“คุณนายครับ ประธานบุริศร์ฟื้นแล้ว”
คนที่วิ่งมาค่อนข้างกระหืดกระหอบ แต่นรมนไม่สนใจแล้ว เธอรีบยืดตัวขึ้นวิ่งไปทางห้องของบุริศร์ทันที
คนด้านในชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนี้ กิมจิก็ชะงักไปด้วย
ที่แท้นรมนเข้ามาแล้วเหรอ?
ที่แท้เธอก็ไม่ได้ไม่ใส่ใจสินะ!
นึกถึงตรงนี้ แววตาของกิมจิจึงเศร้าหมอง
“พวกนายไม่คู่ควรที่จะเป็นคนของอาณาจักรรัตติกาลเลย ถ้าอาณาจักรรัตติกาลโดนยุบตัวลงเพราะพวกนาย พวกนายคงจะดีใจมากสินะ?”
“ไม่นะ หัวหน้ากิมจิ! อย่ายุบอาณาจักรรัตติกาลนะ เบื้องบนบอกไว้แล้ว แค่นรมนกับบุริศร์ยอมอยู่ใต้อำนาจ พวกเขาจะรวมอาณาจักรรัตติกาลเข้าไปด้วย ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะไม่ได้เป็นองค์กรเอกชนเพียงลำพังแล้ว”
ได้ยินกิมจิพูดอย่างนี้อนณก็ร้อนรนขึ้นมา
แต่กิมจิกลับยิ้มเยาะพูดขึ้น: “คำพูดนี้พวกนายก็เชื่องั้นเหรอ? สถานะของพวกนายคืออะไรไม่รู้หรือไง? รวมเข้าไปงั้นเหรอ? พวกนายคู่ควรใช่ไหม? ถ้าพวกนายเข้าไปในเขตทหารได้จัดสรรตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แล้วคนที่มีภูมิหลังใสสะอาดพวกนั้นคืออะไรล่ะ?”
พูดจบกิมจิก็ขี้เกียจจะพูดอะไรกับพวกเขาแล้ว เขาโบกๆมือพูดขึ้น: “ปล่อยพวกเขาไป เตรียมรถคันหนึ่งส่งพวกเขาออกไปเดี๋ยวนี้ โรงพยาบาลในเขตสงครามเป็นกองบัญชาการของพวกเรา ตอนนี้ไล่พวกเขาออกไป คงมีอนาคตอันสดใสรอพวกเขาอยู่แน่นอน นั่นเป็นสิ่งที่อาณาจักรรัตติกาลของพวกเราให้ไม่ได้”
หลังจากกิมจิออกคำสั่ง คนพวกนี้ต่างก็งงงัน
ไม่นึกว่าจะไม่ลงโทษพวกเขา?
อนณกำลังมองกิมจิ พูดขึ้นอย่างลังเลเล็กน้อย: “หัวหน้ากิมจิ คุณอย่าตำหนิพวกผมเลย จริงๆในใจของพวกผมคุณก็คือหัวหน้ากิมจิของพวกเราตลอดไป แค่คุณยินยอม พวกผมสามารถบอกเบื้องบน ให้พวกเขายอมรับคุณ ถึงยังไงคุณก็เป็นคนที่มีความสามารถ ถึงตอนนั้นสหายของพวกเรายังคงได้อยู่ด้วยกัน”
“อย่าเลย ฉันกลัวว่าฉันตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วจะนอนไม่หลับน่ะสิ”
กิมจิปฏิเสธทันที
ตามคำสั่งของกิมจิ คนพวกนั้นจึงโดนโยนออกไป
พวกเขาคิดว่าออกจากโรงพยาบาลเขตสงครามแล้วคนของเบื้องบนก็จะมารับกลับไป แต่พวกเขาคิดผิดแล้ว
ตอนที่นรมนรู้ว่าพวกเขาโดนโยนออกไปก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ราวกับไม่สนใจว่าพวกเขาจะเป็นตายร้ายดียังไง
บุริศร์ยังอ่อนกำลังอยู่เล็กน้อย เธอจึงป้อนข้าวเขาด้วยตัวเอง เล่าเรื่องหลังจากที่เขาหมดสติให้เขาฟังคร่าวๆ
“พวกนั้นมันน่า……”
เวลานี้ไม่นึกว่าบุริศร์จะหาคำที่เหมาะสมพูดออกมาไม่ได้
เขามองใบหน้าที่สุขุมของนรมน อดไม่ได้ที่จะปวดใจ
“ถ้าคุณเสียใจ……”
“ฉันไม่เสียใจ แค่คุณสบายดี ครอบครัวของเราสบายดี เรื่องอื่นๆจะเป็นยังไงก็ได้ ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากรู้ที่สุดก็คือคนๆนั้นใช่ธเนศพลหรือเปล่า”
นรมนจดจ้องบุริศร์ เธอถึงขั้นอยากถามว่า ถ้าเป็นธเนศพลจริงๆ บุริศร์จะทำยังไง?
