“หม่ามี้ ระวัง!”
กานต์รีบพูดขึ้นด้วยความตกใจ แต่กลับเห็นรถยนต์หยุดลงที่ด้านหน้าของพวกเขา ไม่คิดว่าคนที่ลงมาจากรถจะเป็นคนของธเนศพล
นรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย ชินทรรีบเดินเข้ามาใกล้ๆ
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร แต่สีหน้าของชินทรค่อนข้างเคร่งขรึม มองเข้าไปในรถ แล้วพยักหน้า
ขับออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนตอนที่มา
หลังจากขึ้นรถแล้วชินทรจึงพูดขึ้น: “พวกลูกไปอยู่ที่บ้านของคุณชายธเนศพลก่อนนะ สถานการณ์ที่เมืองหลวงคืนนี้ไม่สงบเท่าไหร่”
“ทำไมเหรอคะ? จะเกิดเรื่องเหรอคะ?”
นรมนถามออกไปด้วยสัญชาตญาณ
ชินทรพลางขับรถพลางเล่าเรื่องของตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรให้นรมนฟังอย่างละเอียด
แม้กานต์เคยเล่าให้นรมนฟังไปบ้างแล้ว แต่กลับไม่ได้เล่าอย่างละเอียดเหมือนชินทร ตอนนี้ได้ฟังเรื่องนี้จนจบเธอจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“ที่แท้ตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรยังมีด้านนี้ด้วย ว่าแต่ตอนนี้ปาณีเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ได้ยินว่าเพิ่งฟื้น หลังจากได้รู้ภูมิหลังของตนเองก็ยังถือว่าสงบนิ่งดีนะ แต่คาดว่าคุณหญิงแก้วตาคงไม่ได้ออกมาอีกแล้ว”
ชินทรคิดไม่ถึงจริงๆว่าบนโลกนี้จะยังมีพ่อที่ใจร้ายใจดำเย็นชาไร้ความรู้สึกอย่างตุลธรอยู่ด้วย
นรมนก็คิดไม่ถึง แต่ตอนนี้เธอค่อนข้างเป็นห่วงปาณี
ไม่นานรถก็ขับมาถึงที่บ้านของธเนศพลแล้ว
ธเนศพลไม่อยู่ ในบ้านว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องออกไปทำ
นรมนดูๆเวลาแต่ไม่ได้พูดอะไร หลังจากเธอจัดการลูกชายเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ได้ให้ชินทรออกไป แต่กลับฝากให้ชินทรดูแลลูกทั้งสามคนของเธอ ส่วนตนเองเดินออกไปหาปาณี
เธอรู้ว่าเวลานี้ปาณีคงจะหลับไปแล้ว แต่เธอไม่สบายใจ
แม่บ้านหลิวได้ยินเสียงฝีเท้าจึงสะดุ้งตื่นขึ้นทันที
แม้จะอยู่ที่นี่ แต่แม่บ้านหลิวกลับระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ดูแลเอาใจใส่ปาณีในทุกๆด้าน
ตอนที่นรมนเข้ามาก็เห็นผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังถือไม้ถูพื้นมองตนเองด้วยสีหน้าระแวดระวัง
“คุณเป็นใคร? มาที่นี่ทำไม?”
อาจจะเป็นเพราะเสียงของแม่บ้านหลิวสั่นไหวเกินไป หรืออาจจะเพราะเสียงของเธอค่อนข้างดัง ปาณีจึงตื่นขึ้นจากความฝันทันที
นรมนเปิดไฟ
แสงไฟสาดมาบนใบหน้าของปาณี เธอหรี่ตา แล้วลืมตาขึ้นทันที ตอนที่เธอเห็นนรมนก็ชะงักเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น แต่กลับโดนนรมนห้ามเอาไว้
“ไม่ต้องลุก ตอนนี้ร่างกายของเธอต้องพักฟื้นให้เต็มที่”
“คุณนายคะ!”
ดวงตาของปาณีแดงขึ้นมาทันที
แม่บ้านหลิวก็ตะลึงงัน
ตอนที่ปาณีซักถามถึงคุณหญิงแก้วตากลับไม่ได้แสดงความรู้สึกมากมายนัก เธอจึงคิดมาโดยตลอดว่าคุณหนูเป็นคนเก็บตัว แต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?
