สามารถมีแรงควบคุมอารมณ์ที่สูงขนาดนี้ได้แล้ว นี่มันช่างไม่เลวเลยจริง ๆ

กานต์จ้องมองชมพู แล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

“เธออายุเท่าไหร่แล้ว?”

“เจ็ดขวบ”

“เตี้ยเกินไปแล้ว”

กานต์มีความรังเกียจเล็กน้อย

กมลก็เจ็ดขวบเหมือนกัน แต่ก็สูงมากว่าเธอตั้งหัวหนึ่งแล้ว ตกลงเด็กผู้หญิงนี้นี่โตมายังไงนะ?

แต่ว่าพอนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นลูกสาวที่ตกอับอยู่ข้างนอกของธเนศพล กานต์จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปมาวิ่งพร้อมกับฉัน ต้องออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง”

ชมพูอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ว่าก็ยังพยักหน้าให้เล็กน้อย

วิ่งพร้อมกับพี่ชายตัวน้อยคนหล่อเหรอ?

ก็เหมือนกับว่าจะไม่เลวเลยนะ

แต่ว่าจากนั้นชมพูก็นึกถึงปัญหาอย่างหนึ่งขึ้นมา

“นายพักอยู่กับแด๊ดดี้เหรอ?”

“อืม”

กานต์ตอบกลับไปเรียบ ๆ

ชมพูแสดงความอิจฉาอย่างหนึ่งออกมาทันที เธอจ้องมองวิสุทธิ์ที่อยู่ข้าง ๆ เล็กน้อย แล้วก็ขยับตัวมาทางกานต์นิดหน่อย

กานต์ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็จะจากไปอย่างอัตโนมัติ เขาไม่ค่อยชอบอยู่ใกล้กับเด็กผู้หญิงมากนัก นอกจากกมลแล้ว ก็เหมือนกับว่ายังไม่มีใครเลย

ไม่ซิ

มีอยู่คนหนึ่ง!

แค่นึกถึงผู้หญิงโอหังคนนั้นที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดินคน แถมยังเห็นน้องชายของเขาอีก สีหน้าของกานต์ก็เคร่งขรึมขึ้นมาหลายส่วนทันที

นั่งก็คือความอัปยศอดสูที่ใหญ่หลวงที่สุดตั้งแต่ที่เขาโตมาขนาดนี้

หลายปีมานี้ชมพูเติบโตมาด้วยการสังเกตสีหน้าท่าทางของผู้อื่นมาตลอด ตอนแรกเธออยากจะชิดเข้าไปใกล้กานต์แล้วถามสักหน่อยว่าธเนศพลเป็นคนน่าคบหรือเปล่า แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ สีหน้าของกานต์จะเคร่งขรึมลงมา บรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนไปทั้งหมด จนทำให้ชมพูตกใจจนนิ่งอึ้งไปเลย

“ทำไมเหรอ?”

พอได้ยินเสียงที่อ่อนนุ่ม กานต์ถึงตั้งสติกลับมาได้ แล้วจ้องมองเด็กผู้หญิงตรงหน้าที่โดนตัวเองทำให้ตกใจ แล้วเขาก็รีบพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไร แค่นึกถึงคนน่ารังเกียจคนหนึ่งน่ะ”

“คนที่รังเกียจ? คือฉันเหรอ?”

ตั้งแต่ชมพูจำความได้ ก็เหมือนกับว่านอกจากหม่ามี้แล้วก็ไม่มีคนชอบตัวเองอีกเลย เบิร์ดนั้นยิ่งเกลียดเธอจนไม่รู้จะเกลียดยังไงแล้ว พอมาตอนนี้ได้ยินกานต์พูดแบบนี้เข้า จึงอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงไป แล้วก็ขยับตัวออกห่างไปด้านนอกเล็กน้อยอย่างเงียบ ๆ

ถึงแม้จะเป็นแค่การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ว่ากานต์ก็รู้สึกผิดขึ้นมาแล้ว

“ไม่ใช่เธอจริง ๆ เธออยากกินพุทราเชื่อมไหม? เดี๋ยวฉันไปซื้อให้เธอ”

กานต์นึกวิธีกล่อมไม่ให้เด็กผู้หญิงโกรธแบบอื่นไม่ออก เขานึกออกแต่เพียงทุกครั้งที่กมลโกรธนั้นก็มีแต่กิน กิน กิน แล้วเป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกัน ก็คงจะไม่มีผิดแผกไปหรอกมั้ง?

