ชินทรรู้ว่าตัวเองควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้ว แต่ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ เขาจึงไม่อยากปิดบัง
“ฉันเป็นมนุษย์กลายพันธุ์เหมือนนภดล”
คำพูดของชินทรทำให้ธเนศพลนิ่งอึ้ง จากนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบลุกขึ้นไปปิดประตูด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็สังเกตซ้ายขวา เมื่อพบว่าไม่มีคนจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เขาส่งสัญญาณทางสายตา กานต์ก็รู้ได้ในทันที จึงเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บข้อมูลเหตุการณ์รอบๆ
เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่มาก มากเสียจนใจของธเนศพลเต้นรัวเร็ว
มนุษย์กลายพันธุ์?
จะเป็นไปได้ยังไง?
เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของธเนศพล นัยน์ตาของชินทรก็ทอแววขำขัน
“คุณชายธเนศพล นายไม่ต้องกังวลหรอก ฉันตัดสินใจเอาไว้แล้ว คราวนี้ที่ออกมาก็ไม่คิดที่จะมีชีวิตรอดกลับไปแล้วล่ะ”
“คุณตา กำลังพูดอะไร?”
หัวใจของกานต์บีบรัดขึ้นมาทันที
กว่าครอบครัวของเขาจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน กว่าหม่ามี๊จะได้กลับมาเจอพ่อแม่ เขาไม่ยอมให้ใครมาทำลายความสงบสุขของพวกเขาทั้งนั้น!
เมื่อชินทรเห็นท่าทีปกป้องของผู้เป็นหลาน ก็ลูบหัวของเขาแล้วพูดยิ้มๆว่า “ไม่ต้องห่วง ตาไม่ยอมตายง่ายๆหรอก ถึงยังไงกว่าจะมาเป็นอย่างวันนี้ได้ ก็เสียอะไรไปมากเหมือนกัน”
นัยน์ตาของเขาทอแววซับซ้อน
ธเนศพลขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยถามเสียงเบาว่า “ท่านชินทร นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
“เรื่องนี้คงต้องเริ่มพูดตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน”
จากนั้นชินทรก็เล่าเรื่องที่ตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรมีส่วนร่วมยังไง หลอกใช้เชษฐ์ให้ทำอะไรบ้างออกมาทั้งหมด
หลังจากที่ธเนศพลกับกานต์ได้ฟังก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“มันจะมากเกินไปแล้ว!กล้าเอาทหารของเราไปทำการทดลองเหรอ!”
ธเนศพลทุบหมัดลงบนโต๊ะ
ด้านชินทรกลับไม่ได้กรุ่นโกรธและอารมณ์เดือดเหมือนอย่างเมื่อก่อน เอ่ยพูดนิ่งๆขึ้นมาว่า “ร่างกายของทหารแข็งแรง เหมาะแก่การกลายพันธ์ุมากที่สุดแล้ว อีกอย่างถ้าหากสำเร็จก็จะกลายเป็นยอดมนุษย์ที่เอาชนะคนเป็นร้อยๆได้ พรรคพวกของฉันออกไปทั้งหมดห้าสิบกว่าคน แต่เหลือรอดมาได้แค่สิบกว่าคน ฉันเห็นพวกเขาตายไปอย่างเจ็บปวดทรมานแต่กลับทำอะไรไม่ได้ ที่ฉันรอดมาได้ก็เพราะการวิจัยพันธุกรรมที่ตระกูลโตเล็กมีส่วนร่วมก่อนหน้านี้ และมีข้อมูลชุดนั้น ตอนแรกฉันไม่เข้าใจว่าข้อมูลชุดนั้นมีประโยชน์อะไร ต่อมาพอผ่านการทดลองอันเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่าฉันถึงค่อยๆจับต้นชนปลายได้ ฉันเลยบอกพวกเขา พวกเขาจึงปล่อยให้ฉันมีชีวิตรอด อาจเป็นเพราะความพิเศษทางสายเลือดของฉัน จึงกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่ประสบความสำเร็จที่สุด มีรูปร่างลักษณะเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง แต่กลับมีกำลังที่ใครก็ไม่อาจต้านได้ แต่ว่าพรรคพวกของฉันไม่ได้โชคดีขนาดนั้น และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำไมตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรถึงลักพาตัวภาณ เขาคิดว่าดวงตาของภาณพิเศษ แล้วยิ่งนรมนเคยได้รับเลือดของนภดล จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเป็นมนุษย์กลายพันธุ์”
“สารเลว!”
