“ออกเดินทางได้ !”
ชินทรมองไปยังทางที่คิมกับนรมนอยู่ นี่เป็นการอำลาชีวิตและความตาย จะไม่มีวันที่ได้เจอกันอีกต่อไป!
น้ำตาของเขาเปียกชื้น แล้วก็หันไปอย่างเด็ดเดี่ยว เขาพาคนขึ้นไปเฮลิคอปเตอร์ แล้วก็ออกจากประเทศFไปในทันที
ตอนที่ราเชนได้รับข่าวเขาก็พึ่งจะเสร็จภารกิจกับเจ้าสาวพอดี ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงไป
“ไปแล้วหนอ?”
“ใช่ครับ พานักวิจัยจากในป่าไปสองสามคนออกไปแล้วครับ”
หัวหน้าองครักษ์เห็นว่าไม่ควรจะรบกวนราเชนในเวลานี้ แต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่เขาจำเป็นต้องรายงาน
“บอกนรมนรึยัง? ”
“ยังครับ เหมือนกับว่าคุณนายบุริศร์จะหลับไปแล้ว”
หัวหน้าองครักษ์จะกล้าไปรบกวนเวลาพักผ่อนของนรมนได้ยังไงกัน?
ราเชนรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยนพิดาก็มอบกุญแจรถให้กับเขาล่ะพูดว่า “ระวังความปลอดภัยด้วย”
พอมองภรรยาใหม่ของตัวเอง ราเชนก็พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ขอโทษด้วย จริงๆ แล้วคืนนี้ควรจะเป็นคืนของเรา แต่ว่า……”
“ฉันเข้าใจ น่าจะต้องเกิดเรื่องกับน้องสาวแน่ๆ ในฐานะที่เราเป็นพี่กับพี่สะใภ้จะไม่สนใจก็ไม่ได้”
คำพูดของนพิดาทำให้ราเชนรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
“ขอบคุณนะที่รัก”
ใบหน้าของนพิดาแดงเล็กน้อย เธอก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
ราเชนจูบเธอ แล้วก็รีบเดินตามหัวหน้าองครักษ์ออกไป
นรมนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าราเชนมาที่นี่ เธอนึกว่าตัวเองได้ยินผิดไป พอมองดูเวลาก็เห็นว่ามันเพิ่งจะตี 4 กว่า ทำไมราเชนถึงได้มาที่นี่เช้าขนาดนี้?
เธอรีบลุกขึ้นในทันที แล้วก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟา แถมร่างกายของเธอก็ถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมของชินทร
ทำไมเธอถึงรับไม่ได้?
แล้วชินทรล่ะ?
เขากลับไปแล้วเหรอ?
นรมนเอาเสื้อคลุมของเขาแขวนไว้ด้านข้าง แล้วก็รีบลุกไปต้อนรับเขาทันที ราเชนก็เดินเข้ามาพอดี
“นรมน คุณลุงพาคนออกจากประเทศFไปแล้ว เธอรู้ไหมว่ามันคือเรื่องอะไร?”
“อะไรนะ?”
นรมนรู้สึกสับสน
แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่าทีที่แปลกประหลาดของชินทรเมื่อคืนนี้ แล้วใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นในทันที
“เร็ว เอารถมาให้ฉัน! กลับไปดูแม่ฉันเร็ว!”
พอนึกถึงสิ่งที่ชินทรวัยหวานเอาไว้ นรมนก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาในทันที
ราเชนเห็นสีหน้าของนรมนเปลี่ยนไป ก็ไม่กล้าที่จะล่าช้า รีบส่งกุญแจรถให้ใช้ในทันที
ฝีมือการขับรถของนรมนนั้นดีมาก ไม่นานเธอก็มาถึงห้องคิม ตอนที่เห็นจดหมายที่ชินทรทิ้งเอาไว้ให้คิม ความกังวลในหัวใจกอล์ฟแพร่กระจายออกมาทันที
“กิมจิ ได้งานให้คนของอาณาจักรรัตติกาลกับสหภาพQTค้นหาตำแหน่งของเฮลิคอปเตอร์พ่อ ฉันอยากรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนล่ะจะทำอะไร?”
