“พ่อ ล้อหนูเล่นหรือเปล่า?”
นรมนหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
ชินทรเป็นใครกัน?
เป็นแบบอย่างของทหาร และก็เป็นพี่ใหญ่ของตระกูลทวีทรัพย์ธาดา เขาอยากทำอะไรแค่สั่งคำเดียวก็ได้แล้ว จำเป็นต้องพูดคำว่าขอที่ไหนกัน?
นรมนนึกว่าชินทรกำลังล้อตัวเองเล่นอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะนั่งลงข้างเขา
มองไปที่ลูกสาวที่หน้าตาเหมือนตัวเอง ชินทรก็พูดอย่างจริงจังมากว่า “พ่อมีเรื่องจะขอร้องลูกจริงๆ ”
สีหน้าที่จริงจังของเขาทำให้นรมนรู้สึกตกใจ
“พ่อ พ่อคงไม่ได้คิดจะทำอะไรหรอกใช่ไหม?”
“คิดอะไรเนี่ย”
ชินทรยิ้มแล้วก็ลูบผมนรมน
เขาอยากจะเห็นมากว่านรมนเติบโตมาอย่างไรบ้าง คนที่เขารู้สึกละอายใจมากที่สุดในชีวิตก็คือลูกสาวคนนี้นั่นแหละ
พอสัมผัสได้ถึงความรักของพ่อ จู่ๆ หัวใจของนรมนก็รู้สึกอ่อนนุ่มลงมาก
“พ่อ พ่อทำให้หนูตกใจนะเนี่ย จู่ๆ ก็ทำแบบนี้ นึกว่าหัวใจหนูแข็งแรงดีงั้นเหรอ?”
นรมนจ้องชินทรด้วยสายตาที่อ่อนเล็กน้อย
ความรู้สึกที่ลูกสาวทำตัวเหมือนเด็กน้อยนี่มันช่างดีจริงๆ
ชินทรพูดด้วยความรักใคร่และเอ็นดูว่า “นรมน สิ่งที่พ่อเสียใจมากที่สุดในชีวิตนี้ก็คือการที่ไม่ได้เห็นลูกเติบโตมาด้วยตาของตัวเอง ไม่ได้อยู่เคียงข้างลูก ในช่วงเวลาที่เป็นหนุ่มไม่ได้อยู่ที่บ้านเกิดและดูแลยายของลูก พ่อจงรักภักดีต่อประเทศชาติมาตลอดชีวิต แต่ว่าพ่อไม่กตัญญูและรับผิดชอบอย่างเต็มที่ โชคดีที่ตอนนี้ลูกมีบุริศร์คอยปกป้องอยู่ ต่อให้พ่อไม่มีอยู่แล้ว ลูกก็ยังมีคนให้พึ่งพิง”
“พ่อ ทำไมถึงพูดแบบนี้อีกแล้วล่ะ? ไม่มีใครว่าอะไรพ่อหรอก”
นรมนรู้ดีว่าชินทรถูกใจมาก
หลายปีมานี้ที่เขามีชีวิตอยู่ แต่ก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว แม้แต่งานศพของคุณนายทวีทรัพย์ธาดาเขาก็ไม่ได้เข้าร่วม บุญทิวาถูกข่มเหง เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ หลายคนไม่เข้าใจความทุกข์ของชินทร แต่ว่านรมนนั้นยอมเข้าใจดี
เธอกอดชินทรเบาๆ แล้วก็พูดว่า “พ่อ ตอนนี้ความขมขื่นของพ่อได้จบลงแล้ว ต่อไปก็ใช้ชีวิตกับแม่ให้ดี หนูก็จะอยู่เคียงข้างพ่อกับแม่เหมือนกัน”
สายตาของชินทรดูอ่อนโยนขึ้น
ความรู้สึกของการมีลูกสาวมันดีจริงๆ ถ้าเกิดว่าเป็นไปได้ เขาก็อยากมีชีวิตเหมือนที่นรมนพูดเหมือนกัน
“รับปากพ่อนะ ถ้าเกิดว่าวันไหนพ่อไม่อยู่ ลูกต้องดูแลแม่แทนพ่อให้ดี”
“พ่อ——”
นรมนเงยหน้าขึ้นมาในทันที แล้วก็มองเขาอย่างประหลาดใจ
“พ่อคิดจะทำอะไร?”
