“ทำไมเหรอ เรื่องนี้ตอบยากหรือไง”
บุริศร์แสยะยิ้ม และเอาแต่จ้องนิวัฒน์
ตอนนี้นิวัฒน์ไม่ปิดบังอะไรแล้ว
“ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องแล้วยังไง ฉันแค่ปล่อยข่าวลือนิดหน่อยเท่านั้น คนอื่นจะทำยังไง ฉันไม่สามารถควบคุมได้”
แววตาของบุริศร์ฉายแววเย็นชา
“แล้วตอนแรกนายคือคนที่พบแร่โลหะเหรอ”
“เรียกว่าใช่ก็ได้”
นิวัฒน์ไม่ได้ปฏิเสธ
บุริศร์เดินเข้าไป แล้วถามว่า “แล้วทำไมนายไม่เข้าร่วมเองล่ะ ปล่อยข่าวลือทำไม”
“เพราะหมู่บ้านดารายนค่อนข้างวุ่นวาย ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย”
คำพูดของนิวัฒน์ ทำให้บุริศร์หมดคำพูด
“นายจะพูดว่าหนอนกู่ของหมู่บ้านดารายนใช่หรือเปล่า แต่จากที่ฉันรู้ นายก็มีความสามารถด้านนี้นิ นายมาจากหมู่บ้านดารายนเหมือนกันใช่ไหม”
คำพูดนี้ทำให้นิวัฒน์หน้าเปลี่ยนสี
“ทำไม ฉันเดาถูกหรือไง”
บุริศร์คิดมาตลอดว่าเรื่องนี้น่าสงสัย ความรอบคอบของผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านดารายนในตอนนั้น ถึงค้นพบแร่โลหะก็ไม่มีทางบอกให้คนนอกรู้ คงมีแค่คนในหมู่บ้านที่รู้ แต่ทำไมนิวัฒน์ถึงรู้ล่ะ
ถ้านิวัฒน์รู้จากคนนอก แล้วเขาไปรู้มาจากไหน
ที่สำคัญคือ นิวัฒน์มีความสามารถด้านพิษหนอนกู่!
นี่คือเหตุผลที่บุริศร์สงสัยเขา!
พิษหนอนกู่ของหมู่บ้านดารายนไม่เป็นรองใคร นอกจากคนในหมู่บ้าน ที่อื่นล้วนด้อยกว่าพวกเขา แต่จากที่มิลินรักษาให้พนอ มิลินพบว่าฝีมือของคนวางพิษหนอนกู่ เหมือนหมู่บ้านดารายนมาก
เพราะฉะนั้นบุริศร์จึงสงสัย คิดไม่ถึงว่าจะเดาถูก
เหมือนนิวัฒน์ไม่อยากคุยเรื่องนี้ แต่บุริศร์ไม่ยอมแพ้
“ถ้านายเป็นคนของหมู่บ้านดารายนจริง ตอนนี้ฉันคือผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านดารายน นายควรนอบน้อมกับฉันสักหน่อยไหม”
โดนคนอายุรุ่นหลานถามแบบนี้ สีหน้าของนิวัฒน์ไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก
“หึ! ถ้าไม่ใช่เพราะโอ นายจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้ ตอนนี้ยังกล้าให้ฉันนอบน้อมกับนายเหรอ นายมีสิทธิ์อะไร!”
