แต่ก่อนปาณีไม่เคยคิดว่าตนเองจะมีโอกาสนี้เลย ตอนนี้หลังจากได้ฟังเรื่องราววีรบุรุษของยศพงศ์ และได้รู้ภูมิหลังของตนเองแล้ว จริงๆเธอก็มีความคิดนี้ แต่เรื่องที่พวกตุลธรทำคงจะตัดขาดหนทางที่จะได้เข้าร่วมกองทัพของตนเองไปแล้วแหละ
นึกถึงตรงนี้ แววตาที่ตื่นเต้นเป็นประกายของปาณีก็ค่อยๆหายไป ก้มหน้าพูด: “ตอนนี้หนูก็มีความสุขดีแล้วค่ะ”
ยศพงศ์มองปาณี จะไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไรได้ยังไง เขาจึงถอนหายใจพูดขึ้น: “เด็กหนอเด็ก เราน่ะเป็นเด็กดี ถ้าเราต้องการ ปู่จะหาหนทางให้”
“คุณปู่! เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้หนูก็มีความสุขดีจริงๆค่ะ”
ปาณีรู้ว่าชีวิตนี้ของยศพงศ์จะไม่ใช้อำนาจที่อยู่ในมือมาทำเรื่องส่วนตัวแน่ๆ เธอไม่คาดหวังให้คนแก่อย่างเขาทิ้งศักดิ์ศรีและเกียรติยศในบั้นปลายของชีวิตหรอกนะ
เธอไม่เป็นทหารก็ได้ ต่อให้ต้องอยู่ในอาณาจักรรัตติกาลของนรมน เธอก็ยังคงมีความสุขดีเหมือนเดิม
นรมนมอบความรักที่แต่ก่อนเธอไม่เคยมีให้แก่เธอมากมาย เธอซาบซึ้งใจจริงๆ
ยศพงศ์เห็นปาณีอย่างนี้ ในใจก็มีความรู้สึกหลากหลาย
“ได้ยินว่าเราชอบนภดลเหรอ?”
พูดถึงคนที่อยู่ในใจของตนเอง หน้าของปาณีจึงแดงระเรื่อขึ้นมา
“ค่ะ เขาดีมากเลยนะคะ”
นึกถึงแต่ก่อนที่เบื้องบนสำรวจและเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของนภดล ปาณีจึงค่อนข้างกังวล
“คุณปู่ ตอนนี้นภดลเขาเป็นปกติแล้วนะคะ จริงๆนะ!”
“ปู่รู้ ไม่ต้องกังวล ปู่ไม่ทำอะไรเขาหรอก”
สำหรับคำพูดของยศพงศ์กลับไม่ได้ปลอบใจปาณีสักเท่าไหร่ เธอยังคงกังวลใจอยู่ดี
“คุณปู่ไม่ทำอะไรเขา? แล้วเบื้องบนล่ะคะ?”
“เบื้องบนก็เช่นกัน แต่ด้วยตัวตนของนภดลเกรงว่าคงจะเป็นคนธรรมดาทั่วไปไม่ได้”
คำพูดนี้ของยศพงศ์ทำให้ปาณียิ่งกระวนกระวายใจ
“คุณปู่ หมายความว่ายังไงคะ?”
ยศพงศ์ให้ปาณีนั่งลง แล้วพูดขึ้น: “ถึงนภดลจะกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่พละกำลังการเคลื่อนไหวอะไรต่างๆของเขามันยอดเยี่ยมมากๆ ความหมายของปู่ก็หวังให้เขายังอยู่ในเขตทหาร”
“ถ้าไม่ล่ะคะ?”
ปาณีจับมือของยศพงศ์เอาไว้ด้วยความประหม่า
จริงๆแล้วยศพงศ์ก็มีหลานสาว เช่นพชิรา แต่ไม่มีหลานสาวคนไหนเลยที่กล้าจับมือเขาอย่างนี้ พูดคุยกับตนเองเหมือนปู่กับหลานทั่วๆไป
แต่ปาณีที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้เขาปฏิเสธไม่ลง
จู่ๆยศพงศ์ก็ยิ้มพูดขึ้น: “ถ้าเขาไม่ยินยอม ปู่จะเป็นคนคุ้มครองเขาเอง เราวางใจเถอะ”
“ขอบคุณค่ะคุณปู่!”
