“พ่อ แม่!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงของคิมและชินทร นรมนก็อดดีใจอย่างออกนอกหน้าไม่ได้
“พวกคุณมาที่นี่ได้ยังไง? มาที่นี่ไม่เป็นไรหรอกเหรอ?”
เรื่องของจณัตว์ เรียกได้ว่านรมนมีความระมัดระวังเป็นพิเศษจนถึงกับไม่กล้าบอกพวกของชินทร เวลานี้เมื่อเห็นพวกเขามา จึงอดรู้สึกกังวลไม่ได้
หลังจากที่คิมเข้ามาก็แหย่ศีรษะของนรมน แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เธอเก่งนักใช่ไหม? กล้าจัดการเรื่องนี้แทนจณัตว์โดยไม่ให้พ่อแม่รู้ เธอไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นฉันกับพ่อของเธอรู้สึกยังไง?”
“ฉันก็ทำเผื่อฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจปิดบังพวกท่านเลย จริงๆ นะคะ พ่อ”
นรมนรีบอธิบาย กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อ
จณัตว์พูดด้วยรอยยิ้ม “ผมเคยบอกคุณลุงกับคุณป้าไปตั้งนานแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ? คุณลุง?”
เมื่อชินทรเห็นว่าจณัตว์ปกป้องนรมนขนาดนี้ก็รู้สึกสบายใจมาก เขายิ้มและพูดว่า “เรื่องนี้ถือว่าเข้าเป้าโดยบังเอิญ ตอนนี้เขาถือว่าเป็นจณัตว์ ทวีทรัพย์ธาดาอย่างแท้จริงแล้ว ก็ไม่เลว แต่ว่าไม่สามารถทำพิธีรับบรรพบุรุษได้อีกแล้ว”
“พิธีการไม่สำคัญ คนในครอบครัวได้อยู่ด้วยกันนั้นสำคัญที่สุด”
จณัตว์พูดด้วยรอยยิ้ม ดูปล่อยวางเป็นพิเศษ
“คุณน่ะ รู้ว่าการที่คนในครอบครัวได้อยู่ด้วยกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดด้วยเหรอ? ตอนนี้ภรรยาของคุณ พ่อแม่ของคุณยังไม่รู้ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่นะ คุณควรคิดดูให้ดีว่าจะกลับไปอธิบายให้พวกเขาฟังยังไงดี”
คำพูดของชินทรทำให้ใบหน้าของจณัตว์หมองลงทันที
นรมนเพิ่งนึกถึงเรื่องผีหลอกขึ้นได้ เธออดพูดด้วยรอยยิ้มไม่ได้ “พี่คะ พี่นี่น่าสงสาร ให้ตายสิ พี่เชื่อฉันเถอะ”
“แม้แต่เธอก็สาปแช่งฉันใช่ไหม?”
จณัตว์รู้สึกหดหู่
ในที่สุดบุริศร์ก็ดึงตัวนรมนกลับเข้ามาสู่อ้อมกอด แล้วพูดอย่างเฉยเมย “อีกสักพักหงส์น่าจะกลับมาแล้ว เธอคิดมาตลอดมาคุณตายแล้ว จู่ๆ คุณก็ให้ของขวัญวันเกิดเธอ เป็นของขวัญวันเกิดที่มีคุณสองคนเท่านั้นที่รู้ คุณคิดว่ามันคือเซอร์ไพรส์ แต่สำหรับเธอมันคือความตกใจกลัว เธอเพิ่งมาบอกเราไม่นานนี้ว่าถูกผีหลอก ผีอย่างคุณควรจะคิดดูให้ดีว่าจะอธิบายกับภรรยาของคุณยังไงดี”
พูดจบบุริศร์ก็ประคองนรมนไปนั่งที่โซฟาพร้อมกับพ่อตายแม่ยายของตน
มุมปากของจณัตว์กระตุก เขาดูกังวลเล็กน้อย
ตั้งแต่ที่เขารู้เรื่องความพิเศษของเลือดตัวเอง เขาก็ปิดบังหงส์มาตลอด การจะอธิบายเรื่องนี้ถ้าไม่มีเวลาสามวันสามคืนมันก็ยากที่จะอธิบายให้ชัดเจน
จะทำอย่างไรดี?
