“คุณชายจณัตว์ องค์หญิงห้ากลับมาแล้ว พระราชาให้ผมมาถามว่าคุณต้องการไปรับด้วยตนเองหรือไม่? เขาบอกว่าไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ เร็วก็ดีกว่าช้า”
คำพูดของหัวหน้าองครักษ์ทำให้จณัตว์ชักสีหน้าขึ้นมาทันที ในขณะที่บุริศร์และนรมนหัวเราะไปกับความโชคร้ายของคนอื่น
“พี่คะ พี่รีบไปดีกว่า จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ตายเหมือนกัน”
เป็นครั้งแรกที่จณัตว์รู้สึกว่านรมนไม่น่ารักเสียแล้ว
“เธอเรียนรู้นิสัยแย่ๆ มาจากบุริศร์แล้ว ถ้าฉันถูกหงส์ฆ่าปิดปาก พวกเธอลองนึกภาพดูสิว่าจะมีกี่คนที่ต้องเจ็บปวดจนจะขาดใจ”
ว่าแล้วจณัตว์ก็เงียบแล้วลุกขึ้นยืน เดินออกไปข้างนอกอย่างไม่ยี่หระ
นรมนอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็นึกถึงคมทิพย์ หงส์ และปวีรา ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ต้องการให้จณัตว์ทำการผ่าตัด
“ที่รัก เราไปช่วยพี่ชายของฉันดีไหม?”
“เรื่องผัวเมียทะเลาะกัน คุณจะไปทำไม? ไปเป็นกว้างขวางคอเหรอ?”
บุริศร์ปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
นรมนลองคิดดูมันก็ถูก สองคนนี้ไม่เจอกันมาเกือบสองปีแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ
“ทำไมเราไม่ไปพักผ่อนสักหน่อยล่ะ การเดินทางเที่ยวนี้เหน็ดเหนื่อยมาก คืนนี้พอพวกนภดลมาถึงน่าจะยิ่งเหนื่อยกว่านี้อีก”
สิ่งที่บุริศร์พูดทำให้นรมนหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่เอา ฉันอยากอยู่กับพ่อแม่”
จิตใจที่แพรวพราวไปด้วยเล่ห์เพทุบายของเขา เธอจะไม่รู้ได้อย่างไร?
เธอไม่อยากเข้าไปให้เขาต้อนจนมุม
บุริศร์รู้สึกห่อเหี่ยวที่ถูกปฏิเสธ
“ที่รัก คุณสัญญากับผมแล้วนะ”
“ฉันไปสัญญากับคุณตอนไหน?”
นรมนพยายามบ่ายเบี่ยงจนถึงที่สุด
คิมทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
“เดี๋ยวพ่อกับแม่จะออกไปเดินเล่นกัน เชิญพวกเธอตามสบายเถอะ”
พูดจบก็ดึงชินทรไป
ชินทรไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่ในเมื่อภรรยาต้องการออกไปให้ได้ จึงต้องยืนขึ้นเหลือบมองบุริศร์แล้วบอกว่า “นรมนไม่ค่อยสบาย คุณอย่าหักโหมนักล่ะ”
พอพูดออกมาเช่นนี้ นรมนก็แทบอยากจะฝังตัวเองลงกับพื้น
ที่แท้เรื่องนั้นทุกคนก็มองออกหมดแล้ว!
น่าอายชะมัด
บุริศร์กลับยิ้มอย่างเฉยเมยแล้วพูดว่า “ครับ คุณพ่อ ผมจะระวัง”
นรมนหยิกบุริศร์อย่างแรง
ผู้ชายคนนี้หนังหน้าจะหนาถึงขนาดไหนกันนะ!
แต่ดูเหมือนบุริศร์จะไม่รู้สึกอะไรเลย เขาส่งพ่อตาแม่ยายกลับไปด้วยรอยยิ้ม แล้วอุ้มนรมนขึ้นมา
“ปล่อยฉันลงนะ!”
