ตอนที่ทุกคนกำลังอยู่ในห้วงนิทรา ธเนศพลได้พาคนมาล้อมรอบตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรเอาไว้แล้ว
ตุลธรที่หลับสนิทโดนดึงให้ลุกขึ้นมา จึงฉุนเฉียวมาก
“ไอ้พวกสารเลว! พวกแกเป็นใคร? รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? กล้าบุกเข้ามาในตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรโดยไม่ได้รับอนุญาต อยากตายหรือไง?”
ยศพงศ์ตอบเขาด้วยฝ่ามือ
ตุลธรที่โดนตบจึงได้สติขึ้นมาทันที
เขามองพ่อที่อยู่ตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน
“พ่อ นี่พ่อมาทำอะไรดึกดื่น?”
แน่นอนว่าผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆตุลธรไม่ใช่คุณหญิงแก้วตา
มองลูกชายที่ไร้ค่าคนนี้ ยศพงศ์แทบจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว
“แกยังจำได้ว่าฉันเป็นพ่อแกอีกงั้นเหรอ? ตุลธร แกมันแย่ยิ่งกว่าสัตว์ซะอีก!”
ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของตุลธรรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปกปิดตนเองเอาไว้ ร่างกายสั่นเทิ้ม
เธอแค่เคยได้ยินว่าเจ้าบ้านตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรคอยรับใช้อยู่ข้างกายคุณท่านขวัญชัย แต่ไม่รู้เลยว่าทำไมถึงพาคนบุกเข้ามาที่ห้องของตุลธรกลางดึกอย่างนี้
ตุลธรได้ยินพ่อกำลังด่าตนเอง จึงตอบโต้ออกมา: “พ่อ โมโหอะไรอีกเนี่ย?”
“ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วออกมา!”
ยศพงศ์ออกไปจากห้องด้วยความเดือดดาล
ตุลธรไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าก็ใส่เสื้อผ้าไปด้วยก่นด่าไปด้วยแล้วออกไปจากห้อง แต่กลับเห็นคนยืนอยู่ในบ้านมากมาย
คนพวกนี้สวมชุดเครื่องแบบ และธเนศพลที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่บนโซฟาบ้านเขา ตอนที่เห็นตุลธรออกมาจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มทักทาย
“คุณชายตุลธร อรุณสวัสดิ์”
ตอนนี้เพิ่งจะตีสองกว่า คำทักทายว่าอรุณสวัสดิ์คงจะเร็วไปหน่อยนะ แต่ตุลธรกลับกระวนกระวายใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“คุณชายธเนศพลนี่ทำอะไรกันครับ?”
“หลังจากได้รับรายงานผมก็จนปัญญา จึงต้องมาเชิญคุณชายตุลธรไปรับการตรวจสอบน่ะครับ! พาตัวไป!”
ธเนศพลออกคำสั่ง คนรอบๆด้านจึงรีบเข้าไปคุมตัวของตุลธรเอาไว้
ตุลธรถึงได้หวาดกลัวขึ้นมา
“พ่อ นี่เกิดอะไรขึ้น? พ่อจะดูคนอื่นทำกับลูกชายของพ่ออยู่เฉยๆอย่างนี้งั้นเหรอ?”
“ฉันเป็นทหารมาก่อน ถึงจะมาเป็นพ่อของแก!”
ยศพงศ์พูดด้วยความคับแค้นใจ แล้วหันหน้าไปที่ด้านข้าง
ตุลธรงุนงงไปหมด
“พ่อ พ่อจะไม่สนใจผมแล้วเหรอ?”
“ฉันก้าวก่ายไม่ได้หรอกนะ กรรมที่แกก่อขึ้นมามันมากมายขนาดนั้น ชดใช้ด้วยตัวเองก็แล้วกัน”
ยศพงศ์สงบสติอารมณ์เอาไว้ ตอนนี้จึงมีเพียงความเลือดเย็นไร้ความรู้สึกที่ปรากฏออกมา มีแค่ธเนศพลเท่านั้นที่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้ สำหรับยศพงศ์แล้วมันไม่ต่างจากการแทงมีดเข้าไปในหัวใจของเขาเลย
ตุลธรดิ้นรนขึ้นมาทันที
“พ่อ พ่อไม่สนใจผมไม่ได้นะ! ผมเป็นลูกชายแท้ๆของพ่อนะ!”