“พ่อจะทำอะไรได้? การปลดประจำการของพ่อได้รับการอนุมัติแล้ว อีก 3 วันพ่อก็จะเป็นคนธรรมดาแล้ว ก็แค่กลัวว่าจะมีวันหนึ่งที่พ่อต้องจากไปก่อนแม่ของลูก แล้ววันนั้นแม่ของลูกจะรับไม่ไหว เธอเนี่ยนะ อยู่เพื่อความรักมาตลอดชีวิต แล้วก็เป็นผู้หญิงที่มีอคติ อย่าโทษเธอเลยนะ”
คำพูดของชินทรทำให้นรมนรู้สึกผิดปกติ แต่ว่าเธอก็พูดไม่ถูกก็มันผิดปกติตรงไหน
“พ่อ บอกหนูมาเลยว่าพ่อจะทำอะไรกันแน่?”
“พ่อก็แค่มาเยี่ยมลูกเท่านั้นเอง ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ สองเราพ่อลูกยังไม่มีโอกาสได้คุยกันดีๆ เลย แล้วอีกอย่าง พ่อยังไม่เคยเจอหลานตัวเล็กของพ่อเลยนี่? มีรูปไหม ขอดูหน่อย”
พอได้ยินชินทรพูดแบบนี้ นรมนก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา ค้นหารูปลูกชายทั้งสองคนแล้วก็ส่งให้กับเขา
“ดูสิ น่ารักมากเลยใช่ไหมคะ?”
นรมนพูดเหมือนอวดสมบัติ
ดวงตาของชินทรดูอ่อนโยนและใจดีมาก มองดูเด็กตัวน้อยที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการในรูปภาพ ต่างกันแค่สีตาเท่านั้น แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา
“ตอนเด็กสองคนนี้โตมาแล้วต้องทำให้ประเทศชาติได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน”
“พ่อ ทำไมพูดถึงหลานตัวเองแบบนั้นล่ะ ?”
นรมนเบะปาก แล้วก็ทำให้ชินทรยิ้มออกมาในทันที
ตอนที่เขายิ้มนั้นมันดูดีมากเลย
ทันใดนั้นนรมนก็รู้สึกว่าตัวเองยุ่งมานานมาก ที่จริงแล้วเธอก็ควรจะหาเวลาอยู่กับพ่อแม่บ้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพราะเรื่องงาน ทำให้พวกเขาไม่สามารถอยู่กับเธอได้ แต่มันก็ต้องมีวิธีอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ก็ดีแล้ว อีก 3 วันชินทรกับคิมก็จะลาออกแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะให้พวกเขาอยู่ข้างเธอทุกวัน”
“พ่อรู้อะไรไหมคะ ตอนเด็กๆ พ่อบุญธรรมของหนูเข้มงวดกับหนูมาก ที่จริงแล้วก่อนที่จะรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง หนูก็มีความสุขมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเอง แต่ว่าพ่อแม่บุญธรรมก็ดีกับหนูมาก คิดทำอะไรเพื่อหนูมาโดยตลอด ต่อมาเพราะว่าหนูต้องแต่งงานกับบุริศร์ถึงทำให้พวกเขาดูหมองคล้ำลง ห่างเหินจากหนูไป แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นหนูก็ยังรู้สึกว่าพวกเขารักหนูมากที่สุด แต่พอลูกสาวที่แท้จริงของพวกเขาปรากฏตัวขึ้นหนูถึงได้เข้าใจว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้นมันวิเศษแค่ไหน แล้วพ่อกับแม่บุญธรรมที่รักและโอ๋หนูมากที่สุดก็ทำแบบนั้นกับหนูเพื่อลูกสาวของตัวเอง มันทำให้หนูเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ดังนั้นพ่อคะ ต่อให้พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่กับหนูตอนที่หนูเติบโต หนูก็คือลูกสาวของพ่อกับแม่อยู่ดี หนูไม่โทษพ่อกับแม่หรอกค่ะ”