แต่ประโยคท้ายเธอไม่ได้ถามออกมา เธออยากให้เวลาบุริศร์ปรับตัว
แต่บุริศร์กลับเอ่ยปากขึ้นทันที
“ไม่ใช่ธเนศพล! ธเนศพลไม่ทำเรื่องประเภทนี้ออกมาหรอก”
นรมนหรี่ตาลงเล็กน้อย พูดขึ้นเบาๆ: “บางครั้งคุณอาจจะให้ความสำคัญกับมิตรภาพเกินไปนะ”
“นั่นเพราะคุณไม่เข้าใจธเนศพล ถ้าเป็นเขาที่ทำจริงๆ เขาจะไม่ให้โอกาสนี้แก่คุณเด็ดขาด เป็นไปได้ว่าคงเริ่มบีบบังคับพวกเราให้อยู่ใต้อำนาจในทันทีแน่ๆ”
บุริศร์ยิ้ม จับมือนรมนเอาไว้แน่นพูดขึ้น: “ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงผม แต่คุณวางใจเถอะ ไม่ว่าตอนไหน ความปลอดภัยของคุณกับลูกๆจะมาเป็นอันดับแรกเสมอ แล้วก็จะทำให้ครอบครัวของเราหมดห่วงสบายใจได้”
“คุณคิดได้อย่างนี้ก็ดีที่สุดแล้ว”
นรมนคลายกังวล ป้อนบุริศร์ทีละคำๆ ราวกับลืมไปแล้วว่าข้างกายยังมีกิมจิอยู่อีกคน
จู่ๆกิมจิก็รู้สึกเหมือนโดนยัดอาหารหมาเข้ามาเต็มๆ
เขาควรจะหาแฟนได้แล้วใช่ไหม?
ไม่งั้นทั้งวันคงมีอาหารหมายัดเข้ามาจนอิ่มแน่ๆ
“แค่กๆ ประธานบุริศร์ คุณนาย ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“กิมจิ”
แต่บุริศร์กลับเรียกกิมจิเอาไว้
“ประธานบุริศร์มีเรื่องจะกำชับเหรอครับ?”
“ลำบากนายแล้วนะ”
บุริศร์ยิ้มบางๆ กลับทำให้กิมจิค่อนข้างประหลาดใจ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาต้องไม่เชื่อแน่ๆว่าบุริศร์จะอ่อนโยนเช่นนี้ แต่ตอนนี้เนื่องจากตนเองคอยปกป้องนรมนในช่วงที่เขาไม่ได้สติ ถึงได้รับสีหน้าดีๆของบุริศร์ขึ้นมา ก็ไม่ง่ายเลยจริงๆนะ
กิมจิลูบๆหัว ยิ้มเบิกบานพูดขึ้น: “ไม่ลำบากครับ เป็นผมเองที่ไม่สั่งสอนพวกเขาให้ดี”
“ไม่เกี่ยวกับนายหรอก นี่เป็นธรรมชาติของคนเรา แต่ละคนต่างก็มีทางเลือกของตัวเอง พวกเขาก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองเลือก”
ตอนที่บุริศร์พูดคำนี้ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนแวบขึ้นมาแล้วหายไป
มือของนรมนชะงัก แต่กลับไม่ได้พูดอะไร
กิมจิถอนหายใจ พูดขึ้น: “นี่เป็นชีวิตของพวกเขา ผมขอตัวก่อนนะครับ”
พูดจบเขาก็ดุนรถเข็นออกไป
นรมนมองบุริศร์ พูดขึ้น: “พวกเขาจะตายไหม?”
