ผิดปกติมากแล้ว!
นรมนก็รู้สึกใจหายแวบ รีบจับหน้าผากบุริศร์ทันที
ร้อนมาก!
เขาถึงกับไข้ขึ้นสูงมาก!
เวลานี้ไข้ขึ้นสูงไม่ใช่เป็นเรื่องดีเท่าไหร่นัก
อีกทั้งสภาพร่างกายของบุริศร์ก็แข็งแรงสมบูรณ์มาโดยตลอด ทำไมถึงตัวร้อนขึ้นมาได้ล่ะ?
นรมนก็รีบตามหมอเข้ามาทันที จากนั้นก็เริ่มเช็กร่างกาย ตรวจเลือด แล้วลดไข้ให้กับบุริศร์
ระหว่างนี้บุริศร์ก็เหมือนไม่ได้รับรู้การเคลื่อนไหวจากภายนอกเลย นอนหลับสนิทจนน่าเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ติดเชื้อไวรัส คุณชายบุริศร์ติดเชื้อแล้ว”
หมอมองดูรายงานผลการตรวจเลือดที่ได้สรุปผลออกมาแล้ว
นรมนก็อึ้งไปทันที
“เป็นไปได้ยังไง? เขาเพิ่งจะกลับมาถึง อีกอย่างที่นี่ก็สามารถควบคุมการระบาดของเชื้อโรคแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ไม่รู้ว่านรมนกำลังถามหมอหรือว่าถามตัวเอง อีกอย่างเธอยังไม่ได้พูดออกมาว่า ในร่างกายของบุริศร์มีพิษกู่ทองคำอยู่ด้วย โดยทั่วไปแล้ว จะไม่มีเชื้อโรคอะไรสามารถเข้าสู้ร่างกายได้เลย พูดอย่างไม่น่าฟังก็คือ ต่อให้ทุกคนติดเชื้อกันจนหมด เขาอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้ แต่ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
คำถามนี้หมอก็ไม่สามารถตอบนรมนได้ ทำให้ทุกคนตอนนี้รู้สึกค่อนข้างว้าวุ่นแล้ว
ในเวลานี้เอง ข้างนอกก็มีเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามา
“คุณหมอครับ แย่แล้ว หัวหน้าวินเซนต์และพี่น้องหลายคนก็สลบไปไม่รู้สึกตัวเหมือนกัน ไข้ขึ้นสูงไม่ลดเลย”
“อะไรนะ?”
หมอก็รู้สึกแปลกใจ ส่วนนรมนก็ยิ่งรู้สึกช็อก
สองวันที่ผ่านมานี้ถึงแม้มีคนติดเชื้อไวรัสอยู่บ้าง แต่เพราะว่าสามารถช่วยได้ทัน ใช้ยาถูกขนาน ตอนนี้ก็สามารถควบคุมไว้ได้แล้ว บุริศร์และวินเซนต์พวกเขาติดเชื้อได้ยังไงกัน?
“รีบให้ยาก่อน ควบคุมสถานการณ์โรคไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เพิ่งจะสิ้นเสียงของนรมน ทันใดนั้นทหารที่มาแจ้งข่าวคนนั้นก็หันมามองนรมนแวบเดียว หลังจากนั้นก็รีบก้มหน้าลง แล้วพูดว่า “ผมรู้สึกว่าไม่ควรใช้ยาของคุณนายบุริศร์อีก”
“คุณหมายความว่ายังไง?”
นรมนฟังออกทันทีว่าคำพูดของอีกฝ่ายหนึ่งมีความหมายอื่นแอบแฝงอยู่
คนที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นก็หันไปมองทหารคนนั้นทันที
ทหารคนนี้หน้าตาก็ธรรมดา และไม่มีอะไรที่โดดเด่น ทำให้ไม่มีใครสามารถจำเขาได้ในทันทีทันใด มิหนำซ้ำนรมนยังไม่รู้เลยว่าเขาดูแลห้องผู้ป่วยห้องไหน
ฝ่ายตรงข้ามงอตัวลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพยายามอดทนต่อแรงกดดันอย่างหนัก แล้วพูดว่า “ผมตรวจดูแล้ว คนที่มีอาการป่วยต่างก็ได้กินบะหมี่ราดหน้าที่คุณนายบุริศร์ทำให้กับมือทั้งนั้น คนอื่นก็ไม่มีอาการป่วยแบบนี้เลย”
หลังจากพูดคำพูดนี้ออกมาแล้ว ดวงตาของนรมนก็หรี่ลงทันที
“บะหมี่ราดหน้าเหรอ?”
