ด้วยเสียงที่ดังขึ้นนี้ ด้านนอกจึงมีสีสันมากมาย พลุพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า สวยงามตระการตาสว่างเจิดจ้า ทำให้หวั่นไหวไปทั้งหัวใจ
จู่ๆปาณีก็ตะลึงงันไปเลย ข้างหูเหลือแค่เสียงที่อบอุ่นราวกับสายน้ำของนภดลเท่านั้น
“ชอบไหม?”
“ชอบ”
ดวงตาของปาณีชุ่มชื้นขึ้นมาทันที
เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่เพิ่งได้เจอกับนภดล ท่าทีของเขาในตอนนั้นเย็นชาเหินห่าง ไม่สนใจใครเลย เป็นเธอที่หน้าไม่อายคอยตามติดอยู่ข้างกายเขา โดนเขาปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากที่ทำตัวไม่ถูกไปหลายครั้งต่อหลายครั้งก็ค่อยๆสะสมความกล้าหาญขึ้นมาใหม่
ในที่สุดตอนนี้ผู้ชายคนนี้ก็เป็นของตนเองแล้ว ปาณีพูดไม่ออกเลยว่าในใจดีใจขนาดไหน
“ชอบแล้วยังร้องไห้อีกเหรอ?”
นภดลพูดอย่างหลงใหล หยิบแหวนเพชรวงหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าสวมให้ปาณี แล้วพูดขึ้น: “คุณนายบอกผมว่าแหวนประเภทนี้ใช้บัตรประชาชนสั่งซื้อได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต ดังนั้นคุณคิดดีแล้วนะ สวมไปแล้วถอดไม่ได้แล้วนะ ชีวิตนี้ของผมนภดลจะไม่มีคำว่าหย่าเด็ดขาด”
ปาณีรู้สึกว่าน้ำตาของตนเองยิ่งไหลหนักขึ้น
“คุณนี่แย่ชะมัด”
เธอมุดหัวเข้าไปในอกของนภดล รู้สึกว่าความสุขที่มาถึงอย่างกะทันหันเกินไป ทำให้เธอสติหลุด
แต่นภดลกลับโดนสุดที่รักที่อยู่ในอ้อมอกทรมานจนอารมณ์ไม่คงที่ หลังจากที่ปาณียินยอมก็ก้มหน้าลงไป อุดริมฝีปากของเธอเอาไว้ แล้วพาไปที่เตียงทันที
และไม่มีใครเข้ามารบกวนช่วงเวลาแห่งความสุขนี้
หลายวันนี้นรมนอยู่กับชินทรและพวกเด็กๆตลอด เนื่องจากกานต์มีเรื่องที่ต้องจัดการจึงโดนธเนศพลเรียกตัวกลับไป กิจจาก็บอกนรมนเรื่องที่วางแผนจะอยู่ที่เมืองหลวงต่อไป
หมายความว่าลูกชายของเธอสองคนจะต้องอยู่ในความดูแลของธเนศพล
ความรู้สึกอย่างนี้แย่มากๆ
วันที่สามนรมนเข้าไปในห้องทำงานของธเนศพลโดยตรง ทั้งยังปิดประตูห้องทำงานโดยไม่สนใจอะไรเลย
ธเนศพลชะงักเล็กน้อย ค่อนข้างทำตัวไม่ถูก
“คุณนายบุริศร์ คุณทำอย่างนี้ไม่ค่อยดีหรือเปล่า? เจ้าบุริศร์น่ะขี้หึงขนาดนั้น ถ้าเขา……”
“ถ้าลูกชายของฉันได้รับความไม่ยุติธรรมจากทางคุณแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าสถานะของคุณในตอนนี้กับอนาคตจะเป็นยังไง ห้องทำงานของคุณก็รอโดนฉันทำลายได้เลย”
นี่เป็นการข่มขู่อย่างเปิดเผย!
