เจตต์ก็สงสัยเหมือนกับบุริศร์ เพียงแต่ตอนนี้พวกเขาสองคนไม่ได้อยู่ในตำแหน่งทหารแล้ว เรื่องมากมายจึงไม่มีทางรู้ได้
“เอาเถอะ ที่ฉันบอกนายเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความคิดอื่น แค่ให้เตรียมแผนการไว้ก่อน ถึงยังไงพฤกษ์ก็เป็นคนของนาย”
เจตต์ถอนหายใจ ตบๆไหล่ของบุริศร์
ก็ตอนนี้เอง ที่คมทิพย์มาถึงแล้ว
นรมนเห็นคมทิพย์มาถึงแล้ว จึงเข้ามาต้อนรับด้วยความเบิกบาน
“ตอนนี้ร่างกายเธอไม่สะดวกไม่ต้องมาก็ได้นะ”
“ได้ยังไงล่ะ นี่งานแต่งพี่ชายเธอเชียวนะ ฉันมาสัมผัสบรรยากาศชื่นมื่น แล้วถือโอกาสให้คนรู้จักมากขึ้นด้วย”
คมทิพย์พูดไปยิ้มไป
ไม่ได้เจอกันครึ่งปี รูปร่างของเธออวบขึ้นไม่น้อยเลย ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้ากลับมีมากขึ้นเยอะ
สำหรับเธอ การได้มีลูกเป็นของตนเองถือเป็นของขวัญจากพระเจ้าจริงๆ และเด็กคนนี้ยังเป็นลูกของพฤกษ์ด้วย เธอก็ยิ่งพึงพอใจ ชีวิตนี้จึงไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
นรมนรีบประคองคมทิพย์นั่งลง พูดกับขวัญตาที่อยู่ข้างๆ: “พี่สะใภ้ พวกพี่น่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว ตอนนี้ยังเป็นแม่พร้อมๆกันอีก มีวาสนาต่อกันจริงๆ”
ขวัญตามองท้องของคมทิพย์แล้วก็ประหลาดใจมาก อดไม่ได้ที่จะยิ้มพูดขึ้น: “ดูแล้วเราน่าจะมีวาสนาต่อกันนะคะ ไม่ทราบว่าคุณกำหนดคลอดเดือนไหนคะ?”
“เดือน11ค่ะ เกือบจะปีใหม่แล้ว”
คำพูดของคมทิพย์ทำให้ขวัญตาชะงักเล็กน้อย แล้วรีบพูดขึ้น: “ฉันก็เดือน11 คุณวันไหนคะ?”
“วันที่4ค่ะ”
“ฉันวันที่5”
ยังไงขวัญตาก็คิดไม่ถึงว่าวันกำหนดคลอดของคมทิพย์จะใกล้กับเธอขนาดนี้ ว่าที่คุณแม่ทั้งสองคนจึงอดไม่ได้ที่จะพูดถึงการเลี้ยงดูลูกขึ้นมาทันที จึงไม่สนใจนรมนเลย
นรมนพูดไม่ออกแล้ว เมื่อเห็นบุริศร์ยืนอยู่ไม่ไกล เธอจึงทำได้เพียงเดินไปหาเขา
“เป็นอะไรไป?”
บุริศร์มองนรมน อดไม่ได้ที่จะถาม
นรมนถอนหายใจแล้วพูดขึ้น: “ฉันน่ะ ตอนนี้โดนว่าที่คุณแม่สองคนเมินใส่แล้ว จึงเดินมาหาสามีดีกว่า”
“ไม่เป็นไรนะ สามีไม่ละเลยคุณหรอก”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนยิ้มออกมาทันที
ทั้งสองคนจูงมือกันเดินไปที่โซนอาหารกินอะไรกันนิดหน่อย
เห็นนรมนกินอิ่มแล้ว บุริศร์ถึงได้พูดขึ้นเบาๆ: “เหมือนพฤกษ์จะเกิดเรื่อง”
“ห๊ะ?”
หัวใจของนรมนบีบตัวแน่น สายตามองไปหาคมทิพย์อย่างควบคุมไม่ได้
“อย่ามอง!”
