“ดารัณ!”
ดวงตาของชญตว์เบิกกว้างทันที รับดารัณเอาไว้ ก็เตะไปที่หน้าอกเจตต์ไปหนึ่งที
“แก อยากตายจริงๆ ใช่ไหมฮะ?”
ดวงตาชญตว์แดงขึ้นมาทันที เหมือนสัตว์ป่าที่ถูกยั่วยุให้โกรธ ทั้งร่างมีท่าทีบ้าคลั่ง
“อย่า! ชญตว์!”
ดารัณกอดเขาไว้แน่น แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ชญตว์ที่กำลังใจร้อนนั้นสงบลงได้
เจตต์งงไปหมดแล้ว
ทำไมจู่ๆ มีผู้หญิงโผล่มาหนึ่งคน?
บุริศร์ก็ค่อนข้างตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็เดินไปอย่างรวดเร็ว
“รีบอุ้มเธอไปหาหมอ!”
“แกคอยดูเถอะ! ถ้าดารัณเป็นอะไรขึ้นมา แกกับฉันไม่จบไม่สิ้นแน่!”
ดวงตาแดงก่ำของชญตว์จ้องเจตต์เขม็ง สุดท้ายก็หันตัวไปอุ้มดารัณขึ้นมาแล้ววิ่งออกไป
เรื่องนี้เกิดขึ้นฉับพลันเกินไป ทำให้เจตต์ตกใจจนพูดไม่ออก
“ไม่ แล้วใครจะไปรู้ว่าจะมีผู้หญิงโง่เข้ามากะทันหันล่ะ?”
“ผู้หญิงโง่ที่นายเรียก คือดารัณน้องสาวคนที่หกของราเชน คือองค์หญิงหกแห่งประเทศF คือน้องสาวภรรยาของจณัตว์ น้องสาวของหงส์นะ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้เจตต์ตะลึงเล็กน้อย
“ไม่ แล้วเป็นองค์หญิงอยู่ดีๆ จะวิ่งมาที่นี่ทำไม?”
“ฉันจะไปรู้ได้ไง? ตอนนี้ฉันรู้แค่นายทำร้ายองค์หญิงหกไปแล้ว คิดดีๆ แล้วกันว่าจะทำยังไงต่อไป”
บุริศร์ค่อนข้างสะใจ
เจตต์จะฟังไม่ออกได้อย่างไร
“นายหมายความว่าไงฮะ? เมื่อกี้นายกำลังยั่วให้คนโมโห”
“ใครพิสูจน์ได้? อีกอย่างนะ ฉันพูดอะไรไป? คมทิพย์กับชญตว์เกิดอะไรขึ้น นายจะสร้างปัญหาเหรอ? ฉันว่านายเป็นห่วงพฤกษ์เกินไปหรือเปล่า?”
เจตต์ใช้ปลายลิ้นดุนแก้มตัวเอง พูดขึ้นอย่างค่อนข้างกังวล “นายไม่เป็นห่วงหรือไง?”
“ฉันเป็นห่วง แต่ฉันก็เชื่อนะว่าคุณชายธเนศพลไม่มีทางไม่สนใจพวกเขา”
แต่คำพูดของบุริศร์ไม่ได้ทำให้เจตต์ผ่อนคลายใดๆ เขาพูดเสียงทุ้ม “คนอื่นจะทำยังไงฉันไม่สน ตอนนี้ฉันแค่อยากไปตามหาที่สนามรบด้วยตัวเอง”
“ทั้งๆ ที่นายรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ อีกอย่างขวัญตาก็ท้องอยู่นะ นายไปไม่ได้”
“แต่นั่นมันพี่น้องของฉัน!”