“แสดงว่านายยอมรับแล้วว่าเป็นคนของหมู่บ้านดารายน แต่ฉันก็ยังสงสัย คนในหมู่บ้านดารายน ล้วนสกุลดารายน ทำไมนายถึงแช่วานิชล่ะ”
เมื่อนิวัฒน์ได้ยิน สีหน้าของเขายิ่งไม่สู้ดี
“ในเมื่อคนในหมู่บ้านดารายน ล้วนสกุลดารายน แล้วทำไมนายถึงสกุลโตเล็กล่ะ”
บุริศร์เข้าใจทันที
รู้สึกว่านิวัฒน์เหมือนกับเขา แม่เป็นคนของหมู่บ้านดารายน แต่พ่อไม่ใช่
แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้อยากรู้
“หมู่บ้านดารายนห้ามแต่งงานกับคนนอก”
“ดังนั้นพ่อฉันจึงโดนฆ่าตาย แม่ต้องเป็นม่าย เลี้ยงดูฉันจนโต”
นิวัฒน์เกลียดธรรมเนียมของหมู่บ้านดารายนมาก
ถึงตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องปกปิดตัวตนอีกแล้ว ในเมื่อบุริศร์อยากรู้ บอกไปก็ไม่เห็นเป็นอะไร
“แม่ฉันแค่ชอบผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งพ่อฉันยังยอมแต่งเข้าหมู่บ้านดารายน แต่หลังคลอดฉันออกมา พ่อฉันอยากให้ฉันใช้นามสกุลเขา แต่ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านดารายนไม่ยอม บอกว่าลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิง ไม่มีสิทธิ์พูด แม่ฉันแค่พูดปกป้องพ่อไม่กี่ประโยค ก็โดนลงโทษให้ไปคุกเข่าที่หอบรรพบุรุษ พ่อฉันเจ็บปวดใจ จึงทะเลาะกับผู้ใหญ่บ้าน แล้วโดนพวกเขาฆ่าตาย หลังตายยังไม่มีที่ฝังศพ พวกเขาเอาศพพ่อฉันไปโยนหลังเขา ให้พวกสัตว์ป่ากัดกิน แม่ฉันไม่มีกำลัง ร้องไห้จนสลบไปหลายครั้ง ตาของฉันไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย แถมยังด่าฉันว่าเป็นสัตว์ แบบนี้เรียกว่าคนในครอบครัวเหรอ”
เมื่อนิวัฒน์นึกถึงเรื่องพวกนั้น สีหน้าของเขาโหดเหี้ยมมาก
บุริศร์ไม่รู้ว่าจะตัดสินเรื่องในตอนนั้นอย่างไร เพราะต่างยุคสมัย การที่หมู่บ้านดารายนห้ามไม่ให้แต่งงานกับคนนอก ก็เพราะการมีอยู่ของพิษหนอนกู่ ดังนั้นยังตัดสินไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก
เมื่อเห็นบุริศร์เงียบ นิวัฒน์แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าความรักของพ่อแม่ฉันผิดธรรมเนียม แล้วฉันล่ะ ฉันเป็นแค่เด็กที่ไม่รู้อะไร ไม่มีสิทธิ์ตัดสินว่าตัวเองจะคลอดออกมาหรือไม่ ฉันผิดอะไร แต่เพราะผู้ใหญ่บ้านในตอนนั้น กลับใช้เหตุผลว่าฉันไม่ใช่คนของหมู่บ้านดารายน ขับไล่ฉันออกจากหมู่บ้าน ตั้งแต่ตอนนั้นฉันต้องแยกทางกับแม่ คิดถึงแต่ทำอะไรไม่ได้ สุดท้าย ก่อนที่แม่ฉันจะตายเพราะอาการป่วย ฉันก็ไม่สามารถเจอหน้าแม่ได้ อย่างนี้ คนในหมู่บ้านและผู้ใหญ่บ้านที่ไร้เมตตา มีความจำเป็นอะไรที่ต้องมีชีวิตอยู่อีก”
