นรมนร้อนใจเป็นอย่างมาก ทางด้านโสธรก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ
เมื่อพวกเขาเข้ามาในเขตพื้นที่ศัตรูก็พบว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดที่พกติดตัวถูกปิดกั้นสัญญาณ และมีเสียงติ๊ดๆน่าหนวกหูดังขึ้นมา
นี่มันเสียงตรวจจับสัญญาณ!
ประโยคนี้แว็บเข้ามาในหัวของโสธร
พื้นที่บริเวณนี้ถูกเปลี่ยนเป็นระบบสายแลนเดี่ยวทั้งหมด ถ้ามีสัญญาณอื่นแทรกเข้ามาจะถูกตรวจจับได้เป็นอันดับแรก และทางสำนักงานความปลอดภัยก็จะเปิดสัญญาณเตือนภัยไปทั่วบริเวณ
หัวคิ้วของโสธรขมวดมุ่นเข้าหากัน
“เร็วเข้า รีบทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีทั้งหมดทิ้งซะ!”
คำสั่งของโสธรทำให้ทุกคนนิ่งอึ้ง
“ทำลายทิ้ง? หัวหน้า ถ้าเกิดทำลายทิ้ง แล้วเราจะติดต่อกับทางนายหญิงยังไง?”
“อย่าพูดมาก!ถ้าเราตายกันหมด จะปฏิบัติภารกิจของนายหญิงสำเร็จได้ยังไง? นับจากนี้เป็นต้นไปให้ฟังฉัน ส่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้คนใดคนหนึ่งเอาออกไปทำลายทิ้ง ซึ่งถ้าใครไปอาจจะไม่ได้กลับมา พวกนายเลือกมาว่าใครจะไป?”
จริงๆแล้วโสธรอยากเป็นคนไปเอง แต่เขาเป็นผู้ออกคำสั่งในภารกิจครั้งนี้ เพราะฉะนั้นเขาจะตายตอนนี้ไม่ได้
ชาวอาณาจักรรัตติกาลแต่ละคนต่างก็เป็นคนดีกันทั้งนั้น มีแต่คนเกี่ยงกันให้เป็นฝ่ายเสนอตัว ทว่ากลับมีคนรูปร่างปราดเปรียวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาแย่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในมือขอโสธรไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพุ่งตัววิ่งนำออกไปข้างหน้า โดยไม่พูดอะไร
โสธรมองไม่ชัดว่าเป็นใคร อีกฝ่ายก็วิ่งออกไปแล้ว
“ใครน่ะ?”
“นิวรา”
รองหัวหน้าเองก็รู้สึกค่อนข้างเหนือความคาดหมาย
นิวราคือผู้หญิงเพียงคนเดียวในภารกิจครั้งนี้
เธอเป็นเด็กกำพร้า เป็นเด็กที่นรมนช่วยชีวิตออกมาจากภูเขา ต่อมาเธอก็ขอเข้าร่วมฝึกกับอาณาจักรรัติกาล พร้อมๆกับนลิน
ตลอดเวลาสี่ปีที่นิวราอยู่ในอาณาจักรรัติกาล เธอมักจะถูกมองข้ามบ่อยๆ เพราะมีหน้าตาธรรมดา และนี่ก็ถือเป็นข้อดีของเธอ เพราะจะได้เข้าถึงตัวศัตรูได้อย่างไร้สุ้มเสียง และปฏิบัติภารกิจสังหารสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ถ้าจะให้พูดจริงๆนิวราถือได้ว่าเป็นไพ่ใบสุดท้ายของทีม ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงหนึ่งเดียวในทีมจะออกโรงไปก่อนคนแรกในสถานการณ์แบบนี้
คนอีกสองสามคนกำลังจะตามนิวรากลับมา แต่กลับถูกโสธรห้ามเอาไว้
“ไม่ทันแล้ว ถ้าตามออกไปทุกคนจะถูกจับได้ ตอนนี้เราต้องซ่อนตัวเพื่อตามหาประธานบุริศร์กับประธานเจตต์ ทุกคน เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมแล้วไปกัน!”