บุริศร์หันหน้าของนรมนกลับมาทันที พูดเบาๆ: “ตอนนี้คมทิพย์ท้องหกเดือนกว่าแล้ว ร่างกายหนักอึ้ง ถ้าสะเทือนใจขึ้นมา ใครก็ไม่กล้ารับรองว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เรื่องนี้ห้ามบอกเธอเด็ดขาด”
“แต่บางเรื่องไม่ใช่ว่าพวกเราอยากปกปิดก็จะปกปิดเอาไว้ได้ ถ้าข่าวกับสื่อด้านนั้น……”
“ข่าวกับสื่อต่างๆไม่รายงานหรอก”
บุริศร์พูดขึ้น: “เรื่องประเภทนี้เบื้องบนต้องยับยั้งเอาไว้ ไม่ยอมให้รายงานด้วยความเหิมเกริมหรอก ถึงยังไงก็ยังมีครอบครัวทหารที่รอให้พวกเขากลับมาบ้าน เพื่อปลอบโยนความรู้สึกของพวกเขาคงไม่รีบเปิดเผยออกมาหรอก จนกว่าจะมีผลสรุปแล้ว”
“ผลสรุป? งั้นแสดงว่าตอนนี้ยังไม่มีผลสรุปงั้นเหรอ?”
“อืม ตอนนี้ยังไม่มีข่าวแพร่ออกมา เป็นตายยังไงไม่รู้ แต่ใครๆก็บอกว่านี่ไม่ใช่ข่าวดี”
บุริศร์กังวลใจ
พฤกษ์ไปครึ่งปีกว่าแล้ว วันนี้ไม่นึกว่าข่าวคราวครั้งแรกจะเป็นอย่างนี้
หัวใจของนรมนหนักอึ้งขึ้นมาทันที
“ไม่ต้องคิดแล้ว เรื่องนี้คุณช่วยไม่ได้หรอก รอฟังข่าวดีกว่า ช่วงนี้อย่าให้คมทิพย์รู้เรื่องนี้ก็พอ ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะมีลูก รอคอยจะเซอร์ไพรส์พฤกษ์ในวันที่เขากลับมา ตอนนี้นอกจากเรื่องนี้ ยังไงปิดบังไปก่อนคงดีที่สุด”
“อื้ม”
บุริศร์พยักหน้า
คนรอบๆเยอะขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับนรมนและบุริศร์ ตอนนี้ทุกคนกำลังคึกคักกันมาก
อีกสามวันจะเป็นงานแต่งของราเชน วันนี้แค่ให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ก่อน ดังนั้นจึงค่อนข้างไม่มีพิธีรีตองอะไร
ตอนที่ชญตว์มาถึง บุริศร์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ผู้ชายคนนี้เป็นรุ่นน้องของจณัตว์ แล้วก็เป็นลูกค้าคนแรกของนรมนหลังจากกลับมาทำงานอีกครั้ง แต่ลูกค้าคนนี้รับมือยากสุดๆ รับมือยากจนบุริศร์อยากจะลงไม้ลงมือ
“ไป เราไปนั่งด้านนั้นกัน”
บุริศร์จูงมือนรมนจะเดินไป แต่กลับโดนสายตาที่เฉียบแหลมของชญตว์เห็นเข้า
“แคทเธอรี!”
