“น่าจะใช่”
นรมนนึกถึงทั้งหมดที่ตนเองเห็น อดไม่ได้ที่จะมีความกังวลเล็กน้อย
“งั้นพวกเราจะต้องไปหาจณัตว์แล้ว”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนมีความดีอกดีใจเล็กน้อย แต่ก็มีความกังวลเล็กน้อยเช่นกัน
“ตอนนี้พวกเราเข้าไปจะไม่ค่อยดีใช่หรือไม่ล่ะ? ถ้าหากข้างบนสังเกตได้จะทำยังไงดีล่ะ?”
“นี่อยู่ต่างประเทศ อีกทั้งผมเชื่อว่าผ่านเวลาไปนานขนาดนี้แล้ว ราเชนน่าจะจัดการเรื่องสถานะของจณัตว์เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากแม้แต่เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ล้วนจัดการไม่ได้ล่ะก็ เขากษัตริย์คนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเช่นกัน”
บุริศร์ไม่เกรงใจสักนิดพูดอยู่
นรมนปิดปากเงียบ ไม่พูดแทรก ในเวลานี้เข้าข้างใครล้วนไม่ดีเธอถือโอกาสทำเป็นไม่ได้ยินเสียเลย
“งั้นพวกเราจะต้องแจ้งหงส์หรือไม่ล่ะ? นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอพวกเขาสามีภรรยาคู่นี้เช่นกัน ถ้าหากหงส์รู้ว่าพี่ชายฉันยังอยู่ ไม่แน่อาจจะดีใจมากขนาดไหนล่ะ”
นรมนจ้องมองบุริศร์อยู่ บุริศร์ยิ้มตาหยีพูดว่า “ตามใจคุณ”
“คุณดีจริงๆ”
นรมนชื่นชมบุริศร์ไปคำหนึ่งจากใจจริง
บุริศร์กลับมีความหยิ่งผยองเล็กน้อยพูดว่า “คุณเพิ่งรู้เหรอ? อย่าลืมสิ่งที่คุณรับปากกับผมเมื่อกี้ คืนนี้อยู่กับผม อืม?”
หางเสียงของเขาลากยาวมาก ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของตนเองใช่หรือไม่ อยู่ดีๆนรมนรู้สึกว่าหางเสียงนี้แฝงไว้ด้วยความยั่วยุกับคลุมเครือเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย
“ไปล่ะ”
เธอไม่สามารถยั่วกันกับบุริศร์อยู่ต่อหน้าศพของนิวัฒน์จริงๆ ยิ่งกว่านั้นยังมีเรื่องมากมายต้องจัดการ
ตอนที่บุริศร์พานรมนออกมา ในที่สุดอรรณพก็ได้ปรากฏตัวแล้ว
เขาพาคนมาถึงที่นี่ด้วยตนเอง ตอนที่เห็นบุริศร์ขมวดคิ้วนิดๆ พูดว่า “คุณไม่เกรงใจพุ่งเป้ามายังผมมองไม่ออกว่าผมยุ่งมากขนาดไหนเหรอ?”
“มองไม่ออก”
บุริศร์ภาคภูมิใจที่ประสบความสำเร็จเต็มใบหน้า อรรณพมองจนรู้สึกขวางหูขวางตาเป็นพิเศษจริงๆ
“พี่สะใภ้รอง รมิดาเพิ่งกลับมา ต้องพักผ่อนระยะหนึ่ง ผมคิดว่านานแล้วพวกคุณไม่ได้เจอกัน ไม่งั้นผมจะให้คนมารับคุณเข้าวัง ไปอยู่พร้อมหน้ากันกับรมิดาล่ะ?”
ความตั้งใจของอรรณพมองเพียงแว๊บเดียวก็รู้ชัดเจน
ทำไมเขาต้องพยายามทำอย่างสุดกำลังบริการฟรีให้กับบุริศร์ทั้งยังไม่ได้รับคำพูดดีๆสักคำอีกล่ะ? เห็นลักษณะท่าทีภาคภูมิใจที่ประสบความสำเร็จนั้นของบุริศร์ก็รู้ว่าเขาย่อมชุ่มฉ่ำอย่างมากแน่นอน
พอนึกถึงตั้งแต่เขารับมือเรื่องเหี้ยๆกองนี้ ยุ่งจนเท้าไม่ติดดิน อย่าพูดว่าอยู่กับภรรยาเขาเลย สามารถนอนกับภรรยาดีๆสักคืนล้วนเป็นความฟุ่มเฟือย กลับยังมีคนไม่มีตาขนาดนั้นวิ่งมาต่อหน้าเขากระทบกระเทือนเขา จะให้เขาทนได้ยังไงล่ะ?
