แค่ข่าวนี้ออกไป นรมนก็รีบวิ่งเข้ามา
“พี่ หงส์ท้องแล้วเหรอ?”
ในฐานะที่หงส์เป็นเจ้าของหัวข้อสนทนาแต่กลับมองจณัตว์ด้วยใบหน้างุนงง พูดขึ้นอย่างไม่ไว้หน้า: “ฉันท้องแล้วเหรอ? ทำไมฉันถึงไม่รู้?”
เห็นภรรยาที่ซื่อบื้อของตนเอง จณัตว์จึงกระแอมออกมาเล็กน้อย: “ผมบอกว่าต่อไป ไม่ได้บอกว่าตอนนี้เลยนะ พวกคุณๆทำอะไรกัน? ทั้งวันเอาแต่จับจ้องท้องของภรรยาผมทำไมกันครับ? นี่ไม่เชื่อฝีมือในการรักษาของผมหรือไม่เชื่อความสามารถของผมกันแน่?”
แค่พูดออกไป ทุกคนก็พากันผิดหวัง แต่นงลักษณ์รีบพูดขึ้น: “ไม่เป็นไร ลูกชายฉันเป็นอัจฉริยะในวงการแพทย์ พวกเราแค่รออุ้มหลานกันก็พอแล้ว”
บุญทิวาพยักหน้า
สำหรับเขาแล้ว ชีวิตนี้ได้มีลูกชายที่ยอดเยี่ยม แล้วยังมีลูกสะใภ้ที่ร่ำรวยมีฐานะสูงส่งอีก เขาจะมีอะไรที่ยังไม่พอใจอีกล่ะ?
ต่อให้หงส์มีลูกไม่ได้จริงๆแล้วจะยังไง?
พระเจ้าไม่เคยปล่อยคนเลวไปสักคน แล้วก็ไม่ปฏิบัติกับคนดีๆอย่างไม่ยุติธรรมด้วย พวกเขาตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาไม่เห็นแก่ตัว ทำเพื่อประเทศเพื่อประชาชน ต้องไม่มีชีวิตที่แย่เกินไปสิถึงจะถูก
นงลักษณ์พาบุญทิวาไปหาราเชน
สถานะของราเชนไม่ธรรมดา บุญทิวาจึงไม่สามารถแสดงท่าทีอะไรต่อราเชนได้ แต่ได้ยินว่าราเชนช่วยเหลือนรมนกับบุริศร์เอาไว้ เขาจึงคิดจะละทิ้งความแค้นเคืองในอดีต เพื่อปฏิบัติต่อราเชนด้วยใจจริง
“ตอนนี้เป็นพระราชาแล้ว อย่าเดินตามทางเก่าของพ่อคุณเชียวนะ”
ราเชนกำลังมองบุญทิวาที่นั่งอยู่บนรถเข็น แม้ตอนนี้สถานการณ์ของเขาจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ได้ยินว่ายังมีโรคแทรกซ้อนที่ยังไม่หายดีอีกมาก และคนที่ก่อเรื่องทั้งหมดก็คือพ่อที่เชี่ยวชาญในด้านชีววิทยาของเขานั่นเอง
สำหรับเรื่องนี้ราเชนรู้สึกผิดมาก เขาพูดขึ้น: “คุณอาบุญทิวาครับ ถ้าคุณอายินยอม คุณยอมรับผมเป็นลูกได้ไหมครับ? วันนี้ผมแต่งงาน ในห้องโถงที่โอ่อ่าถ้ามีแค่แม่คนเดียว คงน่าเสียดาย ผมกับภรรยาของผมไม่ได้มีญาติที่ไหน ถ้าคุณอาบุญทิวาไม่รังเกียจ ต่อไปผมก็คือลูกชายของคุณอา ผมจะดูแลคุณเหมือนที่พี่ทำ คอยช่วยเหลือคุณ แต่ก่อนเรื่องที่คนๆนั้นทำทั้งหมดผมไม่มีความสามารถและไม่มีหนทางที่จะขัดขวางได้ แต่ต่อไปชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณผมจะเป็นคนรับผิดชอบเองครับ”
บุญทิวาตะลึงงันไปเลย ส่วนนงลักษณ์กลับกัดริมฝีปากแน่น น้ำตาร่วงลงมาทันที
สำหรับลูกชายคนนี้ นงลักษณ์รู้ว่าตนเองอคติ เธอสงสารเขา ปกป้องเขา แต่ในใจกลับอึดอัด อันที่จริงเขาไม่ใช่ลูกชายที่เธออยากให้กำเนิด หลายปีมานี้เธอจึงละอายใจต่อราเชนมาก