ปาณีกอดยศพงศ์ ในที่สุดส่วนหนึ่งในใจที่ขาดหายไปก็โดนเติมเต็มเสียที
เธออยู่เป็นเพื่อนยศพงศ์สักพักแล้วถึงกลับไปที่ห้อง เห็นนรมนกำลังนั่งมองตนเองอยู่ตรงนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
“คุณนาย? คุณมาแล้วทำไมไม่บอกฉันล่ะคะ”
“ไม่เป็นไร คุยกับคุณปู่เธอมาเป็นยังไงบ้าง?”
นรมนดีใจไปกับเธอด้วย แต่ก็กลัวว่าปาณีจะทุกข์ใจเพราะเรื่องของตระกูลสิทธิรัตน์สุนทร จึงมาดูซะหน่อย
แต่ปาณีกลับยิ้มอย่างเบิกบานพูดขึ้น: “คุณปู่ใจดีมากๆค่ะ ขอบคุณคุณนายนะคะ ถ้าไม่ใช่คุณ ฉันคงไม่มีโชคที่จะได้เจอคนในครอบครัวแน่ๆ”
“พูดเหลวไหล”
นรมนยิ้มๆ
แม่บ้านหลิวชงชาเข้ามาให้นรมน เห็นปาณีกลับมาแล้ว จึงรีบยกอาหารตุ๋นยาจีนมาให้ปาณี
“คุณหนูคะ คุณต้องกินนะ ของพวกนี้ดีต่อร่างกายของคุณ”
ได้กลิ่นอาหารที่เต็มไปด้วยกลิ่นยาจีน ปาณีกินไม่ลงจริงๆ แต่ทว่านึกถึงเรื่องทั้งหมดที่นรมนทำเพื่อเธอ เธอจึงจนปัญญาที่จะดื้อดึง
คิดถึงนภดลจัง!
ความคิดถึงทำให้ปาณีรู้สึกหม่นหมอง แต่ยังรับอาหารตุ๋นยาจีนขึ้นมากิน
นรมนรู้ว่าอาหารนี่ไม่อร่อยอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้ปาณีจดจ่ออยู่กับอาหาร เธอจึงยิ้มพูดขึ้น: “อีกสองวันนภดลจะมาที่นี่แล้วนะ”
“จริงเหรอคะ?”
แววตาของปาณีเป็นประกายทันที แต่เห็นสายตาหยอกเย้าของนรมน จึงอดไม่ได้ที่จะเขินอายขึ้นมา
“เขาสบายดีใช่ไหมคะ?”
“ดีไหมฉันไม่รู้หรอก เดี๋ยวเธอก็ดูเอาเองเถอะ”
นรมนหัวเราะพูดขึ้น
แต่ปาณีกลับพูดอย่างเคอะเขิน: “คุณนาย คุณแกล้งฉันนี่!”
“ครั้งนี้นภดลกลับมาคงไม่ไปอีกแล้วนะ”
คำพูดของนรมนทำให้ปาณีชะงักเล็กน้อย
เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของยศพงศ์
“นภดลจะเป็นทหารเหรอคะ?”
“อืม นี่เป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง”
ตอนที่นรมนได้ยินข่าวนี้ก็ประหลาดใจมาก แต่ในเมื่อเป็นความคิดของนภดล เธอก็เคารพการตัดสินใจของเขาอยู่แล้ว
แต่ปาณีรู้ว่าทำไมนภดลถึงทำอย่างนี้
ก็เพราะตัวตนของปาณี ตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรเหลือแค่คนแก่อย่างยศพงศ์คนเดียว ในฐานะที่เธอเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรแน่นอนว่าต้องคอยดูแลคุณปู่อยู่ข้างกาย ดังนั้นนภดลจึงเลือกอยู่ที่นี่
ในใจของปาณีรู้สึกอบอุ่น
เวลานี้ สังคมพากันรุมประณามตระกูลสิทธิรัตน์สุนทร แต่นภดลกลับเลือกอยู่ที่นี่เพราะเธอ ในใจของเธอยอมรับความรักของนภดลแล้ว
นรมนรู้ว่าปาณีคิดได้แล้ว ถึงจะยังอาลัยอาวรณ์นภดลอยู่บ้าง แต่เธอเห็นนภดลได้พบกับความสุขของตนเอง ก็ดีใจไปด้วย
“อีกอย่าง ฉันรู้ว่าเธอชอบสายงานการรักษาดูแลอย่างหมอพยาบาลมาโดยตลอด ฉันจึงฝากโพนี่ให้จัดการงานของโรงพยาบาลทหารให้เธอ ต่อไปเธอก็จะเป็นพยาบาลของโรงพยาบาลทหารแล้วนะ ท่านยศพงศ์บอกไว้แล้ว ว่าไม่ต้องการให้เธอมาใช้นามสกุลของตระกูลสิทธิรัตน์สุนทร เธอยังคงชื่อปาณีเหมือนเดิม สำหรับคนนอกก็จะบอกว่ารับเธอที่เป็นเด็กกำพร้ามาเป็นหลานบุญธรรม ดังนั้นประวัติตัวตนของเธอจึงใสสะอาด ต่อให้เธออยากเป็นทหารก็ไม่มีปัญหา!”