แท้ที่จริงนรมนก็มีความคิดถึงรมิดาเล็กน้อยเช่นกัน แต่เธอรู้ว่าเรื่องของนภดลกับปาณีสำคัญกว่า ดังนั้นปฏิเสธข้อเสนอของอรรณพไปเลย
“ความหวังดีของคุณชายอรรณพฉันรับน้ำใจไว้แล้ว แม้ว่าฉันก็อยากจะอยู่พร้อมหน้ากันกับรมิดามากเช่นกัน แต่ครั้งนี้ไม่ได้จริงๆ พวกเรายังมีเรื่องต้องรีบออกไป”
“เรื่องอะไรจะรีบร้อนขนาดนี้ล่ะ? นี่คนล้วนไม่ใช่จัดการแล้วเหรอ? ยังมีเรื่องอะไรเหรอ?”
อรรณพดูแล้ว นิวัฒน์ล้วนถูกเจตต์ฆ่าไปแล้ว เรื่องนี้ก็จบลงเป็นเวลาชั่วคราว ต่อจากนี้ทุกคนผ่อนคลายอารมณ์สักหน่อยจะไม่ดีเหรอ?
บุริศร์จะไม่รู้ถึงความคิดของอรรณพได้อย่างไร แต่ได้ยินคำตอบของนรมนทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา ก็เลยถือโอกาสรับต่อคำพูดของนรมนพูดว่า “นภดลอยู่ที่นี่ อีกทั้งแปรสภาพไปแล้ว พวกเราได้เพียงแต่พาเขารีบไปหาวิธียับยั้งไว้ มิฉะนั้นละก็คุณอยู่ที่นี่คาดว่าจะยิ่งวุ่นวาย”
“อีเหี้ยยยยย!”
อรรณพเกือบจะกระโดดขึ้นมาทั้งตัว
“เขาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะ?”
“ผลงานชิ้นเอกของนิวัฒน์ พวกเราก็เพิ่งรู้เช่นกัน แต่คนคาดว่าส่งไปบนทะเลแล้ว ดังนั้นพวกเราก็จะรีบเร่งเข้าไปเช่นกัน”
ด้วยความเข้าใจที่บุริศร์มีต่อขวัญตา สิ่งที่เธอจะสามารถเรียกใช้ได้มีเพียงแค่เส้นทางการเดินเรือส่วนตัวที่อยู่บนทะเล ก็พูดได้ว่าขวัญตาอาจจะมีวิธีลับในการติดต่อคุณท่านขันธ์ชัยตามลำพัง สำหรับจุดนี้เขาไม่รู้สึกสนใจ ก็ไม่ไปถามเช่นกัน ถึงยังไงคนปลอดภัยก็พอ
อรรณพได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ ย่อมไม่กล้าให้พวกเขาอยู่ต่ออยู่แล้ว รีบวางแผนเครื่องบินส่วนตัวส่งพวกเขาออกจากที่นี่
แต่ว่าก่อนที่บุริศร์จะไปยังคงถูกอรรณพเดินไปข้างๆ
“ทำอะไร?”
บุริศร์มองเห็นลักษณะท่าทีที่ลึกลับของอรรณพ อดไม่ได้ที่จะมีความแปลกใจเล็กน้อย
อรรณพจ้องมองบุริศร์อยู่ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “ให้กานต์บ้านคุณห่างไกลๆกับลูกสาวผมหน่อย!”
ที่แท้เป็นเพราะเรื่องนี้นี่เอง
บุริศร์มีความพูดไม่ออกเล็กน้อยว่า “เรื่องของพวกเด็กๆให้พวกเด็กๆจัดการเองได้หรือไม่ล่ะ?”
“คุณเหลวไหล! ถ้าหากกมลบ้านของพวกคุณถูกไอ้หนุ่มคนอื่นทำร้ายเช่นนี้ คุณยังจะนั่งเฉยได้เหรอ?”
พอนึกถึงฉากนั้น ทันใดนั้นบุริศร์ขมวดคิ้วขึ้นมา
เขาจะตีขาของไอ้หนุ่มคนนั้นให้หัก!