“ครับ!”
กิมจิได้รับคำสั่งแล้วก็รีบไปดำเนินการทันที แต่ว่ามือเท้าของนรมนก็ยังรู้สึกเย็นเฉียบ
ทันใดนั้นเธอก็มีลางสังหรณ์บางอย่าง เหมือนกับว่าการจากไปในครั้งนี้ เธอจะไม่ได้เจอพ่อของเธออีก
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอตื่นตระหนก
เธอพาคนออกมาจากห้องของคิม
เสียงดังขนาดนี้แต่แม่ก็ยังไม่ตื่น หมายความว่าพ่อของเธอชินทรวางยาคิม
เธอแค่คาดหวังว่าเธอจะเร็วพอ และสามารถหยุดพ่อเอาไว้ได้
นรมนรอคอยอย่างร้อนรน ฟ้าก็ค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ
ข่าวที่ กิมจิส่งกลับมาก็คือเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นจอดตรงที่ต่างประเทศ แต่ว่าในนั้นไม่มีใครอยู่ เหมือนกับว่าพวกชินทรจะลงไปในทะเล ไม่สามารถติดตามได้เลย
ความไม่สบายใจของนรมนก็เพิ่มขึ้นในทันที
พ่อของเธอจะทำอะไรกันแน่?
ส่วนทางด้านฝั่งของชินทร หลังจากที่ลงจากเครื่องบินก็ขึ้นรถจี๊ป 2 คันไปพร้อมกับคน 10 คน และขับเข้าไปในประเทศอย่างรวดเร็ว
น่าจะเป็นเวลาประมาณสิบโมงเช้า พวกเขาก็มาถึงเมืองหลวง
ไม่ได้กลับมาหลาย 10 ปีแล้ว เมืองหลวงใหญ่ขึ้นมาก จนชินทรเกือบจะหลงทาง
วันนี้กานต์หยุดพักผ่อน พอได้รับข่าวเนศพลก็ออกมาตรวจสอบอะไรสักหน่อย แล้วก็มองเห็นคุณตาจากระยะไกล?
คุณตามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
กานต์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“คุณตา กลับมาได้ยังไงกันครับ? หม่ามี้ก็กลับมาด้วยหรือเปล่าครับ”
เสียงของกานต์ทำให้ชินทรชะงักไป แล้วเขาก็หันกลับไปมองกานต์
ความจริงแล้วเขาได้เจอกับกานต์น้อยครั้งมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดคุยกันผ่านวิดีโอคอล เขาเองก็รู้ว่าตอนนี้กานต์อยู่ในฐานของธเนศพล และก็ถือว่าเป็นคนของธเนศพล
พอนึกถึงธเนศพล ดาวตาของชินทรก็ดูโล่งใจ
“ทำไมหนูมาอยู่ที่นี่ล่ะ? วันนี้ไม่มีฝึกเหรอ? ”
พอเห็นหลานชายของตัวเอง ท่าทางของชินทรก็ดูเมตตาและอ่อนโยนมาก
กานต์ลูบหัวของตัวเองและพูดว่า “วันนี้พักผ่อนครับ ก็เลยออกมาสืบหาเรื่องอะไรหน่อย”
“สืบเกี่ยวกับเรื่องของภาณน่ะเหรอ? ”
คำพูดของชินทรทำให้กานต์อึ้งไปเลย หลังจากนั้นก็นึกถึงตัวตนของชินทรขึ้นมาได้ แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
“คุณตาครับ น้องชายถูกลักพาตัวไปเกินหนึ่งวันแล้ว แต่ว่าตอนนี้เรากลับไม่มีเบาะแสอะไรเลย แม้แต่คุณลุงธเนศพลก็ไม่มีเบาะแสอะไร ผมค่อนข้างเป็นกังวลแล้ว”
“ตารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เดี๋ยวชี้ทางให้”
คำพูดของชินทรทำให้กานต์ตื่นเต้นขึ้นมา
“คุณตารู้เหรอครับ? ”
“รู้สิ”
สีหน้าของชินทรดูสงบนิ่ง แต่ว่ามันเป็นการปลอบโยนและมอบพลังให้แก่กานต์ได้มากมาย