ตอนนี้ราเชนไม่เพียงแต่ไม่ตำหนิเธอ กลับยังปฏิบัติต่อบุญทิวาเช่นนี้ ในใจของนงลักษณ์จึงเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย พูดไม่ออกเลยว่ารู้สึกยังไง
ส่วนบุญทิวากำลังมองดวงตาที่จริงใจของราเชน นึกถึงความรู้สึกของเขากับจณัตว์ จึงอดไม่ได้ที่จะปล่อยวางความรู้สึกแย่ๆก้อนสุดท้ายในใจออกไป
“อื้ม ต่อไป ฉันจะเป็นพ่อบุญธรรมของนาย ตอนนี้แก่แล้ว ไม่มีประโยชน์แล้วนะ แต่เพียงแค่นายอยากให้ฉันช่วยอะไร ฉันจะไม่ปฏิเสธแน่นอน”
“พ่อครับ”
ราเชนก้าวเข้าไปกอดบุญทิวาแน่น วินาทีนี้เองที่เขารู้สึกว่าชีวิตของตนเองสมบูรณ์แล้ว
อยู่กับสมชัยเขาไม่เคยได้สัมผัสความรักจากพ่อเลย ตอนนี้เห็นแววตาที่เมตตาและอ่อนโยนของบุญทิวา จู่ๆเขาก็อยากจะร้องไห้
นงลักษณ์ไม่สามารถสงบอารมณ์ลงได้ กอดราเชนเอาไว้แน่น
“ลูกชาย ขอโทษนะ หลายปีนี้แม่ไม่ใส่ใจลูกเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าแม่ลำบากใจ อีกอย่างแม่ก็ทำเพื่อผมลับหลังผมไม่น้อยเลยนะครับ”
ราเชนจัดการให้นงลักษณ์กับบุญทิวาเข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว คิมกับชินทรก็มาถึง
สำหรับคิม ไม่ว่าพ่อของราเชนจะเป็นใคร เขาก็เป็นหลานชายแท้ๆของตนเอง ส่วนชินทรก็เป็นน้าเขย ถือว่ามีความเกี่ยวข้องกันทางเครือญาติ
พวกเขาเตรียมของขวัญมาให้ราเชน พร้อมกับกำชับด้วยถ้อยคำที่จริงใจที่สุด จากนั้นจึงโดนพาเข้าไปพักผ่อนด้านใน
ตอนที่คิมเห็นนงลักษณ์ ตอนที่ชินทรเห็นบุญทิวา ทั้งสองคู่อดไม่ได้ที่จะชะงักงัน ในเวลาเดียวกันก็ยิ้มออกมา
ผ่านไปค่อนชีวิตแล้ว แฝดชายกับแฝดหญิงสองคู่นี้ในที่สุดก็ได้เจอกันเสียที เพียงแต่ตลอดเส้นทางมันค่อนข้างปวดใจ
ชินทรมองน้องชายที่อยู่บนรถเข็นดูแล้วแก่กว่าตนเองเสียอีก จึงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
“บุญทิวา ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“ไม่เจอกันนานเลยนะ” ประโยคนี้ของชินทร ทำให้ทั้งสองคนสะอึกสะอื้นขึ้นมาพร้อมกัน
ไม่ว่าตอนหนุ่มๆจะเป็นยังไง ตอนนี้หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย ก็มีญาติกับพี่ชายที่สนิทที่สุดเพียงคนเดียว
“พี่ ไม่เจอกันนานเลย คิดไม่ถึงว่าผมจะยังมีชีวิตอยู่จนได้เจอพี่ที่ยังมีชีวิตอยู่”
คำนี้ฟังแล้วกลับทำให้ค่อนข้างปวดใจ
คิมกำลังมองนงลักษณ์ จู่ๆก็พูดขึ้น: “พี่คะ ต่อไปฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”
ดวงตาของนงลักษณ์แดงขึ้นมาทันที