บุริศร์ได้ยินชญตว์เรียกภรรยาของตนเองอย่างนี้ จึงค่อนข้างไม่พอใจ นี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาไม่ชอบชญตว์นั่นแหละ
เขารู้อยู่แล้วว่านรมนคือคุณนายบุริศร์ แต่เขาไม่เคยเรียกเธอว่าคุณนายบุริศร์เลย กลับเอาแต่เรียกนรมนว่าแคทเธอรีต่อหน้าบุริศร์เสมอ ถึงจะบอกว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไร แต่บุริศร์ก็อารมณ์เสียอยู่ดี
นรมนชะงักเล็กน้อย เห็นชญตว์วิ่งมาทางตนเอง เธออดไม่ได้ที่จะมองบุริศร์ จึงเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความต่อต้านและไม่ชอบของบุริศร์อย่างที่คิดเอาไว้
นรมนยิ้มขึ้นมาทันที
“คุณยังจะยิ้มอีก”
บุริศร์พูดไม่ออกแล้ว
นรมนยิ้มพูดขึ้น: “คุณก็ใจแคบเกินไป ฉันกับเขาไม่มีอะไรเลยนะ”
“ถ้ามีอะไร ผมจะให้เขามาอวดดีอยู่ที่นี่อีกเหรอ? คงโดนผมโยนลงไปเป็นอาหารปลาในมหาสมุทรแปซิฟิกแล้ว”
บุริศร์ที่ใจแคบขี้งอนนี่ทำให้นรมนหลงรักสุดๆเลย ถ้าไม่ได้อยู่ข้างนอก เธอต้องประคองหน้าของบุริศร์เข้ามาจูบสักทีแน่ๆ
“เอาหน่า คุณอย่าหงุดหงิดเลยนะ”
“เห็นแก่คุณหรอกนะ”
บุริศร์ปล่อยมือนรมน มองชญตว์ที่เดินเข้ามาอย่างร่าเริง แล้วหมุนตัวเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์
“เอ๋? ทำไมสามีคุณเดินไปแล้วล่ะ?”
“รู้อยู่แล้วยังจะมาถามอีก”
นรมนรู้จักชญตว์มาครึ่งปีแล้ว รู้สึกว่าเขานิสัยใช้ได้ เพียงแต่ถนัดยั่วโมโหอยู่ไม่น้อยเลย ที่เขาเรียกชื่อภาษาอังกฤษของตนเองก็เป็นเพราะเห็นบุริศร์แล้วขัดตา จึงตั้งใจทำอย่างนี้ แต่นรมนไม่กล้าบอกบุริศร์ เนื่องจากกลัวว่าผู้ชายคนนี้จะโมโห
ชญตว์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจพูดขึ้น: “คุณจะอยู่ที่นี่กี่วัน?”
“มีธุระอะไรก็พูดมาเลยค่ะ”
นรมนรู้ว่าถ้าชญตว์ไม่มีเรื่องอะไรคงไม่มาหาตนเองถึงที่นี่หรอก
ชญตว์พูดขึ้นด้วยใบหน้าระรื่น: “ทีมรถของผมจะเข้าร่วมการแข่งขันในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ถ้าคุณมีเวลาช่วยผมตรวจสอบสมรรถนะของรถหน่อยสิ”
“รถยนต์ของทีมรถคุณเหมือนเป็นรถแข่งที่ฉันให้ผู้เชี่ยวชาญศึกษามาแล้วนะ ยังมีอะไรที่ไม่วางใจอีกเหรอ?”
นรมนหมดคำจะพูดสุดๆ
แต่ชญตว์กลับพูดอย่างจริงจัง: “ก็เพราะคุณเป็นคนออกแบบ ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนตรวจสอบผมถึงจะมั่นใจ”
“ก็ได้ค่ะ”
หลายวันนี้นรมนไม่มีงาน จึงถือเป็นการช่วยเหลือ รับงานนี้ไปเลย
ชญตว์ได้ยินเธอรับปาก จึงคลายกังวลลงได้
“คุณยังแสนดีเสมอเลย”
“น้อยๆหน่อย ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรอย่าไปสร้างความวุ่นวายให้คมทิพย์ก็พอ คุณบอกมาตามตรง คุณคิดอะไรกับคมทิพย์ใช่ไหม? ฉันเตือนคุณเลยนะ ตอนนี้คมทิพย์ยังเป็นผู้หญิงที่มีสามีอยู่ คุณอย่าฝันไปหน่อยเลย”
ท่าทีหวาดระแวงของนรมนทำให้ชญตว์พูดไม่ออกขึ้นมาทันที
“ขอร้องล่ะ ตาข้างไหนของคุณที่เห็นว่าผมสนใจคมทิพย์?”
“งั้นทำไมคุณถึงสนใจคมทิพย์อยู่ตลอดเวลาล่ะ?”
คำถามของนรมนทำให้ชญตว์ชะงักงัน