ถึงนรมนไม่รู้ว่าคมทิพย์เป็นอะไร แล้วก็คิดไม่ออกด้วย หลังปลดปล่อยความคิดของตัวเอง ได้ยินพวกเจตต์กลับมา เธอจึงตั้งสติ แล้วเดินออกจากห้อง
บุริศร์เห็นสีหน้าเธอไม่สู้ดี จึงเดินเข้ามา แล้วถามว่า “เป็นอะไรไป ทะเลาะกับคมทิพย์เหรอ”
เมื่อถามจบ เขารู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
ทุกคนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างนรมนกับคมทิพย์ดี จะทะเลาะกันได้ยังไง อีกอย่างทั้งสอง ไม่ได้มีผลประโยชน์มาพัวพันด้วย
นรมนส่ายหน้า แล้วถามเบาๆ ว่า “นายว่าบนโลกนี้ มีเรื่องแฟนตาซีเกี่ยวกับการเกิดใหม่หรือเปล่า”
“คุณอ่านนิยายมากไปหรือเปล่า”
คำพูดของบุริศร์ ทำให้นรมนชะงักไป
“นายคิดว่าเป็นไปไม่ได้เหรอ”
“บนโลกนี้มีเรื่องประหลาดมากมาย แต่เรื่องเหลือเชื่อ อย่างเรื่องเกิดใหม่ นอกจากในนิยาย ก็ไม่เคยเจอในชีวิตจริงนะ อย่าบอกนะว่าคุณเจอใครเกิดใหม่”
คำพูดของบุริศร์ ทำให้นรมนตระหนักได้
“ดังนั้นไม่มีเรื่องเกิดใหม่อะไรทั้งนั้น! เธอกำลังหลอกฉัน!”
“ใคร คมทิพย์เหรอ เธอบอกว่าเกิดใหม่เหรอ”
บุริศร์เชื่อมโยงสาเหตุที่นรมนสีหน้าไม่สู้ดี เขาอดพูดไม่ได้ว่า “เธออินบทมากไปหรือเปล่า เกิดใหม่เหรอ ทำไมเธอไม่พูดว่าวิญญาณสิงในร่างใหม่ไปเลยล่ะ หรือไม่ก็พูดว่าลงมาจากฟ้า อะไรทำนองนั้น”
นรมนจ้องบุริศร์อย่างไม่พอใจ
“นายอย่ามาว่าคมทิพย์แบบนี้ การที่เธอทำแบบนี้ ต้องมีเรื่องทุกข์ใจที่บอกไม่ได้แน่นอน”
“นี่เรียกว่าแสร้งทำ ไม่ใช่มีเรื่องทุกข์ใจที่บอกไม่ได้! คุณอย่าบอกนะว่า เธอพูดแบบนี้กับพฤกษ์เหมือนกัน”
บุริศร์เชื่อมโยงความคิดอย่างรวดเร็ว นรมนไม่อยากยอมรับ แต่เมื่อเห็นแววตาแบบนั้นของบุริศร์ เธอจึงทำได้เพียงกระตุกมุมปากเบาๆ
“กานต์กับนภดลกลับมาแล้ว เราไปจัดการเรื่องนี้ก่อนดีกว่า”
“เรื่องนั้นไม่ต้องรีบ”
เมื่อบุริศร์ได้ยินว่าเกี่ยวกับพฤกษ์ จึงรั้งแขนนรมนเอาไว้ “คมทิพย์พูดแบบนี้กับพฤกษ์ใช่ไหม”
“เขาสองคนจัดการเรื่องตัวเองได้ นายไม่ต้องเข้าไปก้าวก่าย!”
นรมนพูดหยุดบุริศร์เอาไว้ก่อน
อันที่จริง เธอกลัวว่าบุริศร์จะทำอะไรคมทิพย์
บุริศร์ยิ้มเย็นชา แล้วพูดว่า “ถ้าเรื่องนี้พฤกษ์เป็นฝ่ายทำ คุณจะทำยังไง”
นรมนเงียบไป
ถ้าพฤกษ์ใช้เรื่องความเป็นความตายมาอ้าง เธอต้องจัดการพฤกษ์แน่ ดังนั้นเธอจึงเข้าใจความรู้สึกของบุริศร์
“พฤกษ์บอกว่าเขาจัดการได้”
“อย่างมากคมทิพย์ก็ไม่ได้ชอบคนอื่น ไม่งั้นถึงพฤกษ์ปล่อยเธอไป แต่ฉันไม่มีทางปล่อยเธอแน่”
“ไม่มีทาง”
นรมนรีบพูดอย่างรวดเร็ว
เธอรู้จักคมทิพย์ คมทิพย์ไม่ใช่คนโลเล
บุริศร์กลับส่งเสียงหึ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เรื่องในวงการบันเทิงซับซ้อนมาก ถ้าไม่ใช่เพราะพฤกษ์ คอยดูแลเธออยู่เบื้องหลัง คุณคิดว่าเส้นทางการเป็นดาราของเธอ จะราบรื่นขนาดนี้ไหม ตอนนี้ยังกล้าพูดเรื่องเกิดใหม่ มาเป็นข้ออ้าง รอให้เรื่องทางนี้เสร็จ คุณไปเมืองBหน่อย ไปดูด้วยตัวเองว่าคมทิพย์กำลังทำอะไร”
“โอเค”
นรมนกลัวว่าบุริศร์จะทำอะไรอีก จึงรีบลากแขนเขาไปข้างนอก
ชินทรกับคิมออกมาแล้ว เมื่อเห็นนรมนกับบุริศร์ จึงหยักหน้าเบาๆ
“ฐานะของนภดลค่อนข้างพิเศษ เราตัดสินใจไปรับเขาเอง ถ้าเป็นไปได้ ให้เขาอยู่ในป่าดำ”
นรมนและบุริศร์ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของชินทร
