สมาชิกในทีมโดนอำนาจของนรมนข่มขู่เล็กน้อย แต่ทว่านึกถึงสถานการณ์ของพฤกษ์แล้ว ก็มีคนไม่ค่อยพอใจ
“คุณนายคนนี้ คุณเป็นใครน่ะ? มีสิทธิ์อะไรมาสั่งการส่งเดชเรื่องครอบครัวของหัวหน้าทีมพฤกษ์ของพวกเรา? หัวหน้าทีมของพวกเรายอมสละชีวิตเพื่อประเทศและประชาชน ทำไมถึงจะเจอภรรยาและลูกของตัวเองไม่ได้?”
โสธรได้ยินอีกฝ่ายพูดอย่างนี้ ก็อยากจะก้าวเข้าไปพูดอะไรหน่อยแต่กลับได้ยินนรมนพูดขึ้น: “ฉันเป็นใครงั้นเหรอ? ฉันเป็นภรรยาของบุริศร์! ฉันคือคุณนาย ก็ใช้สิทธิ์ที่พฤกษ์ติดตามคุณบุริศร์มาสิบกว่าปี ฉันจึงมีสิทธิ์ที่จะยุ่งเรื่องครอบครัวเขา! อีกอย่างนะคมทิพย์ภรรยาของเขาเป็นน้องสาวฉัน น้องสาวแท้ๆของฉัน! ฉันรู้ดีกว่าพวกคุณทุกคนว่าสิ่งที่พฤกษ์ต้องการที่สุดคืออะไร!”
แค่พูดออกไป ทุกคนต่างพากันตะลึงงัน สมาชิกทีมคนที่พูดเมื่อกี้จึงรีบลุกขึ้นด้วยความเคารพ แสดงความเคารพตามธรรมเนียมของทหารไปทางนรมน
“คุณนาย ขอโทษด้วยครับ ผมล่วงเกินคุณแล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าบุริศร์ ไม่แน่พวกเราอาจจะไม่มีชีวิตรอดออกมา! พวกเราจะทำตามที่คุณสั่งครับ!”
คำพูดนี้ทำให้นรมนตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“พวกคุณเคยเจอบุริศร์งั้นเหรอ?”
“เคยเจอครับ หัวหน้าบุริศร์กับพันตรีเจตต์ช่วยพวกเราตีฝ่าวงล้อมของข้าศึกออกมา”
“แล้วพวกเขาล่ะ?”
นรมนรู้ว่าพันตรีเจตต์ก็คือเจตต์นั่นแหละ
บุริศร์กับเจตต์อยู่ด้วยกันตลอด
ดีมากเลย!
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่นรมนได้ยินข่าวคราวของบุริศร์กับเจตต์ตั้งแต่มาถึงสนามรบต่างประเทศ
เธอรู้ว่าขวัญตาก็ต้องอยากรู้ข่าวของเจตต์แน่ๆ แต่จนปัญญาที่เธอจะมาสนามรบต่างประเทศด้วย อีกอย่างเธอกับคมทิพย์เหมือนกัน ตั้งท้องกันทั้งคู่ จำเป็นต้องรับรู้แต่ข่าวดีๆ
สมาชิกทีมสบตากันพูดขึ้น: “หัวหน้าบุริศร์กับพันตรีเจตต์รับช่วงต่อภารกิจของพวกเราไล่โจมตีไปก่อนแล้วครับ กลยุทธ์ของหัวหน้าบุริศร์ละเอียดรอบคอบเกินไปจริงๆ แต่ก่อนพวกเราแค่ได้ยินว่าเขาเป็นตำนานของเขตทหาร ในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นกับตาแล้ว”
แต่นรมนกลับไม่ได้ฟังพวกเขาพูดถึงตำนานอะไรเลย แค่ได้ยินว่าบุริศร์กับเจตต์ปฏิบัติภารกิจแทนพฤกษ์ไล่โจมตีไปแล้ว
พฤกษ์บาดเจ็บจนกลายเป็นสภาพนี้ บุริศร์กับเจตต์พวกเขาจะเป็นยังไงนะ?