เจตต์ค่อนข้างหงุดหงิด
“ตั้งแต่เด็กๆ ฉันรู้ว่าตัวเองมีน้องชาย ไม่ใช่ลูกของแม่ฉัน แต่เป็นลูกที่พ่อฉันมีกับเมียน้อย ฉันเคยเกลียด เคยแค้น ถึงขนาดอยากให้เขาไปตายจริงๆ ด้วยซ้ำ ให้เมียน้อยได้ลิ้มรสชาติของการสูญเสียลูกชายไป แต่เมื่อฉันรู้ว่าเขาคือลูกเล่นที่เมียน้อยหลอกลวงพ่อฉัน ก็ไม่รู้ว่าทำไม ฉันรู้สึกว่าเขาก็คือน้องชายของฉัน! นายว่าการเรียกฉันว่าพี่ชายมาตั้งหลายปี ซึ่งทำให้ฉันโกรธและอารมณ์เสีย ทำให้ฉันอึดอัดใจมาตั้งหลายปี ทำไมจู่ๆ ไม่ใช่น้องชายฉันแล้วล่ะ? ทำไมจู่ๆ ไม่ใช่คนในตระกูลรัตติกรวรกุลแล้วล่ะ? ถ้าบอกว่าเขาทำเรื่องแย่ๆ อะไรบางอย่างกับพ่อฉัน มันก็ได้นะ แต่เขาไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ฉันไม่สนว่าคนอื่นจะพูดยังไง ยังไงสำหรับฉัน เขาก็คือคนในตระกูลรัตติกรวรกุล คือน้องชายแท้ๆ ของเจตต์อย่างฉันคนนี้!”
เจตต์พูดไปพูดมาขอบตาก็แดงแล้ว
บุริศร์รู้ว่าเจตต์เป็นคนปากร้ายใจดีมาตลอด
ตอนแรกเขาอึดอัดใจกับพฤกษ์อย่างรุนแรง แต่ความจริงแล้ว ในใจเขาก็มีพฤกษ์
ในตอนนี้พฤกษ์เกิดเรื่อง ที่เขาร้อนรนใจมาก สามารถเข้าใจได้จริงๆ
บุริศร์ตบบ่าเจตต์ พูดขึ้นเสียงทุ้ม “นายเข้าไปดูดารัณองค์หญิงหกก่อนว่าเป็นยังไงบ้าง? ถึงนายจะพลาดต่อยหมัดนั้นไปแล้ว แต่ฉันเห็นท่าทางเกือบเอาชีวิตนายของชญตว์ ไม่แน่นายอาจจะเข้าใจชญตว์ผิดไป”
“หมายความว่าไง?”
เปลี่ยนหัวข้อเร็วเกินไป เจตต์รับมือไม่ค่อยทัน
เจตต์มองเขาอย่างหดหู่ แล้วพูดเสียงทุ้ม “นายยังมองไม่ออกอีกเหรอ? ตัวเองเป็นพ่อคนแล้วนะ ทำไมเรื่องแค่นี้ยังไม่เข้าใจ? เมื่อกี้ดารัณเดินมาดึงชญตว์ไว้ข้างหลัง นายทำร้ายชญตว์ จู่ๆ ท่าทีของชญตว์ก็เปลี่ยนไป ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขากับนายเคยสู้กันอย่างดุเดือด แต่ก็ไม่ได้ลงแรงเต็มที่ อาจจะเพราะเห็นแก่หน้าจณัตว์และนรมน ก็แค่ลงมือกับนาย แต่พอหลังจากนายทำร้ายดารัณ ชญตว์ก็มีท่าทางอยากจะกินนาย นายมองไม่เห็นอะไรเหรอ?”
“นายหมายความว่า ชญตว์ชอบดารัณเหรอ?”
เจตต์เหมือนจะจับอะไรบางอย่างได้แล้ว
บุริศร์มองเขาอย่างพูดไม่ออกนิดหน่อยแล้วพูดขึ้น “ดังนั้นเขากับคมทิพย์ไม่เหมือนกัน นอกจากนี้นายดูแววตาเขาเวลามองคมทิพย์มันมีความรู้สึกระหว่างชายหญิงไหม? นายเป็นห่วงพฤกษ์ได้ แต่จะหวาดระแวงไปหมดทำไม? นายกำลังดูถูกใครอยู่? คมทิพย์มีนิสัยยังไงนายไม่รู้เหรอ? ถ้าเธอไม่ชอบพฤกษ์จริงๆ แล้วไปชอบชญตว์ เธอคงไม่รอจนถึงตอนนี้หรอก! ยิ่งไม่ทำลายข้อตกลงการหย่าร้างหลังจากมีลูกกับพฤกษ์ ในสมองนายมีอึหรือไง?”
