หลังจากที่เขาได้พบแม่นางน้อยในวันนั้น
ไม่ว่าเขาจะเจตนาหรือไม่เรื่องราวของนางก็มักจะแว่วมาเข้าหู เขาจึงได้รู้ว่านางคือเด็กผู้หญิงที่พ่นน้ำลายเล่นใส่ตนในตอนนั้นจริงดังคาด เขายังจำได้ว่าพี่ซูเรียกนางว่าแม่หนู คิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นจะตั้งชื่อให้ว่าเหมยจื่อ
พอนึกถึงเหมยจื่อ เซียวจิงซันที่ร่ายรำมวยอยู่ภายใต้แสงจันทร์นวลจบกระบวนท่าพอดีก็เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดในใจ นางคือลูกสาวของพี่ซูสินะและก็คือแม่หนูน้อยที่ตนเคยอุ้มเมื่อครั้งนั้น จากเด็กหญิงตัวเล็กๆ ตอนนี้กลายเป็นสาวแรกรุ่น ทั้งตัดหญ้าได้ร้องเพลงก็ได้ หนำซ้ำยังรู้จักพลอดรักกับชายหนุ่มอยู่ในพงหญ้าอีกด้วย
เขาไม่รู้ว่าหากพี่ซูยังมีชีวิตอยู่จะรู้สึกอย่างไรกัน เขารู้เพียงใจตัวเองตอนนี้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
.
ค่ำคืนนั้น
เซียวจิงซันตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน หวนกลับไปเมื่ออดีตนานมาแล้ว ท่ามกลางความเลือนรางพี่ซูยังมีชีวิตอยู่ อีกฝ่ายส่งแม่หนูน้อยมาให้เขาอุ้ม เซียวจิงซันรับแม่หนูตัวกลมเนื้อนวลมาอุ้มไว้ เด็กหญิงตัวน้อยน่ารักเนื้อตัวนุ่มนิ่มทำให้จิตใจแข็งกระด้างของเขาพลันอ่อนโยนลง
ในความฝันเขาได้ยินพี่ซูพูดอย่างนึกขำว่า “นางดูท่าจะชอบเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้ากำลังไปจากที่นี่ ข้าก็อยากจะยกนางให้กับเจ้า”
เซียวจิงซันเริ่มจะรู้สึกงุนงง คำพูดประโยคนี้ในตอนนั้นพี่ซูเหมือนจะเคยพูดไว้จริงๆ ใช่หรือไม่?
เขาพยายามหวนคิดถึงมัน แต่ทุกสิ่งรอบด้านก็เปลี่ยนเป็นสับสนวุ่นวายไปหมดจนเขาไม่อาจตั้งสติคิดถึงมันได้อีก
ทว่าขณะที่กำลังมึนงงในความฝัน พอเขาก้มหน้าลงก็ได้เห็นดวงตาคู่หนึ่งที่สดใสราวสายน้ำกำลังกะพริบปริบๆ จ้องมองตนอยู่ ริมฝีปากน้อยแดงระเรื่อคลี่ออกเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ช่างเย้ายวนใจผู้ที่ได้มอง
เซียวจิงซันสะดุ้งตกใจอีกครั้ง แม่หนูน้อยในอ้อมกอดเปลี่ยนเป็นแม่นางน้อยผู้ใสซื่อไปตั้งแต่เมื่อไรกัน!
ชายหนุ่มตกใจตื่น เหงื่อเย็นไหลลงมาจากหน้าผาก แสงจันทร์ส่องผ่านช่องหน้าต่างทาบลงมาบนร่างของเขา เซียวจิงซันนอนเบิกตาโพลงอยู่นาน สุดท้ายก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
อันที่จริงหลังจากเขากลับมาก็ได้ยินว่าพี่ซูจากโลกนี้ไปแล้ว เดิมทีก็ตั้งใจจะไปเยี่ยมเยียนคารวะซูฮูหยินสักครั้งเพื่อไถ่ถามว่ามีอะไรที่ตนพอจะช่วยเหลือได้บ้าง แต่เมื่อมีข่าวลือเรื่องของตน เซียวจิงซันก็รู้สึกว่าซูฮูหยินพยายามจะหลบหน้า พอมาลองคิดอีกทีในฐานะแม่ม่าย นางย่อมต้องคิดมากเป็นธรรมดา เพราะเขานั้นเป็นหนุ่มโสดตัวคนเดียว หนำซ้ำยังมีข่าวไม่ค่อยดีนัก เช่นนั้นควรหลีกเลี่ยงที่จะข้องเกี่ยวด้วยน่าจะดีกว่า
ทว่าเขาเองก็ยังอดคิดถึงเรื่องของเหมยจื่อไม่ได้ ต่อมาเขาก็ได้รู้ว่าหนุ่มน้อยฝูเกอก็คือลูกชายของผู้ใหญ่บ้าน
เซียวจิงซันก้มหน้าพลางใคร่ครวญ เขาเอาใจช่วยขอให้ความรักของเหมยจื่อนั้นราบรื่นเป็นไปด้วยดี หวังว่านางจะสามารถแต่งงานเข้าไปอยู่ในครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านได้ เมื่อเป็นเช่นนี้พี่ซูที่อยู่บนสวรรค์ก็คงสามารถวางใจได้แล้ว
.