ลูกปืนเอาแน่เอานอนไม่ได้ นรมนจึงอดไม่ได้ที่จะกังวลขึ้นมา
ก็ไม่รู้สถานการณ์ตอนนี้ของบุริศร์จะเป็นยังไง
ตอนที่พฤกษ์โดนเข็นเข้าไปทำการช่วยเหลือ นรมนก็เฝ้าคมทิพย์อยู่ข้างกาย
ยัยนี่คงเหนื่อยแย่เลย ถึงหลับลึกขนาดนี้ นรมนยังกลัวว่าเธอจะตื่นขึ้นมากลางคันแล้วรู้ว่าพฤกษ์เข้าโรงพยาบาลจะเป็นเหตุให้เธอกังวลลนลานได้ แต่สุดท้ายพฤกษ์กลับเป็นฝ่ายที่ออกมาจากห้องผ่าตัดก่อน
ดูแล้วพฤกษ์อาการค่อนข้างสาหัส แต่หลักๆเป็นเพียงแผลภายนอกทั้งนั้น แค่พักผ่อนสักระยะก็ดีขึ้นแล้ว
ได้รู้ผลลัพธ์นี้ นรมนกลับดีใจมาก ในที่สุดตนเองก็ฝืนไม่ไหวผล็อยหลับไปแล้ว
ในความฝันเหมือนเธอเห็นบุริศร์
บุริศร์เต็มไปด้วยเลือดยืนอยู่ตรงนั้น กำลังจ้องมองเธออยู่ อยากจะพูดอะไร แต่แค่อ้าปากก็มีเลือดเต็มไปหมด
นรมนกรีดร้องด้วยความตกใจ เธอจึงตื่นขึ้นมา หัวใจเต้นแรง ความกระวนกระวายใจกำลังป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆเธอ ทำให้เธอไม่สบายใจแล้ว
เธอรีบเปิดผ้าห่มลุกขึ้น เดินออกไปจากห้องคนไข้ ด้านนอกยังคงยุ่งเหมือนเดิม ทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนเอง
นรมนไปที่ห้องคมทิพย์ แต่เธอไม่อยู่ จึงสอบถามเล็กน้อยแล้วเดินไปที่ห้องคนไข้ของพฤกษ์
ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของคมทิพย์แล้ว
“พฤกษ์ นายมันใจร้าย นายบอกจะไปก็ไป แล้วยังคิดจะหย่ากับฉันงั้นเหรอ? นายเคยได้รับการยินยอมจากฉันแล้วหรือไง?”
พฤกษ์เห็นท้องที่ยื่นออกมาของคมทิพย์ จู่ๆก็รู้สึกเสียใจ
เขาอยากถามมากๆว่าเด็กคนนี้เป็นลูกใคร แต่เขาไม่กล้า
หลังจากที่ตนเองเคยทำเรื่องอย่างนั้น สำหรับเรื่องลูกเขาไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว
อีกอย่างบอกว่าคมทิพย์ให้กำเนิดลูกไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?
ทำไมถึงเป็นแม่แล้วล่ะ?
ช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่ คมทิพย์ชอบใครเข้าแล้ว? ทั้งยังมีความสามารถที่ทำให้คมทิพย์ท้องได้อีกด้วย?
ในหัวของพฤกษ์ยุ่งเหยิงไปหมด ถึงขั้นรู้สึกว่าช่วยชีวิตเขาเอาไว้ทำไม?
ที่ช่วยเหลือตนเองก็เพื่อให้เห็นคมทิพย์มีความสุขกับคนอื่นด้วยตาเขาเอง ถึงขั้นที่เป็นแม่คนอีกด้วย เพื่อรับรู้ความจริงที่โหดร้ายอันนี้งั้นเหรอ?
คมทิพย์ร้องไห้อยู่นานถึงพบว่าพฤกษ์จ้องท้องของเธออย่างใจลอย ราวกับไม่ได้ฟังว่าเธอพูดอะไรเลย จึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆด้วยความโมโห แล้วบิดหูของพฤกษ์ทันที
“ฉันกำลังพูดอยู่นะนายได้ยินหรือเปล่า? พฤกษ์ อย่าคิดว่านายเป็นหัวหน้าทีมตำแหน่งเล็กๆอะไรนั่นก็จะเก่งกาจแล้วนะ ฉันบอกนายไว้เลย ต่อให้นายเป็นแม่ทัพ ต่อหน้าฉันนายก็ยังคงเป็นแค่ผู้ชายของฉัน! ฉันพูดอยู่นายยังกล้าเหม่อลอยอีกงั้นเหรอ? ฉันพาท้องโตๆมาตามหานายที่สนามรบต่างประเทศ นายไม่ซาบซึ้งก็ช่างเถอะ แต่การที่นายจ้องท้องของฉันด้วยท่าทีหมดอาลัยตายอยากมันหมายความว่าไงห๊ะ?”