แต่ไม่ว่าตุลธรจะโหวกเหวกโวยวายยังไง สุดท้ายแล้วก็โดนพาตัวไปอยู่ดี
ตอนที่แสงอาทิตย์ยามเช้าทะลุผ่านหน้าต่างสาดแสงเข้ามา นรมนจึงเปิดมือถือ ข่าวที่เกี่ยวกับตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรได้แพร่สะพัดไปทั่ว
นักข่าวพวกนั้นอาจจะได้รับข่าวตั้งแต่ช่วงกลางดึก จึงรีบเขียนข่าวตลอดทั้งคืน ทำให้เรื่องชั่วร้ายที่ตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรกับตุลธรทำทั้งหมดโดนเปิดโปงไปทั่วแล้วในตอนนี้
ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรทำมันชั่วช้าเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้หมดจริงๆ
ในเวลาเดียวกันนี้ สนามรบต่างประเทศก็ได้ข่าวเช่นกัน
เจอตัวพฤกษ์แล้ว
เนื่องด้วยพฤกษ์เป็นทีมรบพิเศษที่โดนคนของตนเองล่อให้เข้าไปอยู่ในวงล้อมของข้าศึก คนทรยศคนนั้นก็โดนจับกุมแล้ว ขึ้นศาลทหาร สารภาพออกมาเองว่าเรื่องทั้งหมดที่ตนเองทำเพราะได้รับคำสั่งมาจากตุลธร จุดประสงค์ก็เพื่อตัดกำลังของธเนศพล ทำให้เขาไม่มีคนคอยช่วยเหลือ
ด้วยเหตุนี้จึงเกี่ยวพันออกไปถึงลูกสมุนจำนวนหนึ่งของตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรที่อยู่นอกเขตทหาร
ในตอนนี้ฮือฮาไปทั่วทั้งประเทศ
จิตใจที่คิดคดทรยศของตุลธรปรากฏออกมาอย่างชัดเจน
ด้วยหลักฐานที่มัดตัวแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตุลธรจึงโดนตรึงเอาไว้บนเสาแห่งความอัปยศ และตามที่ตุลธรได้รับโทษคนทรยศก็ค่อยๆโผล่พ้นน้ำขึ้นมาทีละคนๆ
ตอนที่นรมนเห็นข่าวพวกนี้ในที่สุดก็คลายกังวลลงได้แล้ว
บุริศร์กับเจตต์ก็ส่งข่าวมาหาเธอในเวลาเดียวกัน บอกว่าตนเองกับพฤกษ์พวกเขาสบายดีมากๆ ขอให้เธอไม่ต้องกังวล แต่ทว่าที่สนามรบต่างประเทศยังต้องการให้พวกพฤกษ์ปราบศัตรูให้อยู่หมัดเสียก่อน ตอนนี้จึงยังกลับไปไม่ได้
นอกเหนือจากความตื่นเต้นนรมนจึงตอบกลับเขาไปแค่ว่าระวังตัวด้วยนะ แล้ววางสายไป
ดวงอาทิตย์ขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ขจัดความอึมครึมพวกนั้นให้สลายหายไป เหมือนกับเมืองหลวงในตอนนี้ หลังจากตัดเนื้อร้ายออกไปแล้ว ต่อไปจะยิ่งเปล่งประกายสว่างไสวมากกว่าเดิม
เธอยืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่างกำลังมองโลกภายนอกที่สงบสุข จึงอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
ในที่สุดความจริงก็เปิดเผย ใต้หล้านี้ช่างยุติธรรมจริงๆ
กานต์กับกิจจาก็เห็นข่าวพวกนี้แล้วเช่นกัน พวกเขาทั้งคู่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ในเมื่อพวกเขาเป็นแค่เด็ก ทำหน้าที่ของเด็กให้ดีก็พอ
ชินทรลงมือเข้าครัว ทำอาหารเช้าให้นรมนกับพวกเด็กๆด้วยตนเอง
นรมนเห็นลูกชายตัวน้อยยังคงหลับสนิท ถ้าไม่ใช่ว่าเขายังมีลมหายใจ เธอกลัวจริงๆว่าลูกชายจะจากไปเงียบๆอย่างนี้
อุ้มลูกชายไว้ในอ้อมอก นรมนเดินมาที่ห้องอาหาร เมื่อได้เห็นชินทรทำอาหารเช้าเต็มโต๊ะ ก็อบอุ่นใจ
“พ่อคะ ฝีมือพ่อดีกว่าอาสามเยอะเลย”
