“ในที่สุดฉันก็กลับมาแล้ว!”
เสียงของนภดลแหบพร่า จนทำให้คนที่ได้ยินปวดใจ
นรมนรู้สึกได้ถึงพละกำลังที่มหาศาลของนภดล เหมือนอารมณ์ของเขาไม่คงที่ กอดเธอแน่น ร่างกายสั่นเทิ้ม ไม่รู้ว่าตกใจ หรือเป็นอะไร
น้อยมากที่บุริศร์จะไม่แสดงอาการหึงหวง จึงไม่ได้แยกนภดลกับนรมนออก แค่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น: “กลับมาก็ดีแล้ว”
ในที่สุดนภดลก็ปล่อยนรมน
เขาหัวเราะออกมาเบาๆ พูดขึ้น: “ฉันเคยคิดว่าตัวเองคงกลับมาไม่ได้แล้ว ในใจคิดว่าถ้าฉันต้องกลายเป็นแค่สัตว์ประหลาดที่รักการฆ่าจริงๆ ถึงตอนนั้นถ้าทำร้ายพวกนายขึ้นมาจะทำยังไง? แต่ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ เวลานั้นสติของฉันโดนความชั่วร้ายทำลายไปทีละนิดๆ มองไม่เห็นความหวังใดๆเลย”
พูดถึงตรงนี้ แววตาของนภดลก็เศร้าสร้อย
นรมนนึกถึงปาณีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของนภดล แต่ตอนนี้ตำแหน่งที่อยู่ของปาณีไม่ชัดเจน เธอไม่รู้ว่าตนเองควรจะเอ่ยปากยังไง
นภดลรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะใช้ชีวิตมาได้ ถ้าพูดถึงปาณีอีก คงเหมือนกับการแทงมีดเข้าไปในใจของนภดลแน่ๆ
แต่ความกังวลของนรมน นภดลกลับไม่ได้คำนึงถึงเลย เขาฝืนยิ้มพูดขึ้น: “ยังไงฉันก็คิดไม่ถึงว่าปาณีจะเป็นคนที่ลงมือกับฉัน”
นรมนชะงักเล็กน้อย มองไปทางบุริศร์โดยไม่รู้ตัว
บุริศร์เห็นสายตาของนรมน จึงอดไม่ได้ที่จะพูด: “เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ บางทีปาณีอาจจะมีความลำบากใจก็ได้”
“นั่นสิ ฉันก็อยากรู้ว่าความลำบากใจของเธอคืออะไร? แต่ก่อนเธอรักฉันขนาดนั้น รอฉันมานานขนาดนั้นแล้ว ทำไมถึงเปลี่ยนไปเพียงชั่วข้ามคืนได้ล่ะ? อีกอย่างฉันจำได้อย่างชัดเจน ตอนนั้นเธอร้องไห้ในขณะที่ฉีดยาให้ฉัน ความพยายามดิ้นรนของเธอ ความอาลัยอาวรณ์ของเธอ ความลังเลของเธอแต่ละฉากที่แสดงอยู่ต่อหน้าฉัน แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม ปาณีมีเหตุผลที่บอกไม่ได้อะไรถึงทำขนาดนี้? ถ้าเธอต้องการให้ฉันตาย ฉันคงไม่คาใจหรอก แต่ต้องบอกเหตุผลกับฉันสิถูกไหม?”
นภดลฝืนยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
นรมนก็อยากรู้ว่าเหตุผลนี้คืออะไร เรื่องอะไรกันแน่ที่ทำให้ปาณีลงมือกับนภดลผู้เป็นที่รักได้?
วินาทีนี้ จู่ๆนรมนก็ค่อนข้างพูดไม่ออก
เธอไม่รู้ว่าจะปลอบใจนภดลยังไง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
นภดลจึงทำลายความเงียบ
“ฉันได้ยินว่าปาณีกระโดดลงไปในทะเล จึงไม่รู้ตำแหน่งที่ชัดเจนงั้นเหรอ?”