นรมนรู้สึกอับอายเหลือเกิน
แต่บุริศร์กลับยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เห็นเป็นไร เราเป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้ว ปล่อยให้พวกเขาหมั่นไส้อิจฉาไปเถอะ”
“คุณจะบ้าเหรอ? ใครจะมาหมั่นไส้อิจฉา?”
นรมนแทบจะเอาหน้าตัวเองซุกไว้ในอ้อมแขนของบุริศร์
มันช่างน่าละอายอย่างปฏิเสธไม่ได้
บุริศร์ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย เขาพาภรรยาเข้าไปในห้องและปิดประตูด้วยความพึงพอใจ ส่วนจะทำอะไรนั้น ทุกคนรู้อยู่แก่ใจดี
เมื่อออกจากวังมาแล้วจณัตว์ก็ค่อนข้างหวาดหวั่น เมื่อนึกถึงท่าทีของหงส์หลังจากที่ได้รู้เรื่อง เขาก็รู้สึกเย็นวาบที่ท้ายทอยอย่างฉับพลัน
บางทีเขาควรไปซื้อที่ฝังศพเอาไว้ก่อน
หัวหน้าองครักษ์ออกมาพร้อมกับเขา เมื่อเห็นจณัตว์มีสภาพเช่นนั้น ก็หัวเราะพร้อมกับบอกว่า “คุณชายจณัตว์ องค์หญิงห้าไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะครับ”
“อืม”
จณัตว์ที่อยู่ต่อหน้าคนนอกและต่อหน้าพวกนรมนเป็นคนละคนกัน
แม้ว่าในใจจะยังกังวลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก ขับรถตรงไปยังสนามบิน
เมื่อหงส์กลับมาถึงประเทศF ก็มีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้
ที่นี่คือบ้านเกิดของเธอ ตามหลักแล้วเธอควรจะรู้สึกคุ้นเคย แต่จริงๆ แล้วเธอไม่อยากมาเหยียบที่นี่เพราะเรื่องจณัตว์ ถ้าไม่ใช่เพราะคำเชิญของนรมนและบุริศร์ เธอเองก็เป็นห่วงพี่รองถึงได้กลับมาเยี่ยม แต่ความจริงแล้วนั้นไม่จำเป็นต้องกลับมาเลย
สองปีที่ผ่านมาเธอมีช่วงเวลาที่ดีมากในตระกูลทวีทรัพย์ธาดา
หลังจากที่อาธรรศแต่งงานแล้วก็เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ อาธรณีก็คอยอยู่ดีใจกับความสำเร็จของเธอตลอดเวลา ในขณะที่หงส์รู้สึกถึงความอบอุ่นภายในครอบครัวที่หายไปนานในตระกูลทวีทรัพย์ธาดา
ลมพัดผมยาวของเธอปลิวสยาย เธอเอาหนังยางมัดไว้อย่างรังเกียจ มองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นคนที่มารับเธอ
เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าองครักษ์?
จำเวลาผิดหรือเปล่า?
หรือว่าพี่รองยุ่งจนปลีกเวลามาไม่ได้?
หงส์เดาสุ่มแล้วลากกระเป๋าเดินทางเดินออกไปด้านนอก ขณะกำลังจะโบกแท็กซี่กลับ ก็เห็นรถลิงคอล์นสีดำคันหนึ่งจอดลงตรงหน้าเธอ
“คนสวย เรียกแท็กซี่หรือเปล่า?”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น หงส์ตกตะลึงในทันที ใจลอยไปชั่วขณะ
เธอหูฝาดไปหรือเปล่า?
ทำไมเธอถึงได้ยินเสียงของจณัตว์?