“คำพูดนี้อย่าให้อาสามของลูกได้ยินเชียวนะ ไม่งั้นเขาคงเสียใจแย่”
ชินทรยิ้มบางๆ แล้วให้พวกเด็กๆนั่งลงกินข้าว
กิจจามองๆภาณที่อยู่ในอ้อมกอดของนรมน ตรวจดูเล็กน้อยไปโดยสัญชาตญาณ เมื่อพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติจึงสบายใจได้
กานต์ยุ่งอยู่กับการคีบอาหารให้นรมน แล้วก็ไม่ลืมที่จะยกอาหารไปให้ชินทรด้วย เวลานี้กลับเต็มไปด้วยความเบิกบานใจ
เรื่องของตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรอึกทึกครึกโครมไปสัปดาห์กว่าๆ เกี่ยวโยงไปเป็นวงกว้าง
เรื่องนี้คุณท่านขวัญชัยโมโหมาก จึงจัดงานแถลงข่าวทันที จะลงโทษคนพวกนั้นที่เกี่ยวข้องกับตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรอย่างเด็ดขาด
เรื่องนี้ยศพงศ์ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับคุณท่านขวัญชัยมาโดยตลอด
วงศ์ตระกูลในเมืองหลวงควรเริ่มปฏิรูปใหม่อีกครั้ง เนื่องจากหลายๆวงศ์ตระกูลเข้าไปพัวพันจนเป็นเหตุให้พังทลายลง หัวหน้าครอบครัวบางคนก็ทนไม่ไหว โจมตีไปที่ยศพงศ์กันทั้งนั้น
บอกว่าเขาโหดร้าย เพื่อความเจริญรุ่งเรืองร่ำรวยแล้วถึงกับส่งทั้งวงศ์ตระกูลเข้าไป น่าเสียดายที่คนแก่ผู้โดดเดี่ยวเดียวดายคนหนึ่งต้องการเกียรติยศสูงส่งขนาดนั้นมันจะมีประโยชน์อะไร?
แต่ยศพงศ์ไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับคำพูดพวกนี้เลย
ภายในหนึ่งสัปดาห์นี้ปาณีฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เห็นคำพูดของสังคมภายนอกที่ก่นด่าเจ้าบ้านตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรแล้วในใจก็เป็นทุกข์ เธอรู้ว่าเรื่องพวกนี้ล้วนแต่เป็นความตั้งใจของยศพงศ์ และรู้ว่าเขาทำเพื่อให้ตนเองได้ใช้ชีวิตอย่างใสสะอาดในวันข้างหน้า หลานอย่างเธอจึงอดไม่ได้ที่จะเคารพนับถือคุณปู่อย่างเขามากขึ้น
หลังได้ลงจากเตียงคนไข้แล้ว ปาณีก็ขอพบหน้ายศพงศ์สักครั้ง
เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอคุณปู่ของตนเอง มองคนแก่ที่ผมจอนขาวโพลนตรงหน้า หลังจากเคยได้ฟังนรมนเล่าเรื่องวีรบุรุษของยศพงศ์มาบ้าง เธอก็ยิ่งเคารพนับถือเขาเป็นพิเศษ
เพียงแต่เธอไม่คุ้นเคยที่จะเรียกใครสักเท่าไหร่ จึงอดไม่ได้ที่จะประหม่าอยู่บ้าง
แต่ยศพงศ์กลับยิ้มออกมา
ตลอดชีวิตของเขามีแต่ความเคร่งขรึม ต่อให้เป็นลูกชายของตนเองก็น้อยมากที่จะแสดงรอยยิ้มออกมาให้เห็น แต่เขากลับยิ้ม เมื่อได้เจอปาณีที่จิตใจดีใสซื่อบริสุทธิ์ตรงหน้า
นี่สิถึงจะเป็นความหวังของตระกูลสิทธิรัตน์สุนทร!
“สุขภาพดีขึ้นแล้วเหรอ?”
ยศพงศ์เอ่ยปากก่อน แต่กลับทำให้ปาณีตื่นเต้น
“ค่ะ ดีขึ้นมากแล้ว คำพูดพวกนั้นในอินเทอร์เน็ตคุณปู่อย่าใส่ใจเลยนะคะ ในใจของหนู คุณปู่เป็นฮีโร่เสมอ! ฮีโร่ของหนู!”
ปาณีพูดจบก็รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว แต่ยศพงศ์กลับปลื้มใจเหลือเกิน
“เราอยากเป็นทหารไหม?”
คำพูดของยศพงศ์ทำให้ปาณีชะงักเล็กน้อย
เธอเป็นได้เหรอ?