“ใช่ พวกฉันส่งคนไปตามหาอยู่นานก็ไม่พบ แต่ก็กังวลสภาพร่างกายของนาย……”
“ฉันเข้าใจ ฉันไม่ได้ตำหนิความคิดของพวกนายหรอก ฉันแค่รู้สึกว่าเธอน่าจะยังมีชีวิตอยู่”
นภดลมีลางสังหรณ์นี้
แต่นรมนไม่กล้าตอบรับ
ทะเลที่กว้างใหญ่ แม้จะเป็นกะลาสีเรือที่เก่งกาจก็อาจจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในทะเลได้ แล้วปาณีผู้หญิงที่บอบบางขนาดนั้นจะรอดเหรอ?
นรมนไม่รู้
ถ้าปาณียังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ต้องมีข่าวเล็ดลอดออกมาบ้างสิใช่ไหม? ถึงยังไงก็ผ่านมาตั้งครึ่งปีกว่าแล้ว
บุริศร์พูดขึ้น: “ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอต้องมาหานาย ตอนนี้ร่างกายของนายยังไม่ฟื้นกลับมาอย่างสมบูรณ์ เห็นแก่สุขภาพแล้วกันนะ นอกจากนี้พ่อของนายกับความสัมพันธ์ของตระกูลทวีทรัพย์ธาดานายคงจะรู้แล้ว คมทิพย์กับปัญญ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของนาย ถ้ามีเวลาก็ไปเจอพวกเขาหน่อย พวกเขายังอยู่”
ได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ นภดลจึงชะงักเล็กน้อย แล้วพยักหน้า
นรมนพอจะรู้สึกได้ แม้นภดลจะมีสติกลับมาแล้ว แต่เพราะได้รับการโจมตีจากเรื่องของปาณีอย่างหนัก ในช่วงนี้จึงอาจจะยังปรับอารมณ์ไม่ได้
จริงๆแล้วนภดลก็เป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง
ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ก็กลายเป็นเป้าหมายในการทำวิจัย โดนฉีดยาต่างๆนานา ตอนเกิดมาก็สูญเสียแม่ไป ตาหวานที่ดีกับเขาเพียงคนเดียวก็มาตายไปเพราะเขาอีก เขาปิดประตูหัวใจ ไม่ง่ายเลยกว่าจะยอมรับความรู้สึกของปาณี เดิมทีคิดว่าจะได้อยู่ด้วยกันอย่างราบรื่น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าปาณีก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน
นรมนไม่รู้ว่าตนเองควรจะใช้น้ำเสียงหรือคำพูดแบบไหนมาปลอบใจนภดล แค่หวังว่าความเป็นห่วงและความอบอุ่นของญาติสนิทคงเพียงพอที่จะส่องแสงแห่งความหวังในใจของนภดลได้บ้าง
บุริศร์เห็นนภดลค่อนข้างเหนื่อยแล้ว จึงถือโอกาสพานรมนออกไปจากห้อง
นรมนออกมาด้วยดวงตาที่ชุ่มชื้น เธอจับมือของบุริศร์พูดขึ้น: “โชคชะตาปฏิบัติต่อนภดลไม่ค่อยยุติธรรมเลย”
“บางคนเจอความทุกข์ก่อนถึงได้เจอความสุข บางคนเจอความสุขก่อนถึงได้เจอความทุกข์ บนโลกนี้โชคชะตาคงไม่ปฏิบัติอย่างโหดร้ายกับคนดีๆหรอก หลังจากที่นภดลแบกรับมามากมายขนาดนี้ ที่เหลือก็คงมีแต่โชคดีแล้วแหละ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนสบายใจขึ้นมาบ้าง
“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ คราวก่อนที่คมทิพย์มาไม่ได้เจอกับปัญญ์ คราวนี้ปัญญ์จะมาไหม?”