ไม่ว่ายังไง ธเนศพลก็รับไม่ได้ที่เอาเด็กไปวิจัย
กานต์ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและขุ่นเคือง
เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของพวกเขา ชินทรก็หลุดขำออกมา
“อย่าเป็นอย่างนี้กันหมดสิ ลองคิดในแง่ดี อย่างน้อยฉันกับพรรคพวกก็รอดมาได้ไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างที่ฉันมาคราวนี้ก็เพราะอยากให้คุณชายธเนศพลช่วยอะไรบางอย่าง”
“ท่านพูดมาได้เลย”
ธเนศพลรีบยืดตัวตรง
ชินทรมองมาที่เขา เอ่ยพูดออกมาทีละคำว่า “ฉันหวังว่าคุณชายธเนศพลจะทำทุกวิถีทางเพื่อขึ้นไปนั่งตำแหน่งนั้นให้ได้ และให้สิ่งแวดล้อมที่ดีแก่พวกพ้องของฉัน เพราะถึงยังไง ครอบครัวของพวกเขาต่างก็คิดว่าพวกเขาตายกันหมดแล้ว สภาพของพวกเขาในตอนนี้ออกไปเจอใครไม่ได้ด้วย”
ธเนศพลนิ่งไปเล็กน้อย
ชินทรแค่อยากให้เขาดูแลกลุ่มมนุุษย์กลายพันธุ์เท่านั้นน่ะเหรอ?
“แล้วทำไมต้องผม? บุริศร์ก็สามารถสร้างสิ่งแวดล้อมดีๆให้พวกเขาได้เหมือนกันนะ”
“พวกเขาเป็นทหาร!ไม่ว่าตอนนี้จะกลายเป็นอะไร พวกเขาก็หวังว่าจะมีชีวิตรอดอยู่ในที่ที่เหมาะสม ไม่ใช่หลบๆซ่อนๆอยู่ในมุมมืดเหมือนหนู มันก็จริงที่บุริศร์สามารถให้ที่หลบแดดหลบฝนแก่พวกเขาได้ แต่ความภาคภูมิใจของพวกเขาล่ะ? ไหนจะความเต็มใจสละชีพเพื่อชาติของพวกเขาอีก? นายทหารควรตายในสนามรบ นี่เป็นความปรารถนาและโชคชะตาของทหารทุกๆคน ดังนั้นแล้วคุณชายธเนศพล ได้โปรดปฏิบัติต่อพวกเขาดีๆเถอะนะ”
ดวงตาของชินทรเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำ
จู่ๆธเนศพลก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาในใจ
ยี่สิบปีก่อน เทคโนโลยีของประเทศยังไม่ก้าวหน้า เป็นเหตุให้เมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นหลายๆคนจึงไม่รู้ แต่ว่าผู้คนเหล่านี้กลับทุ่มเทให้ประเทศอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง แลัวทำไมเขาถึงได้รับความไว้วางใจและความคาดหวังจากพวกเขาล่ะ?
“พวกเขายินยอมเหรอ?”
“พวกเราสังเกตและทำการประเมินผู้ลงชิงตำแหน่งคุณท่านขวัญชัยมานานแล้ว พวกเราคิดว่าไม่มีใครเหมาะสมเท่าคุณชายธเนศพลอีกแล้ว ดังนั้นได้โปรดอย่าปฏิเสธพวกเราเลยนะ”
เมื่อเห็นสายตาเอาจริงเอาจังของชินทร ธเนศพลก็ปฏิเสธไม่ลง
เดิมทีเขาก็ไม่ได้เต็มใจขึ้นไปนั่งตำแหน่งนั้นอยู่แล้ว เขาก็แค่ทำเพื่อมีชีวิตรอด เพื่อความปลอดภัยของภรรยาตนเอง แต่ว่าตอนนี้จู่ๆเขาก็รู้สึกตัวเองกำลังแบกรับภาระอันใหญ่หลวง
เขาจะสามารถแบกรับมันไว้คนเดียวได้ไหมนะ?