โสธรหันไปมองทิศทางที่นิวราวิ่งออกไป รู้ดีว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คงไม่มีโอกาสได้กลับมาแล้ว
จู่ๆภาพของนิวราก็ปรากกฏขึ้นมาในหัวของเขา
จริงๆแล้วเขารู้จักกับเด็กคนนี้ดี
นิวราเป็นคนเงียบๆ ขยันอดทน ทุกภารกิจที่เคยได้รับต่างก็ทำสำเร็จได้อย่างโดดเด่น ทว่ากลับไร้ตัวตนในสายตาคนอื่น
เขายังจำตอนที่นิวราฝึกหนักจนเป็นลมครั้งแรกได้ ซึ่งเขานี่แหละเป็นคนพาไปส่งที่ห้องพยาบาล ตอนนั้นคุณหมอบอกว่านิวราฝึกหนักในขณะที่เป็นรอบเดือนร่างกายทนไม่ไหวจึงเป็นลมล้มพับไป ในวินาทีนั้นโสธรรู้สึกสงสารเด็กคนนี้จับใจ
ต่อมาเมื่อมีการฝึกเขาก็คอยจับตาดูเธออยู่เสมอ ทุกครั้งที่เห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มฝึกหนักเกินกำลังเขาก็จะเข้าไปห้ามเธอด้วยท่าทางจริงจัง ช่วงนั้นพวกเขาสองคนจึงเหมือนเป็นเพื่อนกันไปโดยปริยาย แต่กระนั้นก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากมาย
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่จะหายไปคนแรกหลังจากเข้ามาในเขตพื้นที่ศัตรูจะเป็นนิวรา
ในใจของโสธรรู้สึกไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ เขาเลือกเดินนำลิ่วๆเข้าไปข้างในแทน
เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของคนอื่น โสธรให้คนไปซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับของคนในท้องที่มาใส่ พร้อมให้มือถือและซิมกับทุกคนคนละเครื่อง ทว่าอินเทอร์เน็ตกลับจำกัดอยู่ในพื้นที่เท่านั้น
ถ้าอยากส่งข่าวก็ไม่สามารถทำได้ในชั่วคราว โสธรรู้แล้วว่าทำไมพวกบุริศร์เข้ามาในเขตพื้นที่ศัตรูแล้วถึงได้ขาดการติดต่อไปเลย
ท่ามกลางผู้คนมากมายจะไปหาพวกเขาเจอง่ายๆได้ยังไง?
อีกอย่างโสธรก็ไม่รู้ด้วยว่าพวกบุริศร์มาทำภารกิจอะไรที่นี่ เพราะนั่นคือความลับ การตามหาพวกเขาในสถานการณ์อย่างนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทรเลยสักนิด
ในตอนที่พวกของโสธรเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จ ก็เห็นทหารกลุ่มหนึ่งถือปีนวิ่งไปยังทางที่พวกเขาเดินเข้ามา
นิวรา!
โสธรพลันกำมือแน่น
คงเป็นเพราะคนพวกนี้ตรวจจับสัญญาณของพวกเขาได้แล้ว ถึงได้ตามสัญญาณไป
ทหารหลายคนขนาดนี้ แล้วแต่ละคนก็พกปืนพกกระสุนไปด้วย กลัวก็แต่นิวราจะถึงคราวซวยเสียแล้วสิ
“พวกนายไปหาเช่าห้อง แบ่งเช่าเป็นชุด อย่าอยู่รวมกันที่เดียว รองหัวหน้า นายรับผิดชอบเรื่องเลือกสถานที่ หาร้านเช่าในนามของนักธุรกิจ ให้เป็นจุดที่เอาไว้ติดต่อกัน”
“ครับ หัวหน้า แล้วคุณล่ะ?”
รองหัวหน้ามองมาที่โสธรอย่างกังวล
โสธรเอ่ยพูดเสียงต่ำว่า “ฉันจะไปดูนิวรา”
ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากช่วยเธอ!