ชมพูเงยหน้าขึ้นมาทันที ในดวงตามีสีสันพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง

พุทราเชื่อมเหรอ?

เหมือนว่าจะอร่อยมากเลยนี่ น่าเสียดายตั้งแต่เล็กจนโตมาเธอเคยได้กินน้อยมาก

“นายจะเลี้ยงฉันเหรอ?”

“อืม”

กานต์พยักหน้าเล็กน้อย

ชมพูรู้สึกลังเลอยู่บ้าง

เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่รับของคนอื่นไปเรื่อย แต่ว่าอยากกินมากจริง ๆ นะ

กานต์ไม่รู้ว่าในใจของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วก็จับมือเธอขึ้นมาแล้วพูดว่า “ไป ฝั่งตรงข้ามนี้มีขาย พวกเราไปซื้อพร้อมกันเลย”

ชมพูอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่วิสุทธิ์ทีหนึ่ง

ตอนแรกวิสุทธิ์แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น ดูซิเด็กสองคนนี้ตัวเล็ก ๆ เล่นด้วยกันอย่างไร้เดียงสา ดีจังเลย ทำไมจะต้องอยู่เป็นก้างขวางคอด้วยล่ะ? แต่ว่างานของเขาก็คือการปกป้องคุ้มครองพวกเขา แล้วเวลานี้สายตาของกานต์ก็กวาดมาพอดี สายตาที่เย็นชานั่นช่างเหมือนกับของบุริศร์ราวกับก๊อบปี้กันมาเลย

“ไปเลย ไปเลย เขามีเงิน ก็แค่พุทราเชื่อมไม้เดียวไม่ใช่เหรอ ถ้าเธอรู้สึกเกรงใจ ต่อไปเธอค่อยเลี้ยงเขากินของอร่อยดี ๆ อย่างอื่นคืนก็ได้”

วิสุทธิ์นั้นสามารถเข้าใจความคิดของชมพูได้ เด็กคนนี้ตั้งแต่เล็กจนโตมามีสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง ถึงจะอยากกินแต่ก็ไม่อยากติดหนี้บุญคุณคนอื่น

พอชมพูได้ยินวิสุทธิ์พูดแบบนี้ ก็ดีใจขึ้นมาทันทีเลย

“ได้”

แต่กานต์กลับขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่มีนิสัยให้ผู้หญิงมาเลี้ยง”

ชมพูนิ่งอึ้งขึ้นมาอีกครั้ง

พี่ชายตัวเล็กคนนี้เหมือนกับว่าจะค่อนข้างคบด้วยยากนะ

วิสุทธิ์รู้สึกอยากกุมขมับเล็กร้อน ด้วยนิสัยอย่างกานต์ ในอนาคตจะสามารถหาเมียได้เหรอ?

“นิสัยมันเปลี่ยนกันได้”

วิสุทธิ์ค่อย ๆ ให้คำแนะนำที่ดีไป

กานต์จ้องมองเขาทีหนึ่ง แล้วก็พูดเสียงเรียบขึ้นว่า “นั่นเรียกว่าเกาะผู้หญิงกิน แต่ถ้าคุณอาวิสุทธิ์อยากกิน ผมก็จะไม่ขวางอยู่แล้ว”

พูดจบกานต์ก็จูงมือชมพูลงจากรถไปเลย

ทั้งตัววิสุทธิ์ดูไม่ดีไปหมดเลย

เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่หมายความว่ายังไงกัน?

เขาบอกว่าเขาอยากเกาะผู้หญิงกินเหรอ?

เขาเกาะใครกินกัน?

เจ้าเด็กตัวเหม็น ไม่น่ารักเลยสักนิด เหมือนกับบุริศร์คนนั้นที่ทำให้คนไม่รู้สึกชอบเลย

กานต์พาชมพูลงมาจากรถ แล้วมาถึงร้านที่อยู่ตรงข้ามแล้วพุทราเชื่อม

ชมพูนั้นรู้สึกเขินอายมาอยู่ตลอด เมื่อก่อนที่แบบนี้ตัวเองก็มักจะแค่แอบมองทีหนึ่งที่ข้างนอกแล้วก็วิ่งหนีไปเลย คิดไม่ถึงว่าวันนี้กลับได้เดินเข้ามาแล้ว

กลิ่นหวาน ๆ นี่น่าดมมากจริง ๆ

พอกานต์เห็นท่าทางที่มีความสุขของชมพู ก็คลี่ยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“เถ้าแก่ เอาพุทราเชื่อมสองไม้”

“ได้ครับ”

กานต์จ่ายเงินเรียบร้อย แล้วมองเห็นชมพูเสียดายไม่ยอมกิน จึงถามขึ้นว่า “ไม่ชอบกินเหรอ?”