“พ่อ เรารู้ว่าพ่อกับแม่คิดยังไง แต่ในเมื่อพี่มียาที่สามารถระงับอาการคลั่งของนภดลได้ เราคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้เขากลับป่าดำ ฝั่งนั้นมีคนของเบื้องบนอยู่ ไม่มีใครรู้ว่า ถ้านภดลกลับไปครั้งนี้ เขาจะกลายเป็นคนธรรมดาหรือเปล่า เราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายได้”
นรมนเป็นคนพูดประโยคนี้ แต่บุริศร์คิดแบบนี้เหมือนกัน
คิมมองชินทร กลัวว่าพ่อกับลูกสาวจะขัดแย้งกัน ถึงตอนนั้นจะอยู่ฝั่งไหน ก็ไม่ดีทั้งนั้น
ชินทรพูดเบาๆ ว่า “ก็ได้ อยู่นี่ยังมีคนของราเชนคอยดูอยู่ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร และไม่น่าจะทำให้คนของเบื้องบนสงสัยด้วย”
นรมนอึ้งเล็กน้อย
ในความคิดของเธอ ชินทรภักดีต่อเบื้องบนมาก นอกจากเรื่องจณัตว์ แล้ว เรื่องคนอื่น ไม่มีทางสั่นคลอนความศรัทธาของเขาได้ ตอนนี้เขายอมเช่นนี้ ถ้าไม่ตกใจก็แปลก
คิมอึ้งไปเช่นกัน
บุริศร์ยิ้ม แล้วพูดว่า “ขอบคุณพ่อที่เข้าใจ”
“ไม่ต้องขอบใจหรอก ในเมื่อไม่สามารถให้เบื้องบนรู้ได้ งั้นเราไม่ไปแล้ว ขืนไป จะทำให้คนอื่นสนใจ พวกนายสองคนไปเถอะ ขับรถระวังด้วย ยาที่จณัตว์ให้ อยู่กับราเชน พวกนายไปกับองครักษ์ เจอนภดลก็ป้อนยาให้เขากิน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องวุ่นวายเพิ่ม”
“โอเค”
นรมนพยักหน้า และเดินออกไปพร้อมบุริศร์
เมื่อคิมเห็นพวกเขาเดินไปไกล จึงถามว่า “วันนี้คุณดูแปลกไป”
“แปลกตรงไหนเหรอ”
ชินทรยิ้มอย่างอบอุ่น จากนั้นจึงลูบหัวคิม
คิมรู้สึกเขินขึ้นมา
“เป็นสามีภรรยากันมานานแล้ว คุณทำแบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นก็ขำหรอก”
“ที่นี่ไม่ใช่ป่าดำ คุณจะกลัวอะไร อีกอย่าง คุณกะจะอยู่ในป่าดำไปตลอดชีวิตเลยหรือไง”
เมื่อได้ยินชินทรพูดเช่นนี้ คิมอดอึ้งไปไม่ได้
“หมายความว่ายังไง หน้าที่และสิ่งที่เราต้องทำ……”
“ไม่มีเรา คนอื่นก็ทำแทนได้ อายุเราไม่น้อยแล้ว ทำเพื่อประเทศมามากมาย เราถอยออกมาแบบนี้ดีกว่า”
ในที่สุด ชินทรก็พูดความในใจออกมา
คิมอึ้งมาก ผ่านไปนาน จึงตั้งสติได้ น้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตา
“คุณคิดดีแล้วเหรอ”
เธอเป็นผู้หญิง!
ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากระเหเร่ร่อน ลอยไปลอยมาอยู่ข้างนอก แต่เพราะชายคนรักของตัวเอง เธอจึงไม่บ่นสักคำ วันนี้ได้ยินว่าชินทรคิดจะถอย ไม่ต้องพูดเลยว่าเธอดีใจแค่ไหน
คุณท่านตนุวรอายุมากแล้ว ไม่รู้จะอยู่ได้นานแค่ไหน คนเป็นลูกสาวอย่างเธอ ไม่ได้อยู่ข้างกายเขาเลย ถ้าสามารถถอยออกมาได้จริง ไม่แน่ เธออาจแสดงความกตัญญูต่อเขาได้อย่างเต็มที่
ก่อนหน้านี้ เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องพวกนี้ ตอนนี้กลับเริ่มมีความหวังเล็กน้อย อีกทั้งยังสามารถหาเวลาว่าง ช่วยนรมนเลี้ยงลูกด้วย
เมื่อคิดถึงภาพนั้น คิมก็รู้สึกดีใจมาก
ชินทรเห็นความดีใจ ในแววตาของเธอ เขาพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ทำให้เธอลำบากมาทั้งชีวิตแล้ว”
“ขอแค่เป็นคุณ ฉันทำอะไรก็ไม่ลำบาก แต่เบื้องบนอาจไม่ปล่อยเราก็ได้”
“วางใจเถอะ ผมมีวิธี”
ชินทรกลับมองโลกในแง่ดี
คนอายุมากอย่างพวกเขาสองคนรักกันมาก นรมนกับบุริศร์ออกจากตำหนัก พร้อมกับองครักษ์ ขับรถตามถนนสายหลัก ไปจนถึงท่าเทียบเรือ