“คุณตากลับมาเพราะว่าน้องเหรอครับ? ”
“ใช่”
กานต์มีความสุขขึ้นมาในทันที
ตั้งแต่ตอนที่น้องชายหายตัวไป กานต์ได้ใช้วิธีสืบหาตั้งมากมาย แต่ว่ากลับสืบหาอะไรไม่เจอเลย แต่ไม่คิดเลยว่าคุณตาจะรู้
เรื่องนี้มันทำให้กานต์รู้สึกตื่นเต้นมาก
“แล้วคุณตาจะไปไหนเหรอครับ? ”
“ที่นี่แหละ”
ชินทรส่งที่อยู่ให้กานต์
แล้วจากใบหน้าที่ตื่นเต้นของกานต์ก็กลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
“คุณตาจะไปที่ไหนเหรอครับ? ”
“ใช่ รู้ไหมว่าไปยังไงได้บ้าง? ”
“รู้ครับ แต่ว่าที่นี่คือสนามฝึกของตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร แต่ว่าลุงธเนศพลบอกว่าตอนนี้ไม่สามารถแตะต้องตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรได้ตามอำเภอใจ”
คำพูดของกานต์ทำให้ชินทรยิ้มอย่างเย็นชาขึ้นเล็กน้อย
“คนอื่นแตะต้องไม่ได้ แต่ว่าตาแตะต้องได้! ไปกับตา!”
พอชินทรพูดจบก็พากานต์ขึ้นรถไป
เหมือนกับว่ากานต์ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
หรือว่าน้องอยู่ที่ตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร?
ความโกรธพุ่งพล่านขึ้นมาในหัวใจของเขาทันที
ตระกูลโตเล็กกับตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน แล้วพวกเขาจะจับน้องชายไปทำไมกัน?
จากการนำทางของกานต์ ทำให้พวกชินทรมาถึงยังสนามฝึกของตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรอย่างรวดเร็ว
ที่นี่ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหน้า สามก้าวมีหนึ่งป้อม ห้าก้าวมีหน่วยลาดตระเวน ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวมาก
กานต์มองไปที่ชินทรด้วยความลังเล ก็เห็นว่าแค่ชินทรส่งสายตา ก็มีคนกระโดดลงจากหลังรถจี๊ป แล้วก็เดินเข้าไปในสนามฝึก
“หยุดอยู่ตรงนั้น! พวกแกเป็นใครกัน? นี่คือสนามฝึกของตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร ถ้าไม่มีคำสั่งจากเจ้าบ้านสิทธิรัตน์สุนทร ใครก็เข้าไปไม่ได้!”
ยามที่เฝ้ารีบหยุดชินทรในทันที
คนของชินทรไม่พูดอะไร ได้แต่ยื่นมือออกไป แล้วก็บิดคอของอีกฝ่ายหักดัง “กร๊อก” หลังจากนั้นก็โยนออกไปเหมือนกับโยนขยะทิ้ง
กานต์ตกใจมาก
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?
คุณตาจะทำอะไร?
นี่มันองอาจเกินไปแล้ว!
ชินทรลูบหัวกานต์แล้วพูดว่า “กานต์ กลับไปเถอะ เรื่องวันนี้อย่าไปเล่าให้ใครฟังทั้งนั้น แล้วก็อย่าไปบอกใครว่าหนูเจอตาในวันนี้เข้าใจไหม? ”
“ทำไมล่ะครับ?”
“เด็กน้อยมีคำถามเยอะแยะแบบนี้ที่ไหนกัน? หลานแค่ต้องจำไว้ ว่าหลังจากออกไปแล้วให้โทรหาธเนศพล บอกให้เขาพาคนมารับภาณกลับบ้าน เรื่องอื่นหลานไม่ต้องสนใจ”
สายตาของชินทรยังเต็มไปด้วยความเมตตาและเอ็นดู แต่ว่ากานต์กลับมีความรู้สึกไม่สบายใจอย่างไรก็ไม่รู้