แต่คำพูดนี้เขาจะไม่พูดมันออกมา เพราะเขารู้ว่าเมื่อใดที่เขาพูดออกมาอย่างนั้น ทุกคนก็จะตามเขาไปด้วย
เพราะความสัมพันธ์ของพวกพ้องอาณาจักรรัตติกาลหนาแน่นเป็นอย่างมาก
รองหัวหน้าเริ่มกังวล แต่ก็รู้ว่าโสธรพูดคำไหนเป็นคำนั้น เมื่อนึกถึงคำพูดที่นรมนพูดเอาไว้ก่อนเริ่มปฏิบัติการ เขาก็เอ่ยพูดเสียงเบาว่า “หัวหน้า คุณนายกำชับผมเอาไว้ว่าต้องดูแลความปลอดภัยของคุณให้ดี เพราะฉะนั้นแล้ว คุณห้ามทำให้ผมติดค้างคำฝากฝังของคุณนายเด็ดขาดเลยนะ”
โสธรนิ่งไปเล็กน้อย
นายหญิงพูดอย่างนี้จริงๆเหรอ?
เขายังพอมีความสำคัญในใจของเธออยู่ใช่ไหม?
หัวใจของเขาอุ่นวาบขึ้นมาเล็กน้อย สีหน้าของโสธรทอแววอ่อนโยน
“รู้แล้ว ไม่ต้องห่วง ฉันจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
รวมไปถึงนิวราด้วย!
โสธรพูดจบก็ก้าวเดินออกไป
รองหัวหน้าจึงทำได้แค่สั่งให้คนอื่นๆไประจำการตามแผน
โสธรตามทหารพวกนั้นมาถึงชายแดนแล้วซ่อนตัวอยู่ตรงนั้น จึงพบว่าพวกเขาเจอแค่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกทำลายทิ้งแล้วเท่านั้น
ทว่ากลับไม่เจอร่องรอยของนิวราเลย
ถูกจับไปแล้วเหรอ?
หรือว่าเกิดอะไรขึ้น
หัวใจของโสธรกระตุก ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยพูดอย่างฟึดฟัดว่า “ตรงนี้มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตั้งหลายอัน ต้องเป็นฝ่ายศัตรูแฝงตัวเข้ามาแน่ๆ! ส่งข่าวให้ส่วนกลาง ให้พวกเขาจับตาดูกล้องวงจรปิดอย่างใกล้ชิด ต้องหาร่องรอยของคนพวกนั้นให้เจอ!”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ หัวคิ้วของโสธรยิ่งผูกติดกันแน่น
ถ้าหากปล่อยให้พวกเขาสื่อสารกันสำเร็จ คนแปลกหน้าอย่างคนอาณาจักรรัติกาลต้องกลายเป็นจุดสนใจแน่ๆ พอถึงตอนนั้นคงปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ
ไม่ได้!
ต้องขัดขวางพวกเขา!
ในตอนที่โสธกำลังจะผุดตัวลุกขึ้น กลับถูกมือเล็กๆสองข้างดึงเอาไว้
“ใคร?”
เขาหันพรึบ เตรียมโจมตี แต่เมื่อเห็นว่าเป็นนิวราเขาก็นิ่งไปเล็กน้อย
“นิวรา!”
“ชู่ว——”
นิวรายกนิ้วชี้ขึ้นมาจ่อริมฝีปาก บ่งบอกให้เขาเงียบ จากนั้นก็ลากโสธรถอยหลังไปเงียบๆ แล้วถึงได้หยิบรีโมทออกมา ชี้ไปทางตำแหน่งของทหารพวกนั้นแล้วกดเบาๆ
เมื่อเสียง “ตู้ม” ดังขึ้นมา คนพวกนั้นก็ถูกระเบิดจนตัวปลิวว่อน พื้นดินพลันสั่นสะเทือนตามไปด้วย
โสธรรีบปิดหูให้นิวรา ทว่ากลับเห็นมุมปากของเธอยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
สายตาของเธอจดจ้องไปที่ทหารพวกนั้น พร้อมยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
นี่เธอจงใจใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล่อคนพวกนั้นออกมาเพื่อที่จะระเบิดทิ้งเหรอ?
ทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่กลัวว่าตัวเองจะกลับไปแบบอวัยวะไม่ครบสามสิบสองหรือไง?
หน้าอกของโสธรกระเพื่อมขึ้นลงด้วยไฟโทสะ กระชากนิวราพาหันหลังวิ่งกลับไป พร้อมกับต่อว่าขึ้นมาว่า “เธอแม่งบ้าไปแล้วเหรอ? เล่นใหญ่ขนาดนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?”