บุริศร์พยักหน้าพูดขึ้น: “มา ปัญญ์พามายด์มาด้วยกัน”
“เลี้ยงดูเด็กเหรอเนี่ย? ปัญญ์นี่ไม่ธรรมดาเลยนะ!”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์หัวเราะพรวดออกมา
“คุณนี่กล้าพูดไปซะทุกอย่างเลยนะ”
“คุณมองความรู้สึกที่ปัญญ์มีต่อมายด์ไม่ออกหรือไง?”
สำหรับคำพูดของนรมน บุริศร์โต้กลับทันที: “มายด์เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง”
“อายุ14แล้ว ก็ไม่ถือว่าเด็กแล้วนะ ปัญญ์รู้สึกยังไงจริงๆเธอก็พอจะเข้าใจได้แล้ว”
“นี่เป็นเรื่องของปัญญ์กับมายด์ คุณไม่ต้องกังวลมากหรอก ถ้าคุณมีเวลามาเป็นห่วงผมดีกว่าไหม?”
“คุณเป็นอะไร?”
“คุณปล่อยให้ผมหงอยเหงามาสิบกว่าวันแล้ว บุริศร์น้อยคิดถึงคุณแล้ว”
หน้าของนรมนแดงขึ้นมาทันที
“บุริศร์ คุณนี่อายุเยอะแล้วแต่กลับทำตัวไม่สมวัยนะ”
“ผมอายุเยอะเหรอ? นรมน คุณรังเกียจผมแล้วใช่ไหม? คุณถูกใจเด็กหนุ่มข้างนอกแล้วใช่ไหม? มันเป็นใคร? คุณบอกผมมา!”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนเบ้ปากทันที
ตอนนี้บุริศร์กำลังเพ้อเจ้อสินะ?
ทั้งสองคนหยอกล้อกันไปตลอดทางจนเจอกับคมทิพย์เข้า จึงบอกเรื่องที่ปัญญ์กับมายด์กำลังจะมาที่นี่แก่คมทิพย์ ทั้งยังบอกว่านภดลก็อยู่ที่นี่ด้วย ถามเธอว่าอยากเจอไหม
เมื่อรู้ว่าตนเองยังมีลูกพี่ลูกน้องที่มีชีวิตอยู่ คมทิพย์ก็ตื่นเต้นอยู่แล้ว หลายปีมานี้ตระกูลเจริญไชยมีสมาชิกเบาบางลงเรื่อยๆ ตอนนี้จะไม่เจอได้ยังไง?
นรมนพาคมทิพย์ไปพบนภดล
สองพี่น้องพูดคุยกันอยู่ด้านใน นรมนไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน ส่วนปัญญ์กับมายด์ก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ตามเข้าไปแล้ว
ด้านในมีเสียงร้องไห้ลอยออกมา คงจะเป็นความดีใจหลังจากที่ได้รู้จักกันสินะ
นรมนเดินออกไปไกลหน่อย ทิ้งระยะห่างจากพวกเขาเพื่อให้พวกเขาได้อยู่กันส่วนตัว
ตอนที่สาวใช้คนหนึ่งเดินผ่านข้างกายของนรมน นรมนไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตอนที่สาวใช้คนนั้นเดินไปทางที่นภดลอยู่ นรมนจึงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“เดี๋ยวก่อน!”
จู่ๆเธอก็ตะโกนหยุดสาวใช้ด้านหน้าเอาไว้
สาวใช้ชะงักเล็กน้อย ก้มหน้ายืนอยู่ตรงนั้น ไม่ให้เธอมองเห็นความรู้สึกในแววตา
นรมนจึงรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย ถามขึ้น: “เธอจะไปทำอะไรที่ด้านนั้น?”
“ฉันจะเอาผลไม้ไปให้วังด้านข้างค่ะ”
น้ำเสียงของสาวใช้แปลกมาก น้ำเสียงเหมือนกับโดนทำลายไปอย่างนั้น
นรมนจึงระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที
ข่าวของนภดลที่อยู่ด้านนี้มีไม่กี่คนที่รู้เรื่อง ทำไมสาวใช้คนนี้ถึงเอาผลไม้มาให้ได้ล่ะ?