แต่โสธรเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความแน่วแน่
นรมนมองโสธร พูดอย่างไม่มีทางเลือก: “บุริศร์เป็นสามีของฉัน เป็นพ่อของลูกชายลูกสาวฉัน นายจะให้ฉันรออยู่เฉยๆ มันไม่เหมาะสมนะ”
“แต่คุณก็เป็นนายหญิงของอาณาจักรรัตติกาลนะครับ! ถ้าคุณอยู่ ก็จะยังมีความหวังอยู่บ้าง แต่ถ้านี่เป็นหลุมพรางที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ล่ะครับ? คุณนาย คุณจะทำเพื่อประธานบุริศร์โดยที่ไม่สนใจอะไรเลยก็ได้ แต่ถ้าคุณติดร่างแหไปด้วย พวกผมจะทำยังไง? กองกำลังทหารขาดแม่ทัพไม่ได้ ผมเข้าใจความรู้สึกลึกซึ้งที่คุณนายมีต่อประธานบุริศร์ ผมโสธรขอสาบาน ต่อให้ต้องตายก็จะพาประธานบุริศร์กลับมาให้ได้ ขอให้คุณนายอยู่บัญชาการที่นี่เถอะครับ”
ดวงตาของโสธรระยิบระยับไปด้วยประกายจากละอองน้ำ เสียดแทงนรมนจนเจ็บปวดทันที
นรมนรู้ว่าเขาหวังดีกับตนเอง แต่……
“คุณนาย คุณลองคิดดูนะครับ ที่นี่มีแต่คนเจ็บทั้งนั้น ลูกหลานของตระกูลนนท์สัจทัศน์ที่ด้านหน้าไม่รู้ว่ามีทางหนีทีไล่อีกหรือเปล่า พฤกษ์กับคุณคมทิพย์ก็อยู่ที่นี่ ถ้าคุณออกไป พวกเขาจะทำยังไง? ถ้าอีกฝ่ายถือโอกาสตอนที่พวกเราออกไปจู่โจมที่นี่โดนไม่ทันตั้งตัวล่ะครับ? ดังนั้นคุณนาย คุณต้องอยู่ที่นี่ถึงจะเหมาะสมที่สุดครับ”
คำพูดของโสธรทำให้นรมนเงียบไปครู่หนึ่ง
เห็นนรมนค่อนข้างคล้อยตามแล้ว โสธรจึงพยายามพูดต่อไป: “คุณนาย ต่อให้เป็นผมคุณก็ยังไม่วางใจเหรอครับ? หรือคิดว่าผมจะสมคบคิดกับลูกหลานของตระกูลนนท์สัจทัศน์วางกับดักใส่ประธานบุริศร์ครับ?”
“นายพูดเกินไปแล้วนะ ลุกขึ้นมาก่อน”
นรมนยื่นมือมาประคองโสธรเอาไว้
เห็นนรมนค่อนข้างคล้อยตามแล้ว โสธรถึงได้ลุกขึ้นมา
เขามองนรมน ความคิดปะทุขึ้นมาเป็นระลอกๆ แต่กลับทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้ ตอนนี้สิ่งที่ควรพูดเขาพูดไปหมดแล้ว ก็ต้องดูว่านรมนจะเลือกยังไง
จริงๆแล้วโสธรยังมีความเห็นแก่ตัว
เพียงแค่นรมนไม่ไป รออยู่ที่นี่ก็จะไม่มีอันตราย เพียงแค่นรมนปลอดภัย เขาก็พอใจแล้ว
ในใจของนรมนค่อนข้างทรมาน
เธออยากไปตามหาบุริศร์ด้วยตนเองจริงๆ ถึงยังไงนี่ก็นานแล้ว เธอคิดถึงเขา ถ้าได้เจอเขาในทันทีคงดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่ที่โสธรพูดก็มีเหตุผล
ถ้านี่เป็นกลอุบายที่ล่อศัตรูให้เข้ามา ตนเองออกไปแนวหน้าก็คงโดนทำลายจนหมดสิ้นจริงๆ ถึงตอนนั้นอย่าพูดถึงบุริศร์เลย กลัวว่าคนของอาณาจักรรัตติกาลก็คงถอนกำลังกลับมาไม่ได้
นึกถึงตรงนี้ แม้นรมนจะทุกข์ใจ แต่ก็ยังพยักหน้าพูดขึ้น: “ก็ได้ ฉันจะให้นายไป แต่โสธร นายจำไว้นะ ต้องกลับมาอย่างปลอดภัย!”