ภรรยาจะฟังคำอธิบายของเขาหรือเปล่า?
เมื่อคิดถึงอารมณ์ของหงส์ จณัตว์รู้สึกหมดความมั่นใจในทันที
“ไม่ได้นะ นรมน น้องเขย พวกเธอช่วยหาทางหน่อย ในเวลานี้พวกเธอจะยืนเฉยๆ ไม่ยื่นมือเข้าช่วยอะไรเลยไม่ได้นะ”
จณัตว์รีบนั่งลงข้างพวกเขา มองพวกเขาอย่างน่าสงสาร
แต่บุริศร์มักจะรู้สึกว่าชื่อเรียกน้องเขยมันไม่ค่อยน่าฟังเลย
“น้องเขย?”
“ไม่ๆๆ ประธานบุริศร์ คุณชายบุริศร์ ประธานบุริศร์ ขอเพียงคุณสามารถเสนอความคิดให้ผมได้ จะให้ผมเรียกคุณว่าอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
จณัตว์กลับเปลี่ยนท่าทีเขาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ว่าเขากังวลเรื่องภรรยาแค่ไหน
บุริศร์รู้สึกพอใจในที่สุด กระดิกนิ้วเรียกเขาแล้วพูดเบาๆ “เรื่องระหว่างสามีภรรยาไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ด้วยการนอน ถ้ายกเดียวไม่พอ ก็สองยกเลย”
พูดจบเขาก็เลิกคิ้วให้จณัตว์อย่างลำพองใจ แล้วเริ่มรินน้ำให้กับคิมและชินทรด้วยความกระตือรือร้น
จณัตว์รู้สึกขาดทุนเล็กน้อยที่เปลี่ยนวิธีเรียกบุริศร์อย่างกระตือรือร้นไปเมื่อครู่
ไอ้บ้าเอ๊ย! นี่ก็ถือว่าเป็นแผนด้วยเหรอ?
ราเชนเห็นภาพครอบครัวที่มีความสุขและปรองดองกัน ก็ยิ้มออกมาอย่างจริงใจ
“ไปจัดการให้เรียบร้อย อาหารกลางวันอิงตามมาตรฐานงานเลี้ยงรับรองของรัฐ”
“ครับ พระราชา”
หัวหน้าองครักษ์รีบถอยกลับ
นรมนกลัวว่าเมื่อหงส์มาถึง จณัตว์จะเหนื่อยกับการรับมือจนลืมเรื่องสำคัญไป จึงอดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “พี่คะ พี่เอาเลือดออกมาเตรียมไว้ก่อน นภดลบ้าไปแล้วจริงๆ”
“อะไรนะ?”
จณัตว์ถึงกับอึ้งไป ส่วนคิมและชินทรก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
เกิดอะไรขึ้น? มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้! ตอนแรกยาเฉพาะที่จณัตว์ให้เขา ภายในมีเลือดของจณัตว์เป็นตัวกระตุ้น ไม่เช่นนั้นจณัตว์ก็ไม่วางใจให้ไปพักฟื้นคนเดียวได้นานขนาดนั้น แม้จะไม่สามารถกำจัดให้หมดสิ้น ก็ไม่น่าจะถึงกับต้องเป็นบ้า”
ชินทรเพิ่งจะรู้เมื่อได้ยินเรื่องนี้จากจณัตว์ในภายหลัง ดังนั้นจึงไม่ได้กังวลอะไรมากนัก แต่สำหรับเขามันกะทันหันเกินไปที่จะบอกว่านภดลบ้าไปแล้ว
ทั้งนรมนและบุริศร์ไม่รู้ว่าจณัตว์ยังมีความสามารถขนาดนี้ ดังนั้นการเป็นบ้าของนภดลจะมีเบื้องหลังหรือไม่?