เจตต์โดนบุริศร์ใช้นิ้วจิ้มศีรษะหนึ่งที แล้วพูดขึ้นทันใด “ในสมองฉันมีนาย”
“ไสหัวไปซะ!”
บุริศร์โกรธจนยิ้มออกมาทันที
เจ้านี่มันมีความก้าวหน้าแฮะ! ไม่คิดว่าจะรู้จักด่าคนอ้อมๆ
เขาด่าเขาว่าเป็นอึงั้นเหรอ?
บุริศร์ขยะแขยงทันที
เจตต์กระโดดหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วพูดขึ้น “ฉันจะไปดูองค์หญิงหกอะไรนั่นว่าเป็นอะไรหรือเปล่า นายเล่นกับอึตัวเองไปแล้วกัน”
“เจตต์!”
บุริศร์โกรธจนอยากลงมือสั่งสอนไอ้ชั่วนี่จริงๆ
เจตต์รีบกลับมาอย่างรวดเร็ว ชญตว์ก็ซัดหมัดใส่ทันที
หมัดนี้เจตต์ไม่ได้หลบ รับมันอย่างตรงไปตรงมา
ถึงแม้พวกนรมนและขวัญตาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่การที่เจตต์ไม่ได้หลบก็พิสูจน์ได้ว่าเจตต์เป็นคนผิด พวกเธอจึงไม่กล้าเดินเข้ามา
ขวัญตาค่อนข้างสงสาร แต่ก็อดทนไว้
เมื่อคมทิพย์เห็นชญตว์อุ้มดารัณเข้ามาหาหมอก็เดาอะไรบางอย่างได้ จึงมองเจตต์ด้วยความเหยียดหยามไม่พูดอะไร
ชญตว์คว้าคอเสื้อเจตต์ แล้วพูดอย่างโหดเหี้ยม “ดารัณสุขภาพไม่ดีตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนนายก็เคยเป็นทหารไม่ใช่เหรอ? นายเก่งมากไม่ใช่เหรอ? มีผู้หญิงเดินเข้ามากะทันหันอย่างนั้น นายมองไม่เห็นหรือไง?”
“ฉัน……”
ทันใดนั้นเจตต์ก็พูดอะไรไม่ออก
ตอนนั้นเขาแค่โกรธ ไม่ได้สนใจสถานการณ์โดยรอบเลย อีกอย่างใครจะไปคิดว่าจะมีผู้หญิงคนหนึ่งกล้าโผล่ออกมาขณะที่ทั้งสองอยู่ในสถานที่ฝึก
“เจตต์ หมัดนี้ถือว่าฉันต่อยนายแทนดารัณแล้วกัน ถ้าดารัณเป็นอะไรขึ้นมา นายคอยดูเถอะ!”
ชญตว์ดันเจตต์ออกไป โกรธจนดวงตาแดงก่ำหมดแล้ว
“ขอโทษนะ!”
เจตต์รีบขอโทษ
“ขอโทษมีประโยชน์ไหม? นายบ้าหรือเปล่าฮะ? ฉันกับคมทิพย์บริสุทธิ์ใจกัน นายตาบอดเหรอ? พฤกษ์เกิดเรื่องนายก็เอาความโกรธมาลงที่ฉัน นายมีสิทธิอะไรฮะ? นายอยากระบายความโกรธ ฉันต่อยกับนายได้ นายจะทำร้ายดารัณทำไมวะ?”
ชญตว์ตะคอกขึ้นมาด้วยความโกรธ บรรยากาศโดยรอบก็หยุดนิ่งทันที
นรมนและขวัญตารีบมองไปทางคมทิพย์
สีหน้าคมทิพย์ซีดลงทันที เธอดึงชญตว์มา แล้วถามด้วยเสียงสั่นเครือ “เมื่อกี้นายบอกว่าพฤกษ์เกิดเรื่อง มันหมายความว่าไง? ชญตว์ นายบอกฉันให้รู้เรื่องนะ!”
ทันใดนั้นชญตว์ก็ตกตะลึง
เห็นดวงตาเครียดและกังวลคู่นั้นของคมทิพย์ ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดอะไรบางอย่างออกไปด้วยความกระวนกระวายใจ อยากจะเย็บปากสว่างของตัวเองจริงๆ