“ฉันรู้ว่าความลับของหมู่บ้านดารายนคือแร่โลหะ ถึงเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ฉันรู้มาโดยบังเอิญ หรือบางทีพวกเขาคิดว่าฉันเป็นเด็ก คงจำเรื่องนี้ไม่ได้ และคงฟังไม่รู้เรื่อง แต่ฉันกลับฟังเข้าใจ ดังนั้นบางครั้งฉันจริงแอบวางแผน ฉันเกลียดคนของหมู่บ้านดารายน เกลียดผู้ใหญ่บ้านคนนั้น ดังนั้นฉันจะทำลายทุกอย่าง! แต่แม่พูดกับฉันว่า ตั้งแต่ฉันเรียนรู้เรื่องพิษหนอนกู่ ฉันจะทำร้ายคนในตระกูลเดียวกันไม่ได้ ไม่งั้นหนอนกู่ในตัวจะกลืนกินฉันจนหมดสิ้น ฉันเกลียดพวกเขา จนแทบอยากฆ่าพวกเขาให้ตาย แต่ฉันไม่สามารถลงมือเองได้ ฉันถึงต้องยืมมือคนอื่นเพื่อฆ่าคนไงล่ะ”
“ตอนนั้นฉันได้ยินว่าสมชัยที่อยู่ ประเทศ R จิตใจคิดคด แต่กลับไม่มีพละกำลังที่แข็งแกร่ง ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจใช้แผนทางอ้อม โดยการเข้าทางพัสวีศิริเพื่อนรักของสมชัย นายรู้ไหมว่าพัสวีศิริคือใคร”
บุริศร์ส่ายหน้าให้กับคำถามของนิวัฒน์
หลายปีมานี้นิวัฒน์เก็บงำอย่างทุกข์ทรมานมาตลอด บางอย่างเขาไม่สามารถพูดกับใครได้ และไม่อยากพูด แต่วันนี้ได้พูดแล้ว เขามองบุริศร์แล้วไม่ได้รู้สึกขัดหูขัดตา จากนั้นจึงหัวเราะ แล้วพูดว่า “พัสวีศิริคือพ่อคุณยายของนรมน เป็นพระราชาของ ประเทศ S”
ประเทศ Sเป็นประเทศเล็กๆ ไม่ต่างจากประเทศของสมชัยเท่าไร แต่พระราชาพอใจกับสิ่งที่มี แค่ไม่มีผู้บุกรุก เขาก็ปล่อยไปตามน้ำ ประชาชนในประเทศอยู่กันอย่างสงบสุข
บุริศร์ไม่คิดไม่ฝันว่าคุณยายของนรมน จะมีฐานะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เขาอดตะลึงไม่ได้
“นายพูดจริงเหรอ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องหลอกนาย!”
นิวัฒน์นึกย้อนถึงวันวานที่อยู่ด้วยกัน แววตาของเขาดูเลื่อนลอย
“ถึงพัสวีศิริรักความสงบ แต่อีกฝ่ายดีมาก เขากับสมชัยเป็นเพื่อนกัน โดยไม่สนใจเรื่องอายุ แถมยังอยากยกลูกสาวแสนรักให้เป็นภรรยาสมชัย แต่งงานเพื่อสร้างสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ แต่น่าเสียดายที่พันวรินไม่ชอบสมชัย จึงยอมแพ้กับเรื่องนี้ ใช่สิ พันวรินก็คือคุณยายของนรมน เจ้าหญิงองค์เดียวของประเทศ S”
เมื่อคิดถึงผู้หญิงคนนี้ แววตาของนิวัฒน์อ่อนโยนลงมาก
“พันวรินเป็นผู้หญิงที่อบอุ่นและอ่อนโยนมาก เธอมีความคิดเป็นของตัวเอง เธออยากไปดูข้างนอกประเทศ S ตอนนั้นแค่ใครแต่งงานกับเธอ จะกลายเป็นราชบุตรเขยของประเทศ S สามารถสืบทอดทุกสิ่งทุกอย่างของประเทศ S ฉันอยากได้อำนาจมาก จึงจงใจเข้าใกล้เธอ และจัดฉากเป็นฮีโร่ช่วยสาวงาม สุดท้ายเธอตกหลุมรักฉัน อย่างที่ฉันหวังไว้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของนิวัฒน์ดูอบอุ่นและอ่อนโยน เหมือนชื่อนี้ทำให้ใจเขาหวั่นไหว
ถ้าบุริศร์ไม่รู้เรื่องพวกนั้นที่นิวัฒน์ทำ บางทีอาจคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่รักผู้หญิงอย่างสุดหัวใจ