มาถึงสนามรบต่างประเทศ นรมนจึงได้รู้ถึงความโหดร้ายของสงคราม
คนพวกนี้เธอเป็นคนพาออกมา เธอก็หวังว่าจะได้พาพวกเขากลับไปอย่างปลอดภัย
โสธรยิ้มขึ้นมาทันที
ยิ้มอย่างสดใสอย่างนั้น ผ่อนคลายอย่างนั้น ทำให้เธอค่อนข้างแสบจมูก
“ครับ!”
นรมนรู้มาโดยตลอดว่าโสธรหน้าตาหล่อเหลา เขากับพี่สาวของเขาไม่เหมือนกัน ถึงจะซีดเซียวไปบ้าง แต่กลับเป็นที่น่าดึงดูดใจ
ตอนนี้โสธรก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว จู่ๆนรมนก็พูดขึ้น: “รอนายกลับมา ฉันจะพานายกลับประเทศ หาแฟนให้นาย แล้วแต่งงานกัน”
รอยยิ้มของโสธรชะงักงันอยู่บนใบหน้า
แฟนงั้นเหรอ?
ก็ดี
แค่คุณนายหวังเอาไว้ เขาแต่งก็ได้ ถึงยังไงชีวิตนี้กับคุณนายมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว จะแต่งกับใครก็เหมือนกัน
“ครับ”
โสธรยังคงยิ้มอย่างสดใส แต่ในใจกลับเจ็บปวดรวดร้าว
นรมนตบๆไหล่ของเขา พูดขึ้น: “สวมเสื้อกันกระสุนด้วยนะ ระวังหัวตัวเองให้ดี ในสนามรบมีมือปืนซุ่มยิงเสมอ จำคำฉันไว้นะ ต้องมีชีวิตกลับมา!”
“ครับ”
โสธรมองนรมนด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
เขารู้ถึงความโหดร้ายของสงครามดี และรู้ว่าตนเองไปคราวนี้ไม่รู้ว่าจะสามารถเอาตัวรอดกลับมาได้หรือเปล่า แต่ให้ความหวังนรมนเอาไว้คงดีกว่า
ถึงนรมนจะไม่ได้รู้สึกกับเขาอย่างนั้น แต่เธอเอาใจใส่ตนเอง ความเป็นห่วงที่มีต่อตนเองทำให้ในใจของโสธรซาบซึ้งมาก
นรมนหมดเรี่ยวแรงจะแบกรับสายตาที่เร่าร้อนของโสธรได้ เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างอยู่ลางๆ แต่กลับรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้หรอก
เธออายุมากกว่าโสธร บางทีในใจของโสธรอาจจะให้เธอเป็นตัวแทนของพี่สาวก็ได้
คิดอย่างนี้ สายตาของนรมนก็อ่อนโยนขึ้นมาก
“โสธร สำหรับฉันแล้วนายก็เหมือนน้องชายแท้ๆของฉัน แม้ครั้งนี้จะไปเพื่อช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ควรบุ่มบ่าม ต้องรักษาชีวิตของตนเองให้ดี ได้ยินไหม?”
พี่สาว?