นรมนบอกให้ปาณีฟังทั้งหมด
ปาณีจึงอ้าปากกว้างขึ้นมาทันที มองนรมนด้วยใบหน้าตกตะลึง แล้วจู่ๆก็ถามขึ้นทั้งน้ำตา: “คุณนาย คุณไม่ต้องการฉันแล้วเหรอ?”
ท่าทางของปาณีในตอนนี้เหมือนกับเด็กคนหนึ่งที่ถูกทิ้ง ทำให้แม่บ้านหลิวรู้สึกแสบจมูกไปด้วย
เธอไม่รู้ว่าหลายปีนี้ปาณีเจออะไรมาบ้าง แต่เห็นความรู้สึกลึกซึ้งที่ปาณีมีต่อนรมน แล้วตอนนี้ได้ยินปาณีพูดอย่างนี้อีก จึงอดไม่ได้ที่จะปวดใจ
นรมนเองก็ทนไม่ได้ แต่เธอกลับยิ้มพูดขึ้น: “ยัยบ๊อง พูดอะไรน่ะต้องการไม่ต้องการอะไรกัน? ระหว่างเธอกับฉันเป็นเพื่อนกันนะ ไม่ใช่เจ้านายกับคนใช้ ทุกคนต่างก็มีชีวิตของตนเอง ฉันกับ บุริศร์จะไปประเทศYแล้ว วันหน้ากลับมาก็ต้องมาหาเธออยู่แล้ว อีกอย่างนภดลก็จะเป็นทหารอยู่ที่เมืองหลวง ต้องกลายเป็นผู้ช่วยของคุณชายธเนศพล เธอแต่งงานกับเขา จะไม่อยู่กับเขาแต่กลับตามฉันไปอยู่ที่ประเทศอื่นเนี่ยนะ มันเข้าท่าเหรอ?”
“ทำไมถึงต้องไปต่างประเทศล่ะคะ?”
ปาณีไม่เข้าใจเรื่องนี้
นรมนไม่อยากอธิบาย แค่ยิ้มพูดขึ้น: “บุริศร์ย้ายกิจการออกไปแล้ว ที่เมืองชลธีเหลือกิจการอยู่ไม่มาก อีกอย่างสถานการณ์ของภาณตอนนี้ฉันไม่สบายใจเลย ไปให้พี่ชายฉันดูแลที่ประเทศYดีกว่า ไม่แน่อาจจะรักษาให้ดีขึ้นได้”
ได้ยินนรมนพูดถึงภาณ ปาณีรู้ว่าตนเองรั้งนรมนเอาไว้ไม่ได้แล้ว
ความรู้สึกหม่นหมองที่ต้องจากลากันทำให้เธอดูไม่มีชีวิตชีวาเลย
“คุณนาย ถ้าฉันคิดถึงคุณขึ้นมาจะทำยังไงคะ?”
เธอกอดนรมนเอาไว้
นรมนก็ทำใจจากลาปาณีไม่ได้ แต่เธอรู้ว่าต่อไปสนามรบของตนเองต้องอยู่ที่ต่างประเทศ สามีของเธอก็อยู่ที่ด้านนอกนั่น
เธอตบหลังของปาณีเบาๆ พูดขึ้น: “ส่วนกานต์จะอยู่ที่เมืองหลวง ฉันหวังว่าเธอจะช่วยฉันดูแลเขาให้ดี ได้ไหม?