น่าเสียดายที่หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น
ผู้ใหญ่บ้านพาคนมาหยามหมิ่นตระกูลซูถึงบ้าน ทว่าเหมยจื่อก็ยังตัดสินใจจะหนีไปกับหนุ่มน้อยคนนั้น ผลสุดท้ายอีกฝ่ายกลับหักหลังทิ้งนาง ชาวบ้านพากันติฉินนินทากันไปทั่ว แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมต้องดังเข้าหูของเขาด้วย
เซียวจิงซันร่ายรำมวยจนจบกระบวนท่า วันนี้เขาออกแรงด้วยท่วงท่าดุดันมากกว่าที่เคย หลังจากรำมวยจนเสร็จเหงื่อไหลโซมกาย เขาก็เลิกเสื้อผ้าเนื้อหยาบตัวนอกขึ้นแล้วเดินไปริมลำธารเพื่อให้สายน้ำใสเย็นช่วยชำระล้างร่างกายให้คลายความร้อนระอุ
ถึงเขาจะภาวนาให้แม่หนูน้อยที่ตัวเองเคยอุ้มเมื่อวันวานได้มีชีวิตที่ราบรื่น ให้บุตรสาวของผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเหลือตนเองนั้นไร้ซึ่งอุปสรรค และอยากให้แม่นางน้อยที่สวมเพียงเสื้อปิดอกนั่งร้องเพลงอยู่ในพงหญ้าอย่างสบายอารมณ์ได้มีความสุขไปตลอดชีวิต ทว่าเขาก็ทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ข้างๆ ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรนางได้เลย
ขณะที่สายน้ำในลำธารไหลวนเวียนอยู่รอบกาย เซียวจิงซันก้มหน้าลงจ้องมองเงาสะท้อนของตนเองบนผิวน้ำ ในใจนึกอยากจะถามพี่ซูว่า…
ตอนนี้ข้าสามารถช่วยทำอะไรให้ลูกสาวท่านได้บ้าง?
มีบ้างหรือไม่?
คืนนั้นเซียวจิงซันนอนไม่หลับรู้สึกกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืน ในเมื่อไม่อาจข่มตานอนได้แล้ว เขาจึงลุกขึ้นมาแต่เช้าตรู่ แบกคันธนูขึ้นบ่า เหน็บกริชไว้ที่เอวและออกจากบ้านไปล่าสัตว์
.
ขณะที่อยู่ในป่าลึก
เขาไล่ล่าพวกสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย โก่งคันธนูให้ง้างออกราวกับจันทร์เต็มดวง ค่อยๆ หรี่ตาเล็งแล้วปล่อยมือ ลูกธนูพลันพุ่งออกไป
เขาคือเซียวจิงซันผู้ที่เคยฝ่าฟันมาแล้วทุกสนามรบ บั่นหัวศัตรูมานับไม่ถ้วน ผู้ที่ยอมถอดเสื้อเกราะแม่ทัพใหญ่ออกแล้วละทิ้งอำนาจวาสนา ผู้ที่มีหัวใจดั่งเหล็กกล้าไม่หวั่นไหวต่อความงดงามอันเย้ายวนของสตรี
สำหรับบุรุษผู้นี้ยังจะมีสิ่งใดที่ดูดดึงความสนใจของเขาได้อีกเล่า?
.
ตอนที่กลับจากล่าสัตว์
ที่เอวของเซียวจิงซันมีไก่ป่าตัวหนึ่งแขวนอยู่ ด้านหลังแบกกระต่ายป่าตัวใหญ่หนึ่งตัว พอได้ออกแรงเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้น
ขณะที่เดินกลับหยดน้ำค้างทำเอาเสื้อของเขาเปียกปอน ชายหนุ่มเดินอยู่ท่ามกลางสายหมอกในยามเช้าด้วยฝีเท้าแผ่วเบาว่องไวจนหญิงสาวที่เผชิญหน้าโดยบังเอิญถึงกับตกตะลึง
สาวน้อยนางนั้นเดินผ่านเขาไปาวกับมองไม่เห็น แต่เขารู้ว่านางแอบปรายตามองมาแวบหนึ่งก่อนจะรีบหลุบตาลง
เซียวจิงซันเกิดความรู้สึกแปลกชอบกล แต่ก็ยังเดินผ่านนางไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง
ทว่าเมื่อสาวเท้ายาวกลับมาถึงบ้านตนเอง จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ท่าทางของหญิงสาวผู้นั้นดูผิดปกติเกินไป อีกทั้งในเวลาเช่นนี้เหตุใดนางจึงออกมาเดินในป่าเพียงลำพัง แม้แต่ตะกร้าหวายหรือเคียวก็ไม่ได้นำมาด้วยอย่างเคย
เซียวจิงซันนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางข้าวของทั้งหมดลงแล้วรีบวิ่งออกไปด้านนอกทันที
ตลอดทางไร้ซึ่งผู้คน ท่ามกลางสายหมอกยามเช้าเขากลับพบหญิงสาวนางนั้นอย่างรวดเร็ว นางกำลังพาดสายคาดเอวเนื้อหยาบขึ้นไปแขวนบนกิ่งโน้มเอียงของต้นไม้
นางกำลังจะฆ่าตัวตาย!