“ชอบ แต่ว่าฉันอยากจะเก็บไว้ให้หม่ามี้กิน”

คำพูดของชมพูจู่ ๆ ก็ทำให้กานต์อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “ฉันสามารถซื้อให้หม่ามี้เธออีกไม้หนึ่งได้นะ”

“ไม่ต้องหรอก นายเลี้ยงฉันกินพุทราเชื่อมแล้ว ฉันคงจะไม่มีเหตุผลที่จะต้องให้นายซื้อให้แม้แต่ส่วนของหม่ามี้ฉันด้วยหรอกนะ หม่ามี้ฉันบอกว่าเป็นคนต้องรู้จักพอประมาณ แต่ว่ายังไงวันนี้ก็ต้องขอบใจนายนะ ไว้วันหลังฉันค่อยเลี้ยงนายกินอย่างอื่น”

ชมพูยิ้มได้อย่างสดใสเป็นอย่างมาก

อยู่ ๆ กานต์ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย และก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงกมลในอดีต ช่วงเวลานั้นเธอยังอยู่บนเตียงผู้ป่วย แต่ว่าของอร่อยทุกอย่างก็จะต้องถามตัวเองก่อนว่าจะกินไหมเสมอ ถึงแม้ว่าสุดท้ายก็ยังเข้าท้องของยัยนั่นไปอยู่ดี แต่ว่าความรู้สึกนั้นมีเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นอยู่

เด็กผู้หญิงที่รู้จักดูแลคนอื่นเป็นห่วงคนอื่นนั้นล้วนเป็นคนดีใช่ไหม?

แววตาของกานต์ดูอ่อนโยนลงเป็นอย่างมาก

“งั้นก็รีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวจะละลายหมด ละลายไปก็ไม่อร่อยแล้วนะ”

“ได้”

ทั้งสองคนกลับเข้าไปที่คฤหาสน์อย่างมีความสุข พอกำลังจะเข้าไปข้างในก็โดนวิสุทธิ์ขวางเอาไว้ซะก่อน

“ทูนหัวทั้งสอง เดี๋ยวเราค่อยเข้าไปได้ไหม? คนสองคนนี้ไม่ได้เจอกันมาแปดปีแล้ว มีเรื่องเยอะแยะต้องคุยกัน พวกเธอ……”

“หนูจะให้หม่ามี้กินพุทราเชื่อมค่ะ”

ชมพูยังคงยืนกรานอยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะกานต์บอกว่าเดี๋ยวจะละลายไป เธอก็รู้สึกว่าน่าเสียดายมาก

วิสุทธิ์โดนชมพูพูดจนรู้สึกลำบากเล็กน้อย

กานต์เหล่ตามองเขาทีหนึ่งตรง ๆ แล้วก็พาชมพูเดินอ้อมข้าง ๆ ไปเลย

รอจนตอนที่วิสุทธิ์อยากจะขัดขวางนั้น กานต์กับชมพูก็ได้ไปจากที่นี่และเดินเข้าไปแล้ว

วิสุทธิ์รู้สึกในหัวสมองดังอื้ออึงขึ้น

เจ้ากานต์คนนี้นี่มีความกล้ามากเกินไปหน่อยแล้วมั้ง?

ทางด้านธเนศพลมีคำพูดมากมายอยากจะพูดกับน้ำ หนำซ้ำยังอยากจะรวบตัวเธอมากกอดไว้ในอก แต่ความห่างเหินที่บอกไม่ถูกกับความไม่คุ้นเคยทำให้ทั้งสองคนสบตากันแล้วพูดไม่ออก ชั่วขณะหนึ่งกลับไม่มีการกระทำใด ๆ เลย