บุริศร์หรี่ตาลงเล็กน้อย นรมนรีบเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง เมื่อพูดถึงปาณี นรมนก็อดถอนหายใจไม่ได้
เธอไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าคนที่ชอบนภดลมากขนาดนั้นบทจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนง่ายดายแบบนี้เชียวหรือ?
ทุกคนนิ่งเงียบไป
พวกเขาไตร่ตรองดูทุกอย่างก็ยังคิดไม่ถึงว่านภดลจะถูกผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดวางแผนใส่ร้าย
เรื่องนี้มันออกจะเหมือนละครเกินไปหน่อย
“พวกเขาจะมาถึงเมื่อไหร่?”
“ไม่แน่ใจ น่าจะมาทางน้ำซึ่งช้ากว่าพวกเรานิดหน่อย แต่ฉันคิดว่าน่าจะไปถึงช้าที่สุดเวลาเที่ยงคืน”
คำพูดของนรมนทำให้จณัตว์ถึงกับอึ้งไป
เที่ยงคืนงั้นเหรอ?
ถ้าเป็นเวลานี้ เขาอาจจะไม่มีเวลาจริงๆ
ไม่ได้เจอภรรยามาตั้งนาน ก็ต้องอยากจะใกล้ชิดสักหน่อยอยู่แล้ว เรื่องเวลามากน้อยก็ไม่อยากจะไปคิดอีก อยากจะทำอะไรกับภรรยายังต้องคิดคำนวณอีกเหรอ? แล้วยังคิดจะไปทำธุระอื่นอีก? ถ้าอย่างนั้นหงส์จะไม่ยิ่งโกรธเหรอ?
จณัตว์เรียกหัวหน้าองครักษ์เข้ามา แล้วพูดว่า “คุณช่วยบอกให้เนกษ์ไปเอาของอย่างหนึ่งที่บ้านของผมหน่อย”
“ครับ”
นรมนรู้สึกสงสัยขึ้นมา
“พี่คะ ใช่ยาที่พี่เคยให้นภดลก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”
“ไม่ใช่”
จณัตว์ส่ายหน้าพลางพูดว่า “ยาเม็ดชนิดนั้นแค่ระงับลมปราณที่คลุ้มคลั่งในร่างกายของเขาได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่สามารถกำจัดได้อย่างสมบูรณ์ ในระหว่างพักฟื้นฉันได้ศึกษาปัญหาของเขามาโดยตลอด ควบคู่ไปกับการปรับปรุงทิศทางเลือดของฉันใหม่ นี่คือยาที่ฉันเพิ่งพัฒนาขึ้น โดยหวังว่าจะสามารถยับยั้งเขาได้ ความตั้งใจเดิมของฉันคือสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของเขาหลังจากที่กินเข้าไป ถึงอย่างไรของแบบนี้นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครสามารถเอามาทำการทดลองได้”
เมื่อได้ยินจณัตว์พูดเช่นนี้ บุริศร์และนรมนก็โล่งใจในที่สุด
“แบบนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่จะรักษานภดลใช่ไหม?”
“น่าจะมีความมั่นใจประมาณหกสิบเปอร์เซ็นต์”
จณัตว์ก็ไม่กล้ามั่นใจมากเกินไป แต่ถึงจะเป็นหกสิบเปอร์เซ็นต์ นรมนก็ยังดีใจ
ชินทรพูดเสียงเบา “ถ้านภดลหายดีแล้ว ก็ให้เขาอยู่ที่นี่ อย่ากลับไปเลย ถึงอย่างไรเบื้องบนก็ยังมีคนอีกมากมายกำลังตามหานภดลอยู่ แม้ว่าเขาจะหายแล้วจริงๆ ก็จะมีคนอยากถามเขาว่ารักษาหายได้อย่างไร พอถึงตอนนั้นก็อาจจะเปิดเผยตัวจณัตว์ก็ได้”
บุริศร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “พ่อครับ หาวิธีทำให้เลือดของจณัตว์เป็นกลางไม่ได้เหรอ?”