เซียวจิงซันโจนตัวออกไปเหมือนดั่งลูกธนูที่พุ่งออกจากสาย เพียงพริบตาก็ไปถึงใต้ต้นไม้ มือซ้ายดึงกริชออกมาตัดสายคาดเอวที่พาดอยู่บนต้นขาดสะบั้น มือขวาประคองร่างหญิงสาวแล้วรวบนางมากอดไว้ในอ้อมอก
ลมหายใจนางเริ่มรวยริน!
เขามองแก้มที่เคยแดงระเรื่อทว่าบัดนี้กลับกลายเป็นซีดขาว มองดวงตาคู่งามที่เคยสุกใสในยามนี้กลับหลับสนิท เซียวจิงซันขบฟันแน่น ก้มหน้าลงต่อลมหายใจให้กับนาง
รสสัมผัสของริมฝีปากช่างอ่อนนุ่มและบอบบาง
ขณะที่เซียวจิงซันถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากงาม ลมหายใจของนางก็เริ่มกลับมาสม่ำเสมอแต่ยังคงหมดสติอยู่
เซียวจิงซันมองริมฝีปากที่เปียกชื้นแดงเจ่อเพราะตนเองแล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ยกแขนเสื้อขึ้นช่วยเช็ดรอยเปียกชื้นนั้นออกให้
ชายหนุ่มลุกยืนพร้อมกับช้อนกายนางขึ้นอุ้ม แล้วรีบสาวเท้ายาวพานางกลับไปบ้านตระกูลซู
เซียวจิงซันย่อมรู้จักบ้านของนางเป็นอย่างดี แต่ยามนี้คนในตระกูลซูกลับแสดงออกว่าไม่รู้จักเขาเสียแล้ว
ทันทีที่ซูฮูหยินเห็นหน้าของเซียวจิงซัน สีหน้าของนางก็ไม่สู้ดีนัก ยิ่งเมื่อได้เห็นว่าลูกสาวของตนถูกเขาอุ้มไว้ในอ้อมแขน สีหน้าของผู้เป็นมารดาก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
แต่เซียวจิงซันกลับไม่ได้แยแสสีหน้าของอีกฝ่าย เขาเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่พูดไม่จาแล้ววางร่างของเหมยจื่อลงบนเตียงนอน
ตอนแรกในใจก็ยังลังเลอยู่ สุดท้ายเขาก็ทำไปตามสัญชาตญาณ ชายหนุ่มมองผ้าห่มที่พับไว้อย่างเรียบร้อยบนเตียง แล้วเลือกหยิบผืนที่สีสันดูใหม่ที่สุดมาห่มลงบนร่างของเหมยจื่ออย่างเบามือ
น้องสาวเหมยจื่อมองเขาด้วยสายตาเดียดฉันท์แวบหนึ่งแล้วบ่นพึมพำว่า “ผ้าห่มผืนนั้นเป็นผ้าห่มที่ข้าใช้ประจำ”
น้องชายเหมยจื่อที่เดิมทีจ้องมองพี่ใหญ่ของตนด้วยความวิตกกังวล ตอนนี้ก็อดหันมามองเซียวจิงซันด้วยสายตาแปลกๆ ไม่ได้
มารดาของเหมยจื่อก็มองเขาอย่างจนใจ ปากก็พร่ำพูดว่า “เซียวจิงซัน เรื่องในวันนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก”
เซียวจิงซันกลับไม่ได้ตอบอะไร พอห่มผ้าให้เหมยจื่อเรียบร้อยก็หันหลังเดินจากไป
ในใจของชายหนุ่มคิดเพียงว่าต้องรีบลงจากเขา นำของป่าหายากที่หามาได้เมื่อหลายวันก่อนไปขายแลกเงิน
เขาจึงจะสามารถตระเตรียมสินสอดที่ดีเพียบพร้อมให้กับหญิงสาวผู้นี้ได้!
———————————————————————————————–
จบบริบูรณ์