ใต้หล้านี้คนที่กล้าพูดกับตนเองขนาดนี้มีไม่มากจริงๆ
บุริศร์ถือเป็นหนึ่งในนั้น นรมนก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น
ธเนศพลยิ้มแหยๆ พูดขึ้น: “ผมรู้ว่าคุณนายบุริศร์รักลูกชาย แต่ทว่าอนาคตของลูกผู้ชายอยู่กับผมที่นี่ถึงจะแสดงความสามารถออกมาได้ ดังนั้น……”
“ฉันยอมให้พวกเขาอยู่ที่นี่ ไม่ได้เป็นเพราะที่คุณมีพื้นที่ให้เขาแสดงความสามารถ คุณควรจะรู้ไว้นะ ถ้าฉันต้องการ ฉันก็สามารถให้พื้นที่พวกเขาไปเติบโตได้เหมือนกัน ฉันยินยอมให้พวกเขาอยู่ที่นี่ เป็นเพราะพวกเขาอยากอยู่ที่นี่เอง คุณชายธเนศพล ถึงพวกเขายังเป็นแค่เด็ก แต่เลือดร้อนๆที่ไหลเวียนในหัวใจเป็นของจริง ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทำให้หัวใจของพวกเขาเหน็บหนาวนะคะ”
นรมนพูดด้วยท่าทีจริงจัง
ธเนศพลก็ไม่ทำเป็นเล่นแล้ว พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
“คุณวางใจเถอะ มีผมอยู่ ไม่มีใครแตะต้องพวกเขาได้แม้แต่นิดเดียว”
“เช่นนั้น ลูกชายของฉันก็ฝากคุณชายธเนศพลด้วยนะคะ”
นรมนพูดจบก็โค้งคำนับไปทางธเนศพล แต่กลับทำให้ธเนศพลตกใจ
“คุณนายบุริศร์ ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้”
“ควรทำค่ะ รอให้คุณชายธเนศพลขึ้นไปบนตำแหน่งนั้น ช้าเร็วพิธีการนี้ฉันก็ต้องทำอยู่ดี วันนี้ที่ฉันมาเรื่องหนึ่งก็เพื่อเด็กๆ อีกเรื่องหนึ่งก็เพื่อมาบอกลาคุณ”
เรื่องของที่นี่กระจ่างแจ้งแล้ว ปาณีกับนภดลก็อยู่ด้วยกันแล้ว พวกเขามีชีวิตของตนเองที่ต้องดำเนินกันต่อไป ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคหรือความยากลำบากก็ควรให้พวกเขาตัดสินใจกันเอง
ธเนศพลค่อนข้างแปลกใจ แต่ก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง
“คุณจะไปสนามรบต่างประเทศงั้นเหรอ?”
“ค่ะ”
นรมนไม่หลบเลี่ยง
แม้พวกบุริศร์จะส่งข่าวมาว่าพวกเขาสบายดีมากๆ ขอให้เธอไม่ต้องกังวล แต่ความรู้สึกคิดถึงก็เหมือนกับเถาวัลย์ที่พันเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา
ธเนศพลก็เข้าใจความรู้สึกนี้ นึกถึงอาณาจักรรัตติกาลที่เป็นคนของนรมน จึงอดไม่ได้ที่จะถาม: “พาคนของคุณไปด้วยเถอะ ที่ด้านนั้นไม่ค่อยสงบ”
“ขอบคุณค่ะ”
นรมนออกไปจากห้องทำงานของธเนศพล
แสงอาทิตย์ที่สาดอยู่บนถนน ทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่น
ชินทรที่อยู่ไกลๆกำลังรอนรมนอยู่ ตอนที่เห็นเธอออกมาก็ยิ้มเล็กน้อย นรมนรู้สึกว่าทั้งร่างกายมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลย
เธอเปิดประตูรถแล้วกระโดดลงมา ยิ้มพูดขึ้น: “พ่อคะ ตอนนี้พ่อเกษียณแล้ว ไม่มีคนคอยหนุนหลังแล้ว พ่อได้คิดบ้างไหมว่ากลับไปจะอธิบายกับแม่หนูยังไง คิดว่าเธอไม่รู้อะไรเลยจริงๆเหรอคะ?”
นรมนที่กำลังหยอกเย้าทำให้ชินทรสูญเสียรอยยิ้มไป
“นี่ลูกแอบบอกไปแล้วเหรอ?”