ทำไมถึงทำให้คุณหนูตื่นเต้นขนาดนี้?
อีกทั้งคุณหนูยังเรียกเธอว่าคุณนายอีก?
สรรพนามนี้กลับทำให้แม่บ้านหลิวไม่ค่อยคุ้นเคย
ไม่ว่าจะพูดยังไง ปาณีก็เป็นถึงลูกสาวของตระกูลสิทธิรัตน์สุนทร แต่ตอนนี้กลับเรียกคนอื่นว่าคุณนาย เห็นได้ชัดว่าต่ำกว่าระดับของลูกสาวไปขั้นหนึ่ง
“คุณหนู นี่คือ……”
แม่บ้านหลิวขมวดคิ้วแน่น
แต่ปาณีกลับพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น: “นี่คือภรรยาของคุณบุริศร์ นายหญิงของฉันเอง”
เธอไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเลยสักนิด แต่กลับรู้สึกสนิทสนมมาก
“คุณนาย ฉันคิดถึงคุณจังเลยค่ะ”
“ฉันก็คิดถึงเธอ”
นึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ปาณีต้องแบกรับ นรมนจึงตบๆที่มือของเธอเบาๆ พูดขึ้น: “ภูมิหลังของเธอฉันรู้เรื่องหมดแล้วนะ”
“ไม่มีอะไรต้องพูดถึงหรอกค่ะ ฉันยังคงเป็นฉันคนเดิม”
ปาณีกลับไม่ได้พูดอะไร แต่ทว่าแววตากลับหงอยเหงาเศร้าสร้อย
ถึงยังไงใครๆก็ไม่คาดหวังให้ตนเองต้องเกิดมาพร้อมกับความไม่พอใจ
ใจของนรมนทนไม่ไหว
“ฉันเห็นว่าตอนนี้เธออาการดีขึ้นพอประมาณแล้ว แค่ฟื้นตัวอีกหน่อยก็คงหายดี แล้วฉันจะบอกให้นภดลมาหานะ”
“อย่าให้เขามานะคะ! ตอนนี้ที่เมืองหลวงวุ่นวายมาก เขามาคงช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ยังไงฉันก็หวังว่าเขาจะสบายดี”
ตอนที่ปาณีเอ่ยถึงนภดลก็ค่อนข้างทุกข์ใจ
“คุณนาย แต่ก่อนฉันสติเลอะเลือน จึงไปทำอะไรไม่ดีกับนภดลเอาไว้ใช่ไหมคะ?”
ในความทรงจำของเธอมักจะมีท่าทีคลุ้มคลั่งของนภดลอยู่เสมอ ทั้งยังเอาแต่รู้สึกว่ามันเกี่ยวข้องกับตนเอง
เห็นสภาพของปาณีอย่างนี้ นรมนจะกล้าพูดเรื่องในอดีตออกไปได้ยังไง อีกอย่างนภดลก็ไม่อยากให้ปาณีรู้เรื่อง เธอจึงยิ้มพูดขึ้น: “ไม่มีเลย มันไม่เกี่ยวกับเธอเลย คนของตระกูลนนท์สัจทัศน์เป็นคนทำ”
“คนของตระกูลนนท์สัจทัศน์?”
ในหัวของปาณียังมีความทรงจำหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ทว่ายังไงก็นึกใบหน้านั้นไม่ออก
“เหมือนฉันจำได้ไม่ค่อยชัดเจนเลย”
“จำได้ไม่ชัดเจนก็ไม่ต้องไปคิด ฟื้นฟูร่างกายให้เต็มที่ นภดลยังรอเธออยู่นะ อีกอย่างเธอไม่อยากเจอแม่ของเธอหน่อยเหรอ?”