หงส์สะบัดหน้าอย่างแรง แต่กลับเห็นหน้าต่างรถลิงคอล์นถูกเลื่อนลง ใบหน้าที่คุ้นเคยที่สุดปรากฏขึ้นตรงหน้าหงส์ในทันที
จณัตว์ยิ้มแป้นพลางพูดว่า “คนสวย ต้องการแท็กซี่หรือเปล่า? เรียกปุ๊บมาปั๊บ ไม่คิดเงิน”
ขณะที่หงส์ขยี้ตาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่ภาพลวงตาของตัวเอง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดอย่างเย็นชา “ไม่ลงมาช่วยยกกระเป๋า ต้องให้ฉันยกเองหรือเปล่า?”
จณัตว์อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเปิดประตูลงมาจากรถ
“ผมเอง ผมเอง!”
จณัตว์เปิดกระโปรงหลัง รับกระเป๋าเดินทางจากมือหงส์
มือของเขาแตะโดนนิ้วของหงส์โดยไม่ได้ตั้งใจ สัมผัสอันอบอุ่นทำให้หงส์ได้สติกลับมา
บ้าเอ๊ย! ตัวเป็นๆ จริงๆ!
ดวงตาของหงส์เย็นชาลง เดินอ้อมตัวรถตรงไปยังที่นั่งฝั่งคนขับ
ทันทีที่จณัตว์ปิดกระโปรงหลัง ก็ได้ยินเสียงดังครืน รถพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกศรที่ออกจากคันธนู
“บ้าเอ๊ย หงส์ รอผมด้วย!”
กระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือของเขาอยู่ในรถ สนามบินอยู่ห่างจากวังมาก คงไม่ได้จะให้เขาวิ่งกลับไปหรอกนะ
หงส์ตอบเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“วิ่งกลับไป ถ้าให้ฉันรู้ว่าคุณเรียกแท็กซี่ ชาตินี้คุณอย่าหวังจะได้นอนกับฉันเลย!”
พูดจบรถลิงคอล์นก็เลื่อนกระจกรถขึ้น
จณัตว์อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
ร้อยกว่ากิโล ให้เขาวิ่งกลับไปงั้นเหรอ?
ภรรยาช่างโหดร้ายจริงๆ!
แค่คำอธิบายก็ยังไม่ให้เขาพูด
หงส์ไม่สนว่าจณัตว์จะคิดอย่างไร เธอตัวสั่นไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นหรือโมโห
บนที่นั่งข้างคนขับคือโทรศัพท์มือถือของจณัตว์ เคสโทรศัพท์เธอเป็นคนซื้อให้เขาเอง เธอรูดเปิดมือถือ หน้าจอยังคงเป็นภาพถ่ายวันแต่งงานของทั้งสอง
ดวงตาของหงส์แดงก่ำขึ้นทันที
กี่วันกี่คืนที่เธอนอนไม่หลับ เอาแต่โทษตัวเองตลอดเวลาที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างจณัตว์ในตอนที่เขาตาย สองปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยมาเข้าฝันเธอเลย ตอนนี้ได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่อย่างคาดไม่ถึง ถึงอย่างไรหงส์ก็ยังดีใจอยู่ดี
เขายังมีชีวิตอยู่ ดีจริงๆ!
หงส์ชะลอรถลง มองเห็นผู้ชายที่คุ้นเคยวิ่งอยู่หลังรถจากกระจกมองหลัง สายตาของเธอมีแววหลงใหล
สองปีเลยนะ
เขาอดทนไม่ติดต่อเธอได้อย่างไร?
แม้ว่าจะมีความลำบากใจอะไร แค่ฝากใครสักคนส่งข่าวให้เธอมันจะยากสักแค่ไหน?
ความสุขล้นปรี่เต็มหัวใจของเธอ ระคนไปด้วยความโกรธเช่นกัน
ร้อยกิโลจะสักเท่าใดกัน?
สองปีที่ผ่านมาน้ำตาแห่งความเสียใจของเธอรวมกันได้เป็นโอ่ง ใครจะชดใช้ให้เธอได้บ้าง?