ตั้งแต่เด็กหลังจากได้รู้ว่าชีวิตของตนเองได้ผ่านอะไรมาบ้าง จริงๆแล้วนงลักษณ์ค่อนข้างแค้นเคือง โกรธแค้นที่เพราะอะไรตอนแรกคนที่โดนพาตัวไปถึงไม่ใช่คิมแต่ต้องเป็นเธอ? ไม่งั้นเธอก็ไม่ต้องทนแบกรับเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้เห็นคิมแล้ว จู่ๆเธอก็ดีใจที่ตอนนั้นคนที่โดนพาตัวไปคือตนเอง
ถ้าให้คิมแบกรับเรื่องพวกนั้น ไม่รู้เลยว่าตอนนี้คิมจะเป็นยังไง
นงลักษณ์ก้าวเข้าไป กอดคิมเอาไว้ พูดขึ้น: “ในที่สุดพวกเราก็ยังได้อยู่พร้อมหน้ากันในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นะ”
“อื้ม”
เดิมทีนรมนคิดจะเข้ามาพักผ่อน แต่ตอนที่เห็นท่าทีของพวกเขาจากหน้าประตู จึงถอยออกมา
บุริศร์ส่งนมอุ่นๆแก้วหนึ่งไปให้เธอในเวลาที่เหมาะเจาะ ยิ้มให้เธอ
นรมนพิงหัวของตนเองไปบนไหล่ของบุริศร์ พูดขึ้น: “บางครั้งโชคชะตาก็ยุติธรรมใช้ได้เลยนะ ฉันรู้สึกขอบคุณพระเจ้าจริงๆที่ทำให้ฉันได้เจอคุณ ได้รักคุณ ได้แต่งงานกับคุณ ถึงในช่วงนี้จะมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น แต่โชคดีที่ฉันมีคุณอยู่ด้วยตลอด”
“ชีวิตที่เหลืออยู่ผมจะใช้มันไปกับคุณ”
บุริศร์จับมือของนรมน สิบนิ้วประสานอยู่ด้วยกัน
ทั้งสองคนมองบรรยากาศที่ด้านนอก แสงอาทิตย์ที่อบอุ่นสาดอยู่บนร่างของทุกคน เป็นสัญลักษณ์ของความหวังและความสงบสุข
ด้านนอกมีเสียงอึกทึกครึกโครมลอยเข้ามา นรมนจึงสงสัย ก็ตอนที่ได้ยินสาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาแล้วพูดขึ้น: “ประธานบุริศร์ คุณผู้หญิง คุณชายเจตต์พาคุณนายรัตติกรวรกุลมาแล้วค่ะ”
คุณชายเจตต์?
นรมนชะงักเล็กน้อย บุริศร์ยิ้มบางๆพูดขึ้น: “เจตต์กับขวัญตามาแล้ว คุณเอาแต่เป็นห่วงว่าพวกเขาจะมีเรื่องไม่ใช่เหรอ? ไปดูหน่อยไหม? หื้ม?”
“ไปสิ!”
ตอนนี้นรมนสบายใจแล้ว จูงบุริศร์วิ่งไป
“ช้าหน่อย! คุณใส่รองเท้าส้นสูงนะ”
บุริศร์มองแล้วใจหายใจคว่ำ
ช่วงนี้หลังจากนรมนได้หวนกลับสู่การทำงานก็ชอบใส่รองเท้าส้นสูงพวกนี้ ทั้งเล็กทั้งสูงขนาดนั้น เขากลัวนรมนเดินไม่ระวังแล้วล้มลงไปจริงๆ
แต่นรมนกลับหันหน้ามายิ้มอย่างทะเล้น ช่างเป็นดวงตาที่ทำให้บุริศร์หลงใหลจริงๆ เป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้ว จู่ๆเขาก็รู้สึกเหมือนโดนนรมนปล่อยกระแสไฟใส่ซะได้ หัวใจดวงนั้นเต้นตึกตักตึกตักไม่หยุด
แต่นรมนกลับไม่รู้ว่าตนเองทำอะไร รีบจูงบุริศร์ไปที่ด้านหน้า
“พี่ฉันอยู่ไหน?”
นรมนคว้าสาวใช้คนหนึ่งเอาไว้แล้วถามขึ้น
สาวใช้เห็นว่าเป็นนรมน จึงชี้ทางบอกเธอทันที
นรมนจูงบุริศร์ไปหาเจตต์ที่วังด้านข้าง “พี่ พี่สะใภ้!”
นรมนตะโกนออกมาด้วยความดีอกดีใจ ขวัญตากับเจตต์จึงหันกลับมามองนรมน แต่นรมนกลับตะลึงงันไปเลย
เป็นไปได้ยังไง?