จากนั้นบุริศร์ก็รู้สึกถึงอารมณ์ของอรรณพแล้ว แต่อยากจะให้เขาควบคุมเรื่องความรักความผูกพันของลูกชายตนเอง เขาควบคุมไม่ได้นะ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ลูกเพิ่งเจ็ดขวบ จะเข้าใจอะไรล่ะ
“ณพ คุณอาจจะคิดมากไปแล้ว ตั้งแต่แรกก็คือไอราชอบกานต์ล่ะ”
“ได้ยินคุณพูดเช่นนี้ ผมทำไมรู้สึกว่าคุณค่อนข้างภาคภูมิใจในตัวเองนะ?”
โดยจิตใต้สำนึกมุมปากของบุริศร์ยกขึ้นมาเลย
“ก็ไม่ใช่อย่างนั้น”
“ไม่ใช่เหี้ยอะไร! อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่? กานต์บ้านคุณไม่มีอะไรทำไมหน้าตาหล่อขนาดนี้ล่ะ? มิฉะนั้นลูกสาวผมจะชอบเขาได้เหรอ? ผลสุดท้ายลักษณะท่าทีของลูกชายคุณเหมือนดั่งลูกสาวผมจะแย่งชิงเขามาเป็นลูกเขยหัวหน้าโจรแบบนั้น สายตาอะไรล่ะ? ผมบอกกับคุณนะ ผมไม่สนว่ากานต์จะโตขนาดไหน ถ้าหากเขากล้าทำให้ลูกสาวผมเสียใจ ผมกับเขาไม่จบแน่”
อรรณพเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าปกป้องลูกสาวจนบ้าคลั่ง
ก่อนหน้านี้เรื่องที่กานต์กับไอราอยู่หน้าประตูวิลล่าเขาไม่ใช่ไม่รู้ ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะว่ากานต์เป็นลูกชายของบุริศร์ ตอนนี้เขาให้คนโยนกานต์เป็นอาหารปลาในมหาสมุทรแปซิฟิกมานานแล้ว
ไอ้หนุ่ม กลับกลายเป็นยังกล้าด่าลูกสาวเขา!
กล้าขึ้นมากจริงๆเลย!
เห็นลักษณะท่าทีที่จะสู้สุดชีวิตกับตนเองของอรรณพแบบนั้น บุริศร์รีบพยักหน้า
“ได้ๆๆ ผมกลับไปก็จะย้ำแล้วย้ำเล่าสั่งกานต์ให้ห่างไกลๆจากไอราบ้านคุณหน่อย แต่มีจุดหนึ่งผมต้องประกาศก่อนนะ ถ้าหากไอราเป็นฝ่ายมาเล่นกับกานต์เองล่ะก็ ผมจะขัดขวางไม่ได้นะ”
“พอเถอะ! คิดว่ากานต์บ้านคุณเป็นคนที่น่าหมายปองคนหนึ่งจริงๆล่ะ? ลูกสาวผมจะไม่น่าอายเหรอ? คุณควบคุมลูกชายของคุณให้ดีๆก็พอแล้ว”
อรรณพพูดจบก็โบกมือแล้วโบกมืออีกพูดว่า “รีบไสหัวออกไป!”
“คุณก็ปากแข็งเถอะ”
บุริศร์ยิ้มบางๆอยู่ขึ้นเครื่องบินเลย
นรมนไม่รู้ว่าทั้งสองคนแอบพูดอะไร แต่เห็นลักษณะท่าทีอารมณ์บุริศร์เหมือนดั่งดีมาก อดไม่ได้ที่จะถามว่า “พูดเรื่องน่าสนุกอะไรเหรอ? สนุกคนเดียวไม่สู้ให้ทุกคนสนุกด้วย”
บุริศร์ก็เลยเล่าคำพูดของอรรณพอีกรอบ ทันใดนั้นนรมนก็เงียบสนิทไปเลย
“เป็นยังไงล่ะ?”
บุริศร์คิดว่านรมนโมโหแล้ว รีบพูดว่า “คุณก็อย่าโทษณพเลย พวกเราก็มีลูกสาวเช่นกัน เอาใจเขามาใส่ใจเราลองคิดดู ถ้าใครกล้าพูดจากับลูกสาวผมขนาดนั้น ผมย่อมไม่พอใจแน่นอนเช่นกันล่ะ”
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น ฉันก็แค่รู้สึกว่าลูกยังเด็กอยู่ พวกคุณพวกนายท่านทั้งสองเป็นห่วงเร็วเกินไปหน่อยแล้วจริงๆ”
นรมนพูดไม่ออกตอบกลับคำหนึ่ง กลับอยู่ในเวลานี้ มีเสียงโทรศัพท์มือถือที่คุ้นเคยอยู่ดีๆโผล่ออกมา กลับทำให้นรมนกับบุริศร์ตื่นตกใจหนึ่งที