“ใช่ คุณนายบุริศร์ ต่อให้คุณฆ่าผมตอนนี้เลย ผมก็ยังจะต้องพูด คุณน่าจะมีปัญหาแล้ว”
คำพูดของทหารคนนี้ทำให้สายของนรมนเยือกเย็นยิ่งขึ้น
ถ้าหากพูดว่าบุริศร์เกิดเรื่องหลังจากที่ได้กินบะหมี่ราดหน้าไปแล้วละก็ เธอก็สามารถคิดสงสัยได้ว่าปัญหาอาจเกิดจากอาหารก็ได้ แต่ว่าบุริศร์ไม่ได้กินเลยแม้แต่นิดเดียว!
ตอนที่เธอเข้ามานั้นบุริศร์ก็ยังนอนหลับอยู่ไม่ใช่เหรอ?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทำไมบุริศร์จึงติดเชื้อได้ล่ะ?
ทันใดนั้นนรมนก็นึกถึงเงาร่างที่เดินเว็บผ่านไปก่อนหน้านั้นขึ้นมาทันที
“ใช่คุณหรือเปล่า?”
“คุณนายบุริศร์ คุณอย่าพูดซี้ซั้วนะ ผมเป็นแค่ฝ่ายสนับสนุน ไม่มีความสามารถและใจกล้าพอที่จะทำอย่างนี้ได้หรอก”
“ความหมายของคุณก็คือฉันก็มีความสามารถและใจกล้าพอที่จะทำอย่างนี้ใช่ไหม? งั้น จุดมุ่งหมายของฉันคืออะไรล่ะ? แม้แต่สามีฉันก็ต้องวางแผนทำร้ายเขาเพื่ออะไรกัน?”
นรมนรู้สึกโกรธมาก
เธอตั้งใจทำเพื่อคนพวกนี้ แต่ว่าสุดท้ายแล้วเป็นยังไงล่ะ?
พวกเขาถึงกับสงสัยในตัวเธอเหรอ?
นรมนพูดไม่ถูกว่าตอนนี้ในใจรู้สึกยังไง จะบอกว่าไม่รู้สึกน้อยใจเลยก็เป็นไปไม่ได้ แต่ว่ายังมีทหารอยู่ที่นี่มากมายขนาดนั้น เธอก็จะไม่ยอมให้คนที่อยู่ตรงหน้ามาใส่ร้ายป้ายสีเธอได้เป็นอันขาด
เธอมองดูหมอและคนรอบๆข้างแล้วถามว่า “พวกคุณก็คิดอย่างนี้ด้วยเหรอ?”
แต่ละคนต่างก็ก้มหน้าลง
ฮ่าๆๆ ธาตุแท้ของคนเรา~!
บุริศร์พูดไว้ไม่ผิดจริงๆ นี่เพิ่งจะผ่านไปแค่สองวันก็เกิดสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกล่ะ?
นรมนจู่ๆก็รู้สึกว่าการยืนหยัดของตัวเองเป็นเรื่องน่าขำไปเสียแล้ว
โดยเฉพาะที่ยืนหยัดทำเพื่อคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนตัวตลกคนหนึ่ง
ทหารคนนั้นมองดูนรมนแป๊บเดียว กัดฟันแล้วพูดว่า “ใครจะไปรู้ว่าคุณทำไมถึงต้องทำร้ายคุณชายบุริศร์ อาจไม่แน่คุณอยากจะได้ทรัพย์สมบัติของคุณชายบุริศร์ก็ได้ ได้ข่าวว่าคุณชายบุริศร์เป็นถึงมหาเศรษฐี ดูภายนอกแล้ว คุณกับคุณชายบุริศร์รักใคร่กันดี ความจริงแล้วก็คิดอยากจะให้คุณชายบุริศร์ตายอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ?”
สายตาของนรมนดูราวกับคมดาบที่พึ่งออกจากฝักด้ามหนึ่ง ทิ่มแทงลงไปยังคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างแรง
“ฉันวางแผนจะเอาสมบัติของเขาเหรอ? คุณรู้หรือเปล่า ตอนนี้คุณชายบุริศร์เป็นแค่ลูกจ้างของฉัน! ทรัพย์สมบัติทุกอย่างของเขา ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองหรืออสังหาริมทรัพย์ของเขาทั้งหมดได้โอนมาเป็นชื่อฉันตั้งนานแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่ประธานYS Groupแต่ในนามเท่านั้น ฉันต่างหากถึงจะเป็นเจ้าของบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมาย!”
คำพูดของนรมนที่พูดออกมานี้ ทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปหมด
เป็นไปได้ยังไง?
เป็นไปได้ยังไงที่ประธานบุริศร์จะโอนทรัพย์สมบัติของเขาทั้งหมดให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง?