โสธรชะงักเล็กน้อย
พี่สาวก็ดีแหละ ถึงยังไงก็ดีกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันเลยตั้งเยอะ
เขารู้ว่าตอนนี้ตนเองพูดอย่างนี้คงไม่เหมาะสม แต่โสธรก็ยังเอ่ยปาก
“ถ้าเกิดว่า ผมหมายถึงถ้าเกิดนะ หากว่าผมเกิดเหตุร้ายขึ้นมาจริงๆ พี่สาวอย่างคุณฝังผมไว้ในที่ที่ใกล้กับคุณที่สุดได้ไหม?”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆนรมนก็รู้สึกแสบจมูก
“อย่าพูดเหลวไหล”
“ผมหมายถึงถ้าเกิด”
“ไม่มีถ้าเกิด! โสธร นายฟังฉันให้ดี หากนายไม่มีชีวิตรอดกลับมา ฉันจะไม่ให้อภัยนายไปตลอดชีวิต! เดิมทีเป็นฉันที่ต้องไป แต่นายจะไปให้ได้ ผลลัพธ์ของการให้ฉันอยู่ที่นี่ถ้านายไม่อยู่แล้ว ฉันคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”
น้ำเสียงและสีหน้าท่าทางของนรมนทำให้โสธรตกใจ แต่ทว่าในใจของเขากลับอบอุ่น
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
“ครับ”
โสธรพูดจบก็ก้าวเข้าไปกอดนรมนแน่นๆ ในระหว่างที่นรมนกำลังชะงักงันเล็กน้อยเขาก็ปล่อยมือออก
“พี่ รอผมกลับมานะ”
โสธรพูดจบก็หันหลังเดินไป ไม่มีใครได้เห็นรอยยิ้มบางๆที่มุมปากของเขา
ในที่สุด ก็ได้กอดเธอแล้ว
ดีจริงๆ
ฝีเท้าของโสธรเดินออกไปเบาๆ แต่นรมนกลับตะลึงอยู่ที่เดิม
อ้อมกอดเมื่อกี้เธอไม่ได้รู้สึกถึงอะไรอยู่แล้ว แต่เธอรู้ว่าสำหรับโสธรมันอาจจะมีความหมายมาก
ตระกูลดารายนเหลือแค่เขาเพียงคนเดียวแล้ว
นรมนรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก
เธอออกมาจากป่าไผ่ มาถึงด้านหน้า คนของอาณาจักรรัตติกาลรวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว โสธรในตอนนี้ไม่มีความรู้สึกของเมื่อครู่แล้ว เคร่งขรึมราวกับแม่ทัพที่กำลังจะออกไปรบ
นรมนเห็นโสธรจัดให้คนกลุ่มหนึ่งอยู่ปกป้องดูแลพวกเธอที่นี่ ส่วนคนที่เหลือเริ่มจัดกำลังคนออกเดินทาง
เธอถอยออกมาเงียบๆ เรียกรองหัวหน้าอาณาจักรรัตติกาลเข้ามาพบ
“คุณนาย คุณหาผมเหรอครับ?”
“อืม นั่งสิ”
นรมนชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆ แต่กลับทำให้รองหัวหน้าตื่นตะลึง
เขาตัวสั่นเทิ้มนั่งลงตรงนั้น ได้ยินนรมนพูดขึ้น: “ไม่ว่าไปอาณาเขตศัตรูแล้วจะเจออะไรบ้าง ต้องคุ้มครองความปลอดภัยของโสธรให้ดี เส้นเอ็นที่มือที่เท้าของเขาเคยได้รับบาดเจ็บ หากเจอกับสถานการณ์เร่งด่วน ฝากนายปกป้องเขาด้วยนะ”
แววตาของนรมนค่อนข้างหม่นหมอง รองหัวหน้าจึงชะงักเล็กน้อย แล้วเข้าใจในทันที
เคยได้ยินมานานแล้วว่าตอนแรกเพื่อเป็นไส้ศึกโสธรจึงโดนนรมนตัดเส้นเอ็นที่มือที่เท้า ถึงภายหลังจะรักษาหายแล้ว แต่เวลาที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนยังคงเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ตอนนี้เห็นนรมนใส่ใจเป็นพิเศษ รองหัวหน้าก็ดีใจแทนโสธรไปด้วย
“ครับ! คุณนาย คุณสบายใจได้เลย ผมจะปกป้องโสธรให้ดี”
“ไปเถอะ”
ด้วยคำสั่งของโสธรทางนั้น คนของอาณาจักรรัตติกาลก็เตรียมอาวุธอย่างรวดเร็ว ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป ออกไปจากโรงพยาบาลสนามรบของเขตทหาร
นรมนมองเครื่องบินที่ไกลออกไป แววตาปรากฏความหนักใจออกมา