นรมนเคยได้ยินชินทรบอกว่า ที่คุณหญิงแก้วตาไปมอบตัวกับตำรวจ ก็เพื่อปาณี
แม่บ้านหลิวได้ยินคำนี้ ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที แต่เธอรู้ว่าที่นี่ไม่มีช่องว่างให้เธอได้พูดอยู่แล้ว จึงทำได้เพียงมองปาณีด้วยความคาดหวัง
ปาณีชะงักเล็กน้อย นึกถึงเสียงอ่อนโยนที่พูดคำพูดเหล่านั้นอยู่ข้างหู จึงอดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว
“ไปได้ใช่ไหมคะ? ฉันคิดว่า……”
“แค่เธอต้องการ ฉันจะหาวิธีให้ เธอก็รู้ความสัมพันธ์ของบุริศร์กับคุณชายธเนศพลอยู่แล้วนี่นา ฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าจะผ่อนผันกันได้”
ได้ยินนรมนพูดอย่างนี้ ดวงตาของปาณีก็เป็นประกาย
“ฉันจะผ่านมันไปได้ด้วยดีค่ะ คุณนาย”
“ฉันรู้ เข้านอนเร็วหน่อยเถอะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะมาหาเธอใหม่นะ”
นรมนตบๆมือของปาณี จริงๆปาณีก็ง่วงแล้ว พยักหน้าแล้วหลับตาลง ไม่นานก็หลับไป
แม่บ้านหลิวมองออก นรมนหวังดีต่อปาณีด้วยใจจริง จึงรีบไปส่งนรมนออกจากห้อง
“คุณนายบุริศร์คะ คุณหนูของครอบครัวเราทำให้คุณเป็นห่วงแล้ว”
“ดูแลเธอให้ดี ฉันมองออกว่าคุณก็ดีกับเธอมาก ช่วงนี้ฉันยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเธอเลย เป็นฉันที่ไม่ดีเอง ต่อไปฉันจะดูแลเธอให้ดีค่ะ”
คำพูดนี้ของนรมน ทำให้แม่บ้านหลิวน้ำตาคลอขึ้นมาทันที
แผนการของคุณผู้หญิงไม่เปล่าประโยชน์แล้ว ในที่สุดคุณหนูก็มีอนาคตกับชีวิตที่ราบรื่นเสียที
นรมนกลับมาที่ห้อง กานต์กับกิจจาหลับไปแล้ว แต่ภาณกลับไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาสักเท่าไหร่
ชินทรส่งลูกชายตัวน้อยไปให้เธอ พูดปลอบใจ: “เด็กคนนี้มีโชคชะตาที่ดี ต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ”
“หนูรู้ค่ะ แค่ปวดใจ ถ้าบุริศร์อยู่ด้วยก็คงปวดใจมากเหมือนกัน”
หลังจากที่บุริศร์กับเจตต์ไปสนามรบต่างประเทศแล้วก็ไม่มีข่าวคราวส่งกลับมา พฤกษ์กับคมทิพย์ก็ไม่มีข่าวคราวอะไรเลย นรมนจึงเป็นห่วงเหลือเกิน
ราวกับรู้ว่าลูกสาวกำลังคิดอะไรอยู่ ชินทรจึงพูดขึ้น: “วางใจเถอะลูก พวกเขาไม่มีเรื่องอะไรหรอก”
“สนามรบต่างประเทศก็เกี่ยวข้องกับตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรใช่ไหมคะ?”
“พรุ่งนี้ทุกอย่างจะสิ้นสุดลงแล้ว”
ชินทรไม่ได้พูดให้ชัดเจน แต่คำพูดนี้กลับทำให้นรมนคลายกังวลลงได้
เกี่ยวกับตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรอย่างที่คิดสินะ!
เธอไม่กล้าคิดจริงๆ ตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรมีอำนาจขนาดนั้น ทำไมถึงยังไม่พอใจอีก? สนามรบต่างประเทศมีอะไรที่ทำให้พวกเขาต้องวางแผนกันอีกงั้นเหรอ?
เรื่องพวกนี้เธอไม่ถาม แล้วก็ไม่อยากถาม ถือโอกาสดันชินทรออกไป ส่วนตนเองกอดลูกชายตัวน้อยเอาไว้แล้วหลับไปด้วยกัน
ไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะมีสงครามอันดุเดือดที่ต้องปะทะกันก็ได้