พายุอาศัยจังหวะที่สมจิตกับฟองน้ำกำลังคุยกัน แกะระเบิดที่อยู่กับตัวของสมจิตออกอย่างเงียบๆ
สำหรับลูกสาวคนนี้ พายุทั้งรู้สึกผิดและสงสาร โดยเฉพาะตอนที่ได้รู้ว่าสมจิตต้องแบกรับทุกอย่างหลังจากถูกทิ้ง ในใจของเขาก็ไม่มีความสุขเลยแม้แต่วินาทีเดียว
หรือนี่คือบทลงโทษของเขา ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากพาลูกหนีออกไปให้ไกลจากครอบครัวแบบนี้ ต่อให้ต้องทนทุกข์ทนลำบากเท่าไหร่เขาก็จะไม่ให้ลูกสาวต้องมาแบกรับทุกอย่างแบบนี้
เมื่อเห็นความเสียใจในแววตาของสมจิต พายุก็เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “สมจิต แกอยากทำอะไรก็ทำเถอะ พ่อสนับสนุนแก”
ร่างกายของสมจิตชะงักเล็กน้อย
เธอรู้สึกได้ถึงความหวังดีที่พ่อมีต่อเธอ รู้สึกได้ถึงความรู้สึกผิดและความทะนุถนอมที่แม่มีต่อเธอ แต่เธอจะอ่อนไหวและใจอ่อนไม่ได้
ไม่ว่าพวกเขาทำอะไร ก็ไม่สามารถปกปิดความจริงที่ว่ามือของพวกเขาเปื้อนไปด้วยเลือด
ดังนั้นสมจิตจึงไม่หันไปมองพายุ
เธอกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน
เมื่อพายุเห็นท่าทางแข็งกร้าวเย็นชาของลูกสาว ก็อดที่จะรู้สึกเศร้าไม่ได้
“แกออกไปเถอะ ฉันจะคุยกับปู่และน้าของแกเอง ไม่ต้องห่วง ที่ตระกูลเราติดค้างประเทศพวกฉันจะหาวิธีชดใช้ให้แน่ๆ”
“เธอจะไปไหนไม่ได้!พี่ ถ้าเธอออกไปตระกูลนนท์สัจทัศน์ของเราได้จบเห่แน่ๆ!”
ฟองน้ำร้อนรุ่มขึ้นมาในทันที
พายุกลับมองมานิ่งๆ น่าเกรงขามเหมือนตอนที่ยังเป็นคุณชายตระกูลนนท์สัจทัศน์
“พาตัวสมจิตออกไป”
คำพูดของพายุถูกพูดออกไปได้ไม่ทันไร ก็มีคนเดินมาจากข้างนอก ล้อมทั้งห้องเอาไว้
สีหน้าของจรัลย่ำแย่จนดูน่ากลัว
“แกบ้าหรือไง? นี่แกถึงกับใช้กำลังคนของตัวเองสร้างความร้าวฉานเหรอ?”
“พาลูกฉันออกไป!”
หน้าของพายุซีดขาวจนดูแทบไม่ได้
สมจิตนิ่งไปในทันที
“พ่อ…..”
