จมูกของสมจิตแสบร้อน
เธอไม่เคยรู้สึกชื่นชอบตระกูลนนท์สัจทัศน์นามสกุลนี้มาโดยตลอด เธอยอมให้ตนเองเป็นธีรยา เด็กคนนั้นที่เติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เป็นเด็กคนนั้นที่นามสกุลเดียวกับผู้อำนวยการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่วินาทีนี้เธอรู้ว่า หัวใจที่เยือกเย็นของตนเองมีความอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
“หนูไปดื่มน้ำ”
สมจิตรีบหมุนตัวกลับไป ถือโอกาสเช็ดน้ำตาข้างในดวงตาทิ้ง
พายุเห็นลูกสาวเช่นนี้ในใจก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก แต่ว่าประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาของตระกูลนนท์สัจทัศน์อยู่ที่นั่น คนตระกูลนนท์สัจทัศน์จำนวนมากเพื่อคำสั่งเสียของบรรพบุรุษดำเนินการมาแล้วสองรุ่น ตอนนี้จะบอกให้ล้มเลิกใครก็ไม่เต็มใจ
แต่ว่าสมจิตเป็นลูกสาวของเขา
ลูกสาวคนนี้ไม่ได้เติบโตที่ตระกูลนนท์สัจทัศน์ตั้งแต่เด็ก มีสิทธิ์อะไรต้องให้เธอสืบทอดคำสั่งเสียอะไรของตระกูลนนท์สัจทัศน์ล่ะ?
สมจิตไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจของพายุคิดอย่างไร แต่ถึงอย่างไรก็ค่อนข้างอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว ออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน กลับพบเข้ากับฟองน้ำที่หน้าประตู
“สมจิต ผลออกมาแล้ว”
ท่าทีของฟองน้ำเป็นมิตรอย่างยิ่ง
สมจิตกลับไม่ได้รู้สึกอะไร
ถึงอย่างไรเรื่องที่เธอเป็นลูกหลานตระกูลนนท์สัจทัศน์ก็ถือเป็นเรื่องที่กำหนดเอาไว้แล้ว เธอเปลี่ยนแปลงสายเลือดของตนเองไม่ได้ ดังนั้นต่อให้ฟองน้ำตรวจดีเอ็นเออีกสิบครั้งก็ยังคงเหมือนเดิม
เธอชักผลตรวจดีเอ็นเอมากจากในมือของฟองน้ำ ทิ้งเข้าไปในถังขณะโดยไม่ได้ดูแม้แต่น้อย จากนั้นยกเท้าก้าวเดิน
“สมจิต เธอเข้าใจอะไรฉันผิดใช่หรือเปล่า?”
ฟองน้ำมองดูสมจิต สายตาค่อนข้างร้อนรน
สมจิตกลับไม่พูดจา เพียงแค่มองดูเธออย่างเยือกเย็น สายตานั้นราวกับมองดูคนแปลกหน้าคนหนึ่งก็ไม่ปาน
ฟองน้ำเจ็บปวดแทบขาดใจในทันที
“สมจิต เธอต้องเข้าใจ ฉันทำแบบนี้ต่างก็เพื่อเผื่อไว้ ตอนนี้ข้างนอกตรวจสอบคนของตระกูลนนท์สัจทัศน์เข้มงวดมาก ก่อนหน้านี้เธอก็เป็นคนของกองทัพภาคอีก ดังนั้น…”
“งั้นคุณจับหนูไปเลยไม่ดีกว่า?”
คำพูดที่เย็นเฉียบของสมจิตกระแทกลงมา
ฟองน้ำชะงักในชั่วขณะ
ผ่านสายตาที่เย็นชาของสมจิต เธอราวกับเห็นสามีที่ผ่านมาของตนเอง
ที่ผ่านมาหลังจากที่สามีของเธอรู้สถานะของตนเอง หลังจากรู้เรื่องที่เธอทำทั้งหมดแล้วก็มองเธอด้วยสายตาแบบนี้เช่นเดียวกัน
ราวกับความรักในหลายปีนั้นล้วนเป็นของปลอม หายไปทั้งหมดในชั่วข้ามคืนยังไงอย่างงั้น
ใจของฟองน้ำเจ็บจนค่อนข้างทุกข์ทรมาน
“สมจิต พวกเราเป็นญาติ เธอจะต้องพูดจาติดหอกพกกระบองแบบนี้กับฉันให้ได้เลยหรอ? ระหว่างฉันกับเธอไม่ได้มีความแค้นฝังลึกหรอกมั้ง?”