“ตาย!”
น้ำเสียงที่แน่วแน่ของบุริศร์ทำให้นรมนคิดถึงอะไรบางอย่าง
“คุณรู้ว่าเป็นใครใช่ไหม?”
“พอจะเดาได้”
ร่างกายของบุริศร์ยังอ่อนล้าอยู่บ้าง แต่ทว่าไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง อีกฝ่ายไม่ได้ทำเพื่อควบคุมเขา แต่เพื่อถือโอกาสที่เขาหมดสติสร้างความลำบากให้นรมนก็เท่านั้น
ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่ในใจของบุริศร์ยังคงไม่สบายใจ
นรมนค่อนข้างประหลาดใจ
“ใคร?”
“คุณท่านขวัญชัย”
บุริศร์พูดนิ่งๆ “ผมเป็นพ่อคน จึงพอจะเข้าใจความรู้สึกในตอนนี้ของคุณท่านขวัญชัยได้มากที่สุด เขาอยากส่งต่อตำแหน่งให้แก่ธเนศพล แน่นอนว่าก็เพื่อสร้างอิทธิพลมากมายเอาไว้ให้ธเนศพล แรกเริ่มผมกับธเนศพลเป็นเพื่อนสนิทกัน เดิมทีเขาจึงไม่ได้ครุ่นคิดถึงจุดยืนของผม ผมคิดว่าเป็นเพราะผมย้ายทรัพย์สินของผมไปที่ต่างประเทศ แล้วยังเป็นประเทศFอีก คุณท่านขวัญชัยจึงลนลานขึ้นมา ถึงยังไงวงศ์ตระกูลของผมก็มากมายขนาดนั้น ถ้าให้ราเชนทั้งหมด สนับสนุนประเทศF สำหรับประเทศZแล้วไม่ถือว่าเป็นเรื่องดี ดังนั้นเขาจึงต้องการให้ผมอยู่ใต้อำนาจ ส่วนอาณาจักรรัตติกาลในมือของคุณเขารู้อยู่แล้ว ดังนั้นต้องหาโอกาสกำจัดทิ้งแน่ๆ เพราะสถานะของคุณตอนนี้ไม่เพียงแต่เป็นภรรยาของบุริศร์ คุณยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของราเชนอีกด้วย เป็นถึงองค์หญิงของประเทศF”
นรมนขมวดคิ้วแน่น
“พวกเราไม่เคยคิดจะทำอะไรธเนศพลเลยนะ”
“ไม่ควรประมาทไว้ใจคนอื่นไง เขาแค่อยากจะปูทางให้ธเนศพลก็เท่านั้น”
“นั่นก็ไม่ควรทำอย่างนี้กับพวกเรานะ! นี่คืออะไร? อีกอย่างแค่ฉันคิดว่ากานต์เป็นลูกน้องของธเนศพล ฉันก็ไม่สบายใจสุดๆเลย ไม่ได้! ฉันจะให้กานต์กลับมา ถ้าเขาชอบที่จะเป็นทหาร ฉันจะให้พี่ส่งเขาเข้าไปในค่ายทหารของประเทศF ใช่ว่าพวกเราจะไม่มีเส้นสายนี่นา”
นรมนพูดๆแล้วลุกขึ้น แต่กลับโดนบุริศร์ดึงเอาไว้
“อารมณ์ของคุณตอนนี้ฉุนเฉียวขึ้นเรื่อยๆเลยนะ กานต์อยู่กับธเนศพลที่นั่นไม่เป็นไรหรอก คุณไม่ต้องกังวล อีกอย่างเรื่องนี้ธเนศพลก็ไม่ได้เป็นคนทำ คุณเชื่อมโยงไปถึงคนอื่นด้วยนี่นา”
“อะไรที่เรียกว่าเชื่อมโยงไปถึงคนอื่น? พวกเขาเป็นพ่อลูกกัน! อีกทั้งธเนศพลก็กำลังจะได้นั่งตำแหน่งนั้น ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะไม่รู้อะไรจริงๆ!”
นรมนโมโหมาก!
โมโหสุดๆ!
แค่นึกถึงตนเองที่โดนบีบคออย่างนี้ก็รู้สึกเกลียดชังเหลือเกิน
ตอนนี้เอง ที่ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าลอยเข้ามา