“ออกไปเถอะ แม่แกอยู่ข้างนอก ช่วงนี้สุขภาพร่างกายของเธอไม่ค่อยดี แกช่วยไปดูแลเธอหน่อย”
พายุมอบความอบอุ่นที่มีให้ลูกสาวเท่าที่จะทำได้
ทันใดนั้นสมจิตก็พบว่าระเบิดบนตัวไปอยู่ในมือของพายุเสียแล้ว
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เธอเองก็ถือได้ว่าระวังตัวเก่ง แต่ทำไมถึงไม่สังเกตเห็นการกระทำของพายุ
จู่ๆสมจิตก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกใจไม่ดีขนาดนี้ แต่ว่าในตอนที่เธอกำลังจะแย่งระเบิดกลับมาพายุกลับขยับตัวหลบ
“อย่าซน เป็นเด็กเป็นเล็กเล่นของแบบนี้ มันอันตรายรู้ไหม”
พายุยังคงหัวเราะออกมา จู่ๆสมจิตก็เริ่มรู้สึกแสบตา
“พ่อ พ่อจะทำอะไร?”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกเขาว่าพ่อด้วยใจจริง
แค่นี้พายุก็รู้สึกเหมือนได้เติมเต็มชีวิตแล้วล่ะ
“ฉันจะไปทำอะไรได้? ไม่ทำอะไรหรอกน่า แกรีบออกไปเถอะ”
สมจิตถูกคนกระชากออกไป
ชั่วขณะนั้นน้ำตาของเธอพลันไหลออกมา
เมื่อจันทราเห็นลูกสาว ก็รีบเดินเข้าไปกอด
“ยัยเด็กโง่อยากให้แม่ขาดใจตายหรือไง? มาให้แม่ดูซิเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ช่วงนี้ มีแต่คนไอคนเป็นหวัด ถ้าแกไม่มีธุระอะไรก็อย่าออกไปไหนมาไหนเลย เดี๋ยวมันจะติดเชื้อเอา ฉันได้ยินมาว่าครั้งนี้รุนแรงเอาการ”
จันทราบ่นยาวออกมาเป็นชุด
สมจิตรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่รู้ว่านี่ไม่ใช่แค่หวัดธรรมดา
แต่เธอให้พายุกับจันทรากินยาแก้แล้วล่ะ
“แม่ พ่อเขา…..”
“มันเป็นเรื่องที่พวกผู้ชายเขาต้องทำกัน ผู้หญิงอย่างเราอย่าเข้าไปยุ่งเลย ไป แม่ทำกับข้าวอร่อยๆไว้ให้แกด้วย รอให้แกไปชิม”
จันทราจูงมือสมจิตเดินไปด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยแววใจดี
จริงๆแล้วสมจิตไม่อยากไป แต่พอนึกถึงบาดแผลเหล่านั้นบนตัวของจันทรา ก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้
ทางคุณนายก็ยังไม่ได้ส่งคนมา คงเพราะน่าจะยังไม่ถึงเวลาล่ะมั้ง
ช่างเถอะ เธอไปทานข้าวกับแม่ก่อนก็แล้วกัน ทานเสร็จก็คงได้เวลาบอกลาของพวกเขาแล้วล่ะ
จริงๆแล้วในใจของสมจิตรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก
เพราะถึงยังไง คนตรงหน้าก็คือคนที่ให้กำเนิดเธอ คนที่ให้ชีวิตเธอ หลายปีที่สูญเสียเธอไปอีกฝ่ายก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนถึงขั้นเกือบฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง
ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลนนท์สัจทัศน์ทำความผิดบาปเอาไว้มาก เธอก็คงได้ใช้ชีวิตอยู่ตามประสาแม่ลูกกับจันทราแล้ว
สมจิตรู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก เธอหันไปมองบ้านอีกครั้ง แล้วจึงพาจันทราเดินจากไป
หลังจากที่ลูกสาวออกไปแล้วพายุก็ตีหน้าขรึม
จรัลไม่คาดคิดเลยว่าจะมีวันที่ตัวเองถูกลูกชายควบคุม ด้านฟองน้ำยิ่งคาดคิดไม่ถึงว่าการที่พี่ชายทำตัวไม่สนโลกตลอดหลายปีมานี้ จะมีความสามารถถึงขั้นควบคุมผู้เป็นเสาหลักของตระกูลนนท์สัจทัศน์ได้
“พี่ใหญ่ พี่คิดจะทำอะไร? เพื่อลูกสาวเพียงแค่คนเดียวถึงกับยอมให้ฉันกับพ่อเดือดร้อนเลยเหรอ?”
“เดือดร้อน? ใครจะไปเดือดร้อนเท่าลูกสาวของฉัน?”