เขาไม่กลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะถีบตัวส่งเหรอ?
ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตกใจอยู่นั้น นรมนก็โทรศัพท์ไปให้ทนายส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้เธอ สิ่งสำคัญที่สุดคือวันเวลาในการโอนทรัพย์สินพวกนั้น
ถึงกับเป็นเมื่อสามปีที่แล้ว!
เมื่อเธอแสดงเอกสารพวกนี้ออกมาให้ทุกคนเห็นตรงหน้าแล้ว ทุกคนที่นั่นต่างก็นิ่งเงียบกันหมด
มีบางคนรู้สึกเซอร์ไพรส์ มีบางคนรู้สึกเจ็บใจ และมีบางคนก็รู้สึกเลื่อมใส!
นรมนกลับดูเหมือนมองไม่เห็นความรู้สึกในสายตาของคนพวกนี้เลย สายตาที่เยือกเย็นของเธอทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันมาก
ทหารคนนั้นรู้สึกลุกลี้ลุกลน ยังไงเขาก็คิดไม่ถึงว่าคนอย่างบุริศร์ถึงกับใจถึงขนาดที่ยกสมบัติทั้งหมดให้กับผู้หญิงคนนี้
ตอนนี้จะทำยังไงดี?
เขาคิดจะฉวยโอกาสที่ทุกคนกำลังตื่นตกใจหนีออกไป แต่ราวกับว่าได้รับแรงกดดันที่บีบคั้นของนรมน จึงเงยหน้าขึ้นไปมอง ทันใดนั้นก็ไปสบสายตาที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งของนรมนพอดี
“ช่วยฉันจับคนคนนี้เอาไว้! แล้วสอบสวนให้แน่ชัดว่าเขาเป็นใคร? มาจากไหน? ทำไมถึงมาใส่ร้ายฉัน? แล้วก็เกิดอะไรขึ้นกับคนที่นอนสลบไสลอยู่กันแน่”
นรมนออกคำสั่งทีเดียว คนของอาณาจักรรัตติกาลก็รีบล้อมทหารคนนั้นไว้ทันที
“คุณจับผมไม่ได้นะ! คุณนึกว่าคุณเป็นใคร? นรมน คุณก็แค่เป็นแม่บ้านคนหนึ่งเท่านั้นแต่ผมเป็นทหาร!”
“คุณหุบปากได้แล้ว คำว่าทหารนี้ถูกคุณทำแปดเปื้อนไปหมดแล้ว คุณลองถามมโนธรรมในใจของคุณเองดูว่า คุณรู้สึกผิดต่อคำนี้หรือไม่? ผิดต่อชุดทหารที่คุณใส่อยู่หรือไม่?”
ถึงแม้ว่านรมนยังไม่เคยทำหน้าที่ภรรยาทหารอย่างจริงจังก็ตาม แต่ว่าเธอรู้ว่าอาชีพที่เป็นที่รักของบุริศร์ไม่สมควรที่จะไปลบหลู่เด็ดขาด
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้กำลังยุแยงตะแคงรั่ว ทำให้ผู้คนในโรงพยาบาลสนามจิตใจสั่นคลอน
คำพูดของนรมนทำให้ทหารคนนั้นรู้สึกผิดเล็กน้อย คนของอาณาจักรรัตติกาลจึงถือโอกาสนี้เข้าไปจับกุมตัวเขาเอาไว้ได้
“ปล่อยผม! ปล่อยผม! นรมน คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับผม! ต่อให้ผมทำผิดจริงก็ควรจะให้ศาลทหารเป็นคนตัดสินลงโทษผม คุณคิดว่าคุณเป็นใคร?”
ทหารคนนั้นตะโกนโวยวาย แต่กลับถูกคนของอาณาจักรรัตติกาลปิดปากไว้แล้วลากตัวออกไป
ทั้งหมอและคนอื่นที่เหลือต่างก็มองหน้ากันและกัน เงียบสงบลงทันที
นรมนเข้าใจดีว่า ตอนนี้พวกเขากำลังสงสัยเธออยู่ คำพูดของทหารคนนั้นย่อมต้องมีผลกระทบต่อคนพวกนี้ไม่มากก็น้อย
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงขึ้นได้ว่าบะหมี่ราดหน้าชามนั้นบุริศร์ไม่ได้กินเลย แต่ให้กับลูกน้องคนอื่นไปกินแล้ว ในจำนวนคนที่มีอาการป่วยพวกนั้นไม่มีคนคนนี้อยู่เลย!
แต่ว่า หน้าตาของคนคนนั้นเป็นยังไงล่ะ?
นรมนถึงกับนึกไม่ออกในเวลานี้