“ท่านชินทร ผม……”
“คุณชายธเนศพล บางคนเป็นความไว้วางใจของทุกคน แต่บางคนจำใจทำ ถ้าวันนี้นายฝีนใจล่ะก็ ฉันจะไม่บังคับนาย และจะไม่พูดเรื่องนี้กับนายอีก ดังนั้นคุณชายธเนศพล ยิ่งนายมีกำลังมากเท่าไหร่นายก็ต้องรับผิดชอบมากเท่านั้น ฉันรู้ว่าภาระครั้งนี้มันใหญ่หลวง แต่ฉันเชื่อว่าพวกบุริศร์ต้องช่วยนายแน่ๆ นายว่างั้นไหม?”
ชินทรพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ธเนศพลจึงไม่กล้าพูดอย่างอื่นเป็นธรรมดา
“ครับ ผมตกลง”
วินาทีนี้ ความคิดของธเนศพลเริ่มชัดเจน ชั่วขณะนั้นก็มีเป้าหมายและทิศทาง
เมื่อชินทรเห็นเขาตกลง จึงพูดยิ้มๆว่า “ฉันยังมีอีกเรื่องอยากไว้วานคุณชายธเนศ”
“พูดมาได้เลย”
“ฝากกิจจาของพวกเราด้วยนะ”
เมื่อคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมา กานต์พลันเบิกตาโพลง
“คุณตา พี่ใหญ่จะเกณฑ์ทหาร?”
“ไม่ใช่!”
ชินทรส่ายหน้า เอ่ยพูดกับธเนศพล “แค่ให้เขาเข้าไปอยู่ในเขตทหาร ในอนาคตเด็กคนนี้อาจจะต้องเดินทางสายแพทย์ อีกอย่างเขาก็เป็นคนมีพรสวรรค์ ถ้าให้คนอื่นมาวิจัยสายเลือดของลูกหลานรุ่นหลังตระกูลเราฉันกังวลว่าพวกเขาจะมีจุดประสงค์อื่น เรื่องนี้ต้องเป็นกิจจาเท่านั้น ฉันถึงจะวางใจ”
ธเนศพลเข้าใจความหมายของชินทรในทันที
เขากำลังจะบอกว่าการที่ตัวเองกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างนี้เป็นเพราะสายสัมพันธ์ทางสายเลือดของตระกูลทวีทรัพย์ธาดา และลูกของนรมนแต่ละคนต่างก็มีพรสวรรค์กันทั้งนั้น เลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดว่ามันไม่ได้เกิดจากสิ่งนี้ เพราะงั้นชินทรเลยอยากให้กิจจามาทำวิจัยหัวข้อนี้
“ท่านชินทรความหมายของคุณก็คือจะให้กิจจาทำการวิจัยพันธุกรรมกลายพันธ์ุทุกคนอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ พันธุกรรมของมนุษย์เป็นสิ่งที่ตายตัว ถ้าฝืนไปเปลี่ยนแปลงอาจจะมีอันตรายแทรกซ้อน ยกตัวอย่างพวกพ้องของฉันเหล่านั้น ถึงแม้พวกเขาจะเก่งกล้าแค่ไหน แต่พวกเขาก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินหกสิบปีก็ตาย ทั้งยังต้องตายอย่างทรมาน ฉันไม่อยากให้ทหารรุ่นหลังต้องมาเผชิญกับสิ่งนี้ ฉันแค่อยากให้กิจจาวิจัยออกมาว่าสายเลือดของตระกูลทวีทรัพย์ธาดามีคุณสมบัติแข็งแกร่งอะไร จะได้นำสิ่งนี้มาเป็นของบำรุงร่างกาย และจะได้เอาไปให้เหล่านักรบทั้งหลายใช้ด้วย”
ธเนศพลเข้าใจความหมายของชินทรในที่สุด พร้อมกันนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งในใจ
ในสถานการณ์อย่างนี้ยังคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ สมกับเป็นคนตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจริงๆ
“ได้ ผมรับปากครับ”
เมื่อพูดคำนี้ออกไป ทันใดนั้นข้างนอกก็มีเงาคนเดินผ่านแว็บไป ชินกรกระโดดพุ่งตัวตามออกไปทันที ด้านธเนศพลกับกานต์กลับมีสีหน้าขาวซีด
เมื่อกี้ใครกัน?