พายุมองมาที่ฟองน้ำ จากนั้นก็หันไปแสยะยิ้มให้จรัล “นั่นลูกสาวของผม ตอนที่เพิ่งเกิดใหม่ตัวเล็กแค่ไหนพวกพ่อยังจำได้ไหม? ตอนที่เสียสมจิตไป คนที่เสียใจมีแต่ผมกับภรรยา ส่วนพ่อกับน้องก็เอาแต่วิ่งตามคติอันยิ่งใหญ่ของปู่อยู่นั่นแหละ ไม่สนใจความรู้สึกของผมกับภรรยาเลยสักนิด สำหรับพวกพ่อแล้ว ก็เหมือนแค่สูญเสียเด็กคนหนึ่งไป แต่สำหรับพวกผม มันเหมือนโลกทั้งโลกพังทลาย แต่ว่าตอนนี้สมจิตกลับมาแล้ว พวกพ่อนอกจากจะดีใจอยู่แค่ชั่วครู่แล้วยังรู้สึกอะไรอีกไหม? สงสัย หรือว่าระแวง”
พูดมาถึงตรงนี้ พายุก็ยิ่งแสยะยิ้มเย็นออกมา
“มีแต่คนบอกว่าตระกูลนนท์สัจทัศน์ใจดำอำมหิต แต่ก่อนผมไม่เคยรู้สึกอย่างนั้น ผมคิดว่าคนในตระกูลนนท์สัจทัศน์รักใคร่กลมเกลียวกัน ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็จะเผชิญมันไปด้วยกัน แต่ว่าทำไมพวกผมถึงสูญเสียลูกสาวไปล่ะ คนที่เสียใจทำไมต้องมีแต่พวกผม? คติในใจของพวกพ่อมันสำคัญกว่าผมและลูกสาวของผมมากใช่ไหม?”
“พายุ ตอนนี้แกเริ่มไปกันใหญ่แล้ว อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องที่สมจิตถูกยศพงศ์รับไปเลี้ยงเลย เอาแค่เรื่องที่เธอไม่ได้เติบโตอยู่ในตระกูลนนท์สัจทัศน์ ก็อธิบายได้แล้วว่าใจของเธอไม่ได้อยู่ที่ตระกูลนนท์สัจทัศน์ตั้งแต่แรก”
“แล้วยังไง? แม้แต่ปกป้องเธอตระกูลนนท์สัจทัศน์ยังทำไม่ได้ แล้วคิดว่าเธอจะให้ใจเราได้ยังไง?”
พายุเอ่ยตัดบทจรัล
“พี่ใหญ่ พี่จะเอายังไงกับพวกฉันกันแน่?”
ฟองน้ำไม่ได้คิดเหมือนกันกับจรัล ในตอนนี้เธออยากรู้แค่ว่าที่พี่ใหญ่ให้คนมาล้อมพวกเธอเอาไว้อย่างนี้เพื่ออะไรกันแน่ แถมในมือของเขายังถือระเบิดอยู่อีกด้วย
พายุมองมาที่ฟองน้ำ
แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่ก็เป็นคนนิ่งๆและเลือดเย็นมาตลอด ไม่อย่างนั้นคงไม่ประสบความสำเร็จเหมือนอย่างทุกวันนี้หรอก
แต่น่าเสียดาย เธอไม่น่ามาทำให้ลูกสาวของเขาลำบากใจเลย
อะไรคือถูกผิด ในสายตาของพายุเขาไม่ได้มองว่ามันสำคัญ คำพูดที่สมจิตพูดมา เขาก็ฟังไม่เข้าใจหรอก แค่เขารู้ว่าลูกสาวต้องเจ็บปวด เขาก็ไม่สบายใจแล้ว ไม่ว่าสิ่งไหนที่ลูกสาวต้องการเขาก็จะเป็นคนทำมันให้เธอแทน
ตอนนี้ไม่มีใครสำคัญสู้ลูกสาวของเขาได้
ขอแค่สมจิตมีความสุข ต่อให้ต้องสละชีวิตนี้เขาก็ยอม
เมื่อมองมาที่ฟองน้ำ ในหัวของพายุก็นึกย้อนไปถึงทุกอย่างในอดีต ในตอนนั้นพวกเขายังเป็นพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกัน แต่กลับเทียบกับช่วงสองสามวันที่สมจิตมาอยู่ข้างกายไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
จู่ๆพายุก็หัวเราะออกแล้วพูดว่า “จริงๆแล้วครอบครัวเราก็อยู่ด้วยกันมานานหลายปี แล้วถ้าตายไปด้วยกันจะดีขนาดไหนนะว่าไหม?