คมทิพย์มาที่สนามรบต่างประเทศครึ่งเดือนกว่าแล้ว สาวสวยที่อยู่ดีๆตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลมากขึ้น บ่นเหมือนคนแก่ได้อย่างคล่องปาก
หลังจากที่พฤกษ์โดนบิดหูจึงได้สติกลับมา ความเจ็บทำให้เขาได้ยินว่าคมทิพย์กำลังพูดอะไรอย่างชัดเจน ผู้ชายของฉันคำนั้นทำไมฟังแล้วถึงสบายใจขนาดนั้นล่ะ?
“คมทิพย์ คุณบอกว่าผมเป็นผู้ชายของคุณ”
“ไม่งั้นล่ะ? คนอย่างฉันจะไปหาหนุ่มน้อยมาเป็นตัวสำรองงั้นเหรอ?”
คมทิพย์ก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย ใครจะคิดว่าสีหน้าของพฤกษ์จะหงอยลงมาทันที
เขามองท้องของคมทิพย์อยากจะพูดอะไรแต่ไม่พูด
คมทิพย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับเข้าใจอะไรแล้ว
“ตาบ้านี่กล้าสงสัยว่าเด็กในท้องฉันไม่ใช่ลูกของนายใช่ไหม? พฤกษ์ ถ้านายกล้าพูดอย่างนั้นกับฉันก็ลองสิ!”
พฤกษ์ได้สติกลับมาทันที
“ไม่ใช่ ผมไม่ได้คิดยังงั้น”
“พูดไปเรื่อย! ถ้านายไม่ได้คิดอย่างนั้น ด้วยนิสัยที่รักเด็กจนผิดปกติของนาย ตอนนี้รู้ว่าตัวเองมีลูกแล้วกลับไม่นึกว่าจะไม่ใส่ใจเช่นนี้? นายหลอกผีสินะ?”
คมทิพย์ไม่อยากจะโมโห เพราะเรื่องลูกทั้งสองคนเคยทะเลาะกันจนไม่มีความสุขมาแล้วครั้งหนึ่ง เธอรู้สึกว่าบางเรื่องพูดออกไปเลยคงดีกว่า ถึงตอนนี้เธอจะรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างก็เถอะ
ไม่เป็นไร รอให้คุยกันรู้เรื่อง ความจริงเปิดเผยออกมาแล้ว เธอมีวิธีให้พฤกษ์ชดใช้กับความน้อยใจของเธอ
คมทิพย์ยืนแล้วรู้สึกเหนื่อย จึงลากเก้าอี้มานั่งลงไป จากนั้นก็เล่าเรื่องของตนเองรอบหนึ่ง รวมไปถึงเรื่องโง่ๆทั้งหมดที่พฤกษ์ทำไปก่อนหน้านี้ด้วย บวกกับเรื่องที่พฤกษ์ทำกับเธอก่อนจะจากเธอไปครั้งนั้นด้วย คมทิพย์พูดกับพฤกษ์อย่างชัดเจน
เธออยู่ที่สนามรบต่างประเทศมาครึ่งเดือนกว่าก็ถือว่าเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ชีวิตคนเราเปราะบางเกินไป ตอนเช้าคนมากมายยังพูดคุยกับสามีอยู่เลย ตกบ่ายกลับจากไปเสียแล้ว คมทิพย์ไม่หวังให้ตนเองเก็บความเสียใจอย่างนี้ไว้ ดังนั้นตอนนี้เธอแค่อยากจะคว้าเอาไว้ทันที แค่อยากจะโอบกอดวินาทีนี้เอาไว้
พฤกษ์ฟังคมทิพย์พูดจนจบ ก็ตะลึงงันไปเลย
“คุณบอกว่าคุณวางแผนจะตอบโต้บุลินด้วยการใช้แผนของบุลินมาลงโทษผม แต่กลับไม่คิดว่าการรักษาอาการมดลูกเย็นของตนเองจะเกินความคาดหมายงั้นเหรอ? แล้วค่ำคืนที่อ่อนไหวคืนนั้นกับคุณก่อนที่ผมจะจากไปจึงมีลูกคนนี้น่ะเหรอ?”
“พฤกษ์ นายลองไม่เชื่อให้ฉันเห็นอีกครั้งสิ?”
แม้ปากของคมทิพย์จะพูดอย่างโหดร้าย แต่ในใจกลับทำไม่ได้
พฤกษ์ตาโง่นี่คงจะไม่ได้ไม่เชื่อเธอจริงๆใช่ไหม?