ได้ฟังฟองน้ำพูดเช่นนี้ สมจิตหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน เอ่ยขึ้นเบาๆ “ฟองน้ำ พูดตามเหตุผลหนูควรจะเรียกคุณว่าคุณน้า แต่หลายปีมานี้คุณอุทิศตัวเองทั้งหมดเพื่อเรื่องของตระกูลนนท์สัจทัศน์ ไม่แค้นเคืองสักนิดเลยจริงๆหรอ? หนูได้ยินว่าคุณทิ้งสามีของตนเองเพื่อตระกูลนนท์สัจทัศน์ ถึงขั้นยังเพราะว่าเพิ่งคลอดลูกเสร็จไม่กี่เดือนก็ยุ่งเรื่องของตระกูล ทำให้ลูกไร้คนดูแล ล้มเข้าไปในอ่างน้ำร้อนถูกลวกตาย ในตอนนั้นคนเป็นแม่อย่างคุณไม่เสียใจเลยแม้แต่นิดเดียวหรอ?”
“สมจิต!”
ดวงตาของฟองน้ำแดงก่ำไปหมด ถึงขั้นเกร็งขึ้นมาทั้งตัว
ลูกคือความเจ็บปวดที่ลึกที่สุดภายในจิตใจของฟองน้ำ
หากไม่ใช่เพราะลูก บางทีเธอกับสามีของเธออาจจะยังไม่ถึงขั้นเดินเข้าสู่ทางตัน
แต่เธอก็ไม่ได้คิด
ลูกชายของเธอเพิ่งจะโตครบเจ็ดเดือน เธอยังสามารถคิดย้อนกลับไปถึงใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มหวานๆนั้นของลูกชายได้ ทุกครั้งที่เป็นกลางดึกเงียบสงัดเธอก็ยังได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกชาย
เธอเพียงแค่ออกไปประเดี๋ยวเดียว แค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ลูกชายก็ล้มเข้าไปในอ่างน้ำร้อนหมดลมหายใจ
ตอนนั้นทำไมเธอต้องต้มน้ำร้อนอ่างหนึ่งเธอแทบจะจำไม่ได้แล้ว ต่อมาถึงคิดขึ้นมาได้ว่าต้มน้ำร้อนเพื่ออาบน้ำให้ลูกชาย
ตระกูลนนท์สัจทัศน์ทั้งบนและล่างใครต่างก็รู้ว่านี่คือคำต้องห้ามของฟองน้ำ ใครต่างก็ไม่กล้าเอ่ยแม้แต่คำเดียว แต่สมจิตดันเอ่ยถึง แถมเอ่ยถึงต่อหน้าฟองน้ำ
หากเธอไม่ใช่ลูกสาวที่หายไปหลายปีของพี่ใหญ่ ฟองน้ำจบชีวิตเธอได้จริงๆ
สมจิตกลับเหมือนมองไม่เห็นความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานของฟองน้ำ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงหัวเราะประชดประชัน “ทำไม?นี่ก็ทนไม่ไหวแล้วหรอ? ในปีนั้นทำไมพวกคุณต้องไปจากประเทศZ? หนูหายไปได้ยังไงอีก? ทุกคนต่างก็ไม่บอกกับหนู คุณล่ะ? คุณรู้ใช่ไหมล่ะ? พูดอะไรเป็นเพราะว่าย้ายบ้านทำหนูหายระหว่างทาง ทำไมไม่พูดว่าเป็นเพราะข้างหลังมีทหารตาม แม่หนูร่างกายอ่อนแอ ฝากฝังหนูให้กับคุณ แต่คุณกลับเพื่อที่จะโจมตีหยุดยั้งทหารที่ไล่ตามทิ้งหนูไว้ที่หน้าประตูซุปเปอร์มาร์เก็ตคนเดียวหนูถึงได้หายล่ะ? ตอนนั้นหนูอายุเท่าไร? สามขวบ? สี่ขวบ? หรือเด็กกว่านั้นหน่อย? หลังจากที่คุณรู้ว่าหนูคือลูกสาวของพ่อพายุก็รีบเข้าใกล้ เป็นเพราะความรักจากคนในครอบครัวจริงๆหรอ? หรือคุณรู้สึกว่าคุณทำฉันหาย ดังนั้นตอนนี้ถึงได้รู้สึกผิด?”
“สมจิต เธอ…”
ฟองน้ำนิ่งอึ้งไปทั้งตัว
เรื่องในปีนั้นเธอปิดบังทุกคนมาโดยตลอด สมจิตรู้ได้ยังไงกัน?