นรมนกุมมือของชินทรเอาไว้
ชินทรพยักหน้าอย่างปลื้มใจ หลังจากนั้นก็พูดกับนรมนว่า “เล่าเรื่องน่าอายของลูกตอนที่ลูกเป็นเด็กให้ฟังหน่อยสิ”
“พ่อ ก็บอกอยู่ว่ามันเป็นเรื่องน่าอายแล้วจะอยากฟังทำไมล่ะ? ”
นรมนรู้สึกจิตตกในทันที ทำให้ชินทรหัวเราะชอบใจออกมา
“พ่อก็แค่อยากรู้เท่านั้นเอง ว่าลูกสาวของพ่อตอนเด็กๆ เป็นเด็กซื่อบื้อเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ รึเปล่า”
“พ่อ——”
นรมนรู้สึกกลัดกลุ้ม แต่ว่าก็อดไม่ได้ที่จะเล่าให้เขาฟัง
ชินทรฟังอย่างตั้งใจ เหมือนกับว่าเรื่องพวกนี้สามารถทำให้เขาสัมผัสได้ถึงการเติบโตของนรมน สามารถชดเชยปีเหล่านั้นที่ขาดหายไปได้
นรมนพูดไปหัวเราะไป จนเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ เธอไม่ได้รู้สึกเหมือนเป็นสาวน้อยแบบนี้มานานมากแล้ว
ตอนนี้เมื่อได้มาอยู่ในอ้อมแขนของชินทร เธอก็รู้สึกเหมือนสาวน้อยที่ยังไม่ได้แต่งงาน เธอพูดคุยกับพ่อของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต เล่าให้ฟังว่าเธอกับคมทิพย์รู้จักกัน และคมทิพย์ต้องขุ่นเคืองกับคนในโรงเรียนตั้งหลายคนก็เพราะว่าเธอ
เธอพูดไปพูดมา แล้วนรมนก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมา
ไม่รู้ว่าตอนนี้คมทิพย์ที่อยู่ในสงครามนอกเมืองเป็นยังไงบ้าง
สถานที่ที่ยุ่งเหยิงแบบนั้น ขนาดบุริศร์กับเจตต์ยังไม่สามารถตามหาพฤกษ์เจอเลย แล้วคมทิพย์จะสามารถทำได้เหรอ?
พอสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของนรมน ชินทรก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาในทันที
“ชีวิตนี้ มีสหายที่รู้ใจเพียงหนึ่ง ก็เพียงพอแล้ว!คมทิพย์มีคุณค่ากับชีวิตของลูกมาก”
“ใช่ค่ะ พ่อ ถ้าเกิดว่าไม่มีเธอก็ไม่มีหนูในตอนนี้หรอก แต่ตอนนี้เธอไปสนามรบนอกประเทศด้วยท้องโย้ ไม่รู้ว่าจะหาพฤกษ์เจอรึเปล่า”
เรื่องที่นรมนเป็นกังวลเธอสามารถเล่าให้ชินทรฟังได้แค่เรื่องนี้เท่านั้นแหละ ส่วนเรื่องที่ลูกชายคนเล็กของเธอหายตัวไปนั้น เธอไม่สามารถเล่าได้
เรื่องสองเรื่องนี้มันเหมือนภูเขาลูกใหญ่สองลูกที่หนักอยู่ในอกของเธอ มันหนักหนาจนทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก
ชินทรตอบอย่างปวดใจว่า “ด้านฝั่งคมทิพย์ พ่อมีวิธีที่จะทำให้เธอหาพฤกษ์เจอ”
“จริงเหรอคะ? พ่อมีวิธีอะไร? ”
นรมนมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที
แต่ชินทรกลับยิ้มและตอบว่า “ความลับ อีกเดี๋ยวลูกก็รู้แล้ว ลูกมีเสื้อผ้าที่พฤกษ์เคยใส่ไหม? ”
“หนูจะมีเสื้อผ้าของพฤกษ์ได้ยังไงกันล่ะคะ? แต่ว่าคมทิพย์น่าจะมีนะ พ่อ ถามเรื่องนี้ไปทำไมกันคะ? จะหาพฤกษ์เจอจริงๆ เหรอ? ”
แสงในดวงตาของนรมนเหมือนกับเปลวเพลิง ขจัดหมอกควันในหัวใจของชินทร ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตของเขาเริ่มมีหนทางแล้ว