“ถึงยังไงแม่ก็เป็นคนตั้งท้องแล้วคลอดหนูออกมา หนูก็ต้องเป็นพันธมิตรกับแม่สิคะ”
นรมนทำหน้าทะเล้น แต่ในใจกลับดีใจสุดๆ
เธอดีใจที่ชินทรจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขปลอดภัยซะที และขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของธเนศพล ไม่งั้นเธอไม่รู้จริงๆว่าตนเองจะแบกรับความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัวไปได้หรือเปล่า
ชินทรกลับไม่ได้ตำหนิ ส่ายๆหน้า แล้วมองไปที่ตึกออฟฟิศของตระกูลธนเกียรติโกศล รู้สึกได้ว่าปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว
หลายปีแล้ว ที่เขาไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายเป็นอิสระอย่างวินาทีนี้มาก่อนเลย
ในที่สุดเขากับคิมก็จะได้ใช้วันเวลาที่เป็นของพวกเขาเองแล้ว
เขาจำได้ว่าคิมชอบดูเขาวาดภาพ
ไม่ได้จับพู่กันมาหลายปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าฝีมือตกไปบ้างหรือยัง
ในหัวของชินทรคิดถึงแต่ชีวิตต่อจากนี้ที่จะได้อยู่กับคิม ส่วนนรมนกลับหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความไปหาพวกกิมจิ
“รวมตัวคนของอาณาจักรรัตติกาลทั้งหมด เคลื่อนพลไปสนามรบต่างประเทศกับฉัน”
หลังจากนรมนส่งข้อความไปแล้วก็มองภาณที่ยังคงหลับสนิทอยู่ รู้สึกปวดใจ
ชินทรเห็นสายตาของเธอ จึงพูดขึ้น: “วางใจเถอะ มีจณัตว์อยู่ เด็กคนนี้จะไม่เป็นอะไรแน่นอน พ่อกับแม่ของลูกว่างๆพอดี จึงวางแผนจะไปรับคุณตาของลูกแล้วไปตั้งถิ่นฐานที่ประเทศFด้วยกัน พาหลานตัวน้อยทั้งสองคนไปด้วย กมลที่อยู่ทางนั้นก็คุยกันเรียบร้อยแล้ว จะตามพวกพ่อไปด้วย ลูกอยากทำอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น ในครอบครัวคนเยอะแยะขนาดนี้จะดูแลเด็กแค่ไม่กี่คนให้ดีไม่ได้เชียวเหรอ?”
นรมนซาบซึ้งใจ
เธอรู้ว่าที่เธอสามารถทำตามใจตนเองได้ ด้านหนึ่งเป็นเพราะการให้ท้ายของบุริศร์ ส่วนอีกด้านคือเธอมีคนในครอบครัวที่รักเธอมากมาย
“พ่อคะ ลำบากพวกพ่อแล้ว แค่หนูเจอพวกบุริศร์กับคมทิพย์แล้วหนูก็จะกลับมาค่ะ”
ถึงยังไงคมทิพย์ก็ท้องโตแล้ว สนามรบต่างประเทศเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วพริบตา แม้ตระกูลสิทธิรัตน์สุนทรจะถูกโค่นล้มไปแล้ว แต่ใครก็ไม่อาจรู้ได้ว่าพวกเขาจะเจอกับอะไรที่ด้านนอกบ้าง ทั้งยังมีบุริศร์กับเจตต์อีก
เธอเป็นห่วงพวกเขา
ถ้าไม่เห็นกับตา ยังไงนรมนก็นั่งไม่ติด ตอนนี้เรื่องภายในประเทศส่วนใหญ่ความจริงก็เปิดเผยออกมาหมดแล้ว ทุกคนต่างก็เข้าที่เข้าทางของตนเอง ตอนนี้เรื่องที่เธออยากทำที่สุดก็คือบินไปอยู่ข้างกายของบุริศร์
เธอไม่ได้เจอบุริศร์นานมากๆแล้ว
เธอคิดถึงเขาแล้ว!
ความคิดถึงที่ไม่มีขอบเขตกำลังเกี่ยวพันนรมนอยู่ มันทำให้เธอร้อนใจ
สถานการณ์ของภาณคงที่ดี เพียงแค่ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ จำเป็นต้องพักฟื้นระยะยาว ด้านนี้นรมนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว เมื่อมีจณัตว์อยู่เธอก็วางใจ
รถแล่นไปทางสนามบินอย่างรวดเร็ว และเครื่องบินสองลำนั้นกำลังรอพวกเขาอยู่