แม้แต่พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ก็ยังนึกว่าเด็กเดินหายไปเอง แต่คิดไม่ถึงว่าสมจิตจะพูดรายละเอียดได้ชัดเจนขนาดนั้น เธออดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อย
แต่ว่าหลังจากที่ถูกพูดเปิดเผยออกมา ฟองน้ำกลับรู้สึกในใจผ่อนคลายลงมาก
“ใช่ ในปีนั้นเป็นฉันที่ทำเธอหาย ฉันไม่กล้าพูดความจริงออกมากับพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ ในตอนนั้นที่จริงแล้วฉันก็ไม่ใช่เพื่อโจมตีหยุดยั้งทหารที่ตามมา ฉันเพียงแค่อยากกลับไปดูลูกของฉันทีหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นการจุดธูปให้กับเขาก็ดี เพราะฉันรู้ว่าหลังจากที่ไปก็กลับมาไม่ได้อีกแล้ว แต่หากฉันพาเธอไปด้วย จะดึงดูดความสนใจจากคนจำนวนมาก เธออาจจะไม่ปลอดภัย ดังนั้นฉันถึงได้ปล่อยเธอไว้ที่หน้าประตูซุปเปอร์มาร์เก็ต ฉันคิดว่าไม่นานฉันก็กลับมา ฉันกำชับเธอแล้วว่าต้องรอฉัน”
“หนูเด็กสามขวบคนหนึ่งจะฟังเข้าใจอะไร? รอคุณ? คุณไปนานขนาดไหน? ต่อให้หนูคิดจะรอคุณ คุณเคยคิดไหมว่าหากมีพวกค้ามนุษย์ล่ะ? จะลักพาตัวหนูไปหรือเปล่า? คุณรู้ไหมว่าหนูเจออะไรบ้าง? ในเมื่อไม่สามารถคุ้มครองหนูให้ดีได้ ทำไมต้องรับปากพ่อแม่หนูว่าจะพาหนูไป? รับปากแล้วทำไมถึงไปทำเรื่องของตัวเองกลางทางอีก? ฟองน้ำ สำหรับลูกชายของคุณ คุณไม่ใช่แม่ที่ดี สำหรับหนูหลานสาวขอวคุณคนนี้ คุณไม่ใช่คุณน้าที่ดี คุณจะบอกกับฉันใช่ไหมว่า หลายปีมานี้คุณเดินทางไปทั่วต่างก็เพื่อที่จะตามหาหนู? ช่วยพ่อแม่ตามหาหนูหรือเพื่อความไม่สงบในใจของตนเอง? ที่จริงแล้วล้วนเป็นผ้าคลุมที่ปกปิดความอัปยศของคุณก็เท่านั้น คุณเดินทางไปทั่ว เป็นอิสระอยู่ระหว่างประเทศต่างๆค้าขายอาวุธสงคราม คุณสะสมความร่ำรวย แต่กลับใช้ชื่อว่าตามหาหนูให้พ่อแม่หนูรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของคุณ ก็เลยสนับสนุนตำแหน่งในตระกูลนนท์สัจทัศน์ของคุณ คุณเอาหน้ามาจากที่ไหน?”
ทุกคำพูดของสมจิตไม่มีความปราณีเลยแม้แต่น้อย ฉีกความจอมปลอมที่อยู่ภายนอกของฟองน้ำขาด นำส่วนที่มืดมนที่สุดภายในจิตใจของเธอมาแผ่ไว้ภายใต้แสงอาทิตย์ ทำให้ฟองน้ำขมวดคิ้วเล็กน้อยในทันที
เธอรู้สึกว่าความเป็นศัตรูที่สมจิตมีต่อตนเองใหญ่มากเหลือเกิน
แต่ว่าในปีนั้นคือเธอที่ทำสมจิตหายจริงๆ นี่คือสิ่งที่เธอติดค้างเธอ!
“สมจิต ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง ตอนนี้เธอกลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปน้าจะชดเชยให้กับเธอ”
“ชดเชยยังไง? คุณรู้ไหมว่าในปีนั้นหลังจากที่หนูถูกลักพาตัวต้องเจอกับอะไรบ้าง?”
ดวงตาของสมจิตหนักอึ้งขึ้นมาเล็กน้อย มองเห็นเงาที่อยู่ด้านหลังหลบซ่อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ชายเสื้อที่คุ้นเคยนั่นทำให้ดวงตาของเธอร้อนผ่าว