ในตอนที่น้ำเห็นธเนศพลนั้น ในใจก็ไม่สงบนิ่งเลย

ไม่ได้เจอกันมาแปดปี ผู้ชายคนนี้ก็ยิ่งหนักแน่นมากขึ้นแล้ว เสน่ห์ของเพศชายมากพอที่จะทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของผู้คนมากมายแล้ว แล้วพอหันมาดูตัวเอง ผอมแห้งจนหนังหุ้มกระดูก ไม่มีความสดใสอย่างเมื่อก่อนตั้งนานแล้ว ที่สำคัญตอนนี้เธอยังเป็นผู้หญิงที่แต่งงานมีสามีแล้ว ระยะห่างที่มีกับธเนศพลก็ไม่เป็นเหมือนเก่าอีกแล้ว

ระยะเวลาแปดปียังไงก็ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง อย่างเช่นความมั่นใจที่มีอยู่ในตอนแรกก็โดนขัดเกลาจนกลายเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว

น้ำรีบก้มหน้าลง แล้วพูดอย่างข่มอารมณ์ไว้ว่า “เดี๋ยวฉันไปเทน้ำให้คุณแก้วหนึ่งนะคะ”

“ได้”

ธเนศพลไม่กล้าให้แรงกดดันกับเธอมากเกินไป เพียงขอเธออยู่ตรงหน้าตัวเองก็พอแล้ว

ได้ฟังเรื่องของน้ำแล้ว ใจของเขาก็รู้สึกเหมือนกับโดนมีดทิ่มแทง แล้วก็รีบร้อนมาหา แต่ก็กลัวว่าความตื่นเต้นของตัวเองจะทำให้เธอตกใจไป

ตอนนี้ขอแค่เธอสามารถยอมรับตัวเองได้ สามารถอยู่ข้างกายตัวเองได้ เรื่องอย่างอื่นยังไงก็ได้เวลายังอีกยาวไกล

เขาธเนศพลไม่ใช่เด็กหนุ่มหัวเหลืองที่อายุสิบเจ็ดสิบแปดมาตั้งนานแล้ว สิ่งของหรือคนที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็จะต้องเอามาให้ได้ แต่ว่าตอนนี้อย่าเพิ่งทำให้น้ำตกใจไปก่อนดีกว่า

น้ำเทน้ำให้ธเนศพลแก้วหนึ่ง แล้วทั้งสองคนก็นั่งอยู่อย่างนั้น น้ำไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร สิ่งที่สามารถรู้ หรือสิ่งที่ไม่สามารถรู้ ส่วนใหญ่ธเนศพลก็รู้อยู่แล้ว ถ้าตัวเองพูดอีกก็เป็นการเสียเวลาเปล่า แต่ถ้าไม่พูดเรื่องพวกนี้ น้ำเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ควรพูดอะไรบ้าง

ไม่เจอกันแปดปี สังคมความเป็นอยู่ของพวกเขาก็ไม่เหมือนกัน ก็เลยไม่มีหัวข้อเรื่องให้พูดคุยกันนานแล้ว ถึงแม้จะยังมีความรู้สึก แต่ว่าความรู้สึกนั้นก็โดนเรื่องราวต่าง ๆ พุ่งชนสลายไปจนไม่มีทางที่จะประสานกันได้แล้วมั้ง

พอน้ำแก้วหนึ่งของธเนศพลเห็นก้นแก้วแล้ว น้ำก็ยังคิดไม่ตกว่าจะคุยอะไรกับธเนศพลดี ท่าทางที่กระสับกระส่ายแบบนั้นกลับเหมือนกับตอนวัยรุ่นเป็นอย่างมาก

“คุณเหี่ยวเฉาไปเยอะมากเลยนะ”

ที่จริงธเนศพลไม่ได้อยากจะพูดคำพูดนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เปิดปากมาก็พูดเรื่องนี้เลย เขาโมโหจนแทบอยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาด

น้ำนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ในดวงตามีความเศร้าซึมพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง

ว่าแล้วว่าต้องรังเกียจจริง ๆ ด้วย

มันก็ใช่อยู่ แปดปีแล้ว ข้างกายเขาจะไม่มีผู้หญิงรูปแบบไหนบ้าง? ส่วนเธอก็ได้กลายเป็นไม่มีความสำคัญไปตั้งนานแล้วมั้ง?

“ไม่ใช่ซิ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผม……”

“คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันเข้าใจดีค่ะ”

น้ำรีบพูดขัดคำพูดของธเนศพล เพราะกลัวว่าจะได้ยินคำพูดอะไรที่ทำให้คนเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจ แล้วก็ในเวลานี้พอดี กานต์ก็พาชมพูเดินเข้ามาแล้ว

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท