ตอนที่ธเนศพลมาถึงก็รู้ว่าบรรยากาศของที่นี่ค่อนข้างน่าอึดอัด แต่เพราะเขามากลับทำให้พวกพฤกษ์รู้สึกตื่นเต้น
“คุณชายธเนศพล คุณมาได้ยังไง? ตอนนี้ที่ด้านนี้เป็นพื้นที่กักตัว คุณไม่ควรมานะครับ!”
ด้วยการดูแลของพวกกิจจาสุขภาพของพฤกษ์ก็ดีขึ้นมากแล้ว
ธเนศพลซาบซึ้งใจ หลายครั้งที่ซึ้งใจมักจะเป็นเหตุการณ์ที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน แม้จะเย็นชาอยู่เสมอ แต่ภายใต้สถานการณ์เฉพาะช่วงเวลาเฉพาะบางอย่าง ความซาบซึ้งใจก็หมดหนทางที่จะควบคุมได้
“สุขภาพนายดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
ธเนศพลประคองพฤกษ์เอาไว้
“ดีขึ้นเยอะแล้ว ขอบคุณคุณชายธเนศพลที่ใส่ใจนะครับ”
คมทิพย์เข้ามาเห็นใบหน้าที่ตื่นเต้นของพฤกษ์กำลังมองธเนศพลอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
เธอจนปัญญาที่จะเข้าใจความรู้สึกของทหารคนหนึ่งที่ได้เจอเจ้านายหลังจากที่ผ่านความเป็นความตายมา แต่ความรู้สึกอย่างนี้ก็ทำให้เธอค่อนข้างอึดอัดใจ โดยเฉพาะเมื่อกี้ที่นรมนโทรมาหากานต์ ส่วนเธอที่อยู่ข้างๆก็แอบฟังจนได้ยินอะไรมาบ้าง ตอนนี้จึงไม่มีสีหน้าดีๆให้กับธเนศพลสักเท่าไหร่
“ฉันว่าแผลนายหายแล้วก็เลยลืมความเจ็บปวดสินะ ก็ไม่เห็นว่าตัวเองบาดเจ็บจนมีสภาพยังไง ที่ลุกขึ้นมานี่อยากตายใช่ไหม? ฉันบอกนายไว้เลยนะ ถ้านายฟื้นตัวได้ไม่ดี ฉันจะพาลูกชายไปแต่งงานกับคนอื่น”
พูดออกไปอย่างนี้ ใบหน้าของพฤกษ์จึงค่อนข้างลำบากใจและทำตัวไม่ถูก
ธเนศพลเป็นใครล่ะ ต้องฟังความไม่พอใจและความต่อต้านในคำพูดของคมทิพย์ออกอยู่แล้ว
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะมองคมทิพย์
ถ้าไม่ใช่พฤกษ์ ธเนศพลก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับคมทิพย์อยู่แล้ว แต่นึกถึงตัวตนของพฤกษ์ในตอนนี้ นึกถึงความทุ่มเทของคมทิพย์ นึกถึงความสัมพันธ์ของคมทิพย์กับนรมน เขาก็ทำได้เพียงกลืนท่าทีนี้ลงไปเท่านั้น
จนปัญญาจริงๆ ตาเฒ่าหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ เขาในฐานะที่เป็นลูกชายก็ทำได้เพียงตามล้างตามเช็ดให้เขาน่ะสิ
“ใช่ นายพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ ฉันไปหากานต์กับกิจจาแล้ว”
ธเนศพลตบบ่าของพฤกษ์
พฤกษ์รู้สึกไม่ดี ทว่าก็พูดอะไรกับคมทิพย์ไม่ได้ เพียงแต่หลังจากธเนศพลออกไปจึงพูดขึ้นอย่างเอาอกเอาใจ: “ยังไงเขาก็เป็นถึงคุณชายธเนศพลนะ คุณไม่ไว้หน้าเขาขนาดนี้ไม่กลัวผู้ชายของคุณโดนข่มเหงในอนาคตเหรอ?”
“นายโดนข่มเหงงั้นเหรอ? ถ้าไม่ไหวจริงๆอาชีพทหารนี้ไม่ต้องทำแล้ว กลับไปติดตามบุริศร์นายก็หาเงินได้ไม่น้อย ฉันกับลูกจะได้หวาดผวาน้อยลงด้วย ก็ไม่รู้ว่าคุณปล่อยวันเวลาที่สุขสบายทิ้งไป เพื่อวิ่งมาที่สนามรบต่างประเทศทำไมกัน?”
เสียงของคมทิพย์ไม่เบาเลย ธเนศพลจึงได้ยินอย่างชัดเจน
เขารู้ว่าถ้าปลอบขวัญคนพวกนี้ไม่ดี ความพยายามของตนเองในหลายปีอาจจะเปล่าประโยชน์ไปจริงๆก็ได้
ตำแหน่งนั้นแต่ก่อนเขาไม่เคยใส่ใจเลย แต่ตอนนี้บนร่างกายแบกรับหลายสิ่งมากเกินไป ถ้าไม่ได้ขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งนั้น ความเป็นความตายของครอบครัวไม่รู้ว่าจะสามารถควบคุมเอาไว้ได้หรือเปล่า
แทนที่จะบอกว่าพวกบุริศร์ต้องการเขาเป็นคนหนุนหลัง สู้บอกว่าธเนศพลต้องการความช่วยเหลือจากบุริศร์ดีกว่า
ในที่สุดเขาก็ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตนเองไม่ต้องการ
ตอนที่กานต์เห็นธเนศพลเขากำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่ในคอมพิวเตอร์ เห็นธเนศพลมาก็ไม่ได้ลุกขึ้น สำหรับธเนศพลคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
บางครั้งเขาถึงกับรู้สึกว่าแค่มีกานต์อยู่ตรงหน้าตนเองก็ถือว่าได้ใช้ชีวิตของตัวเองจริงๆ
“เป็นไงบ้าง? ช่วงนี้ที่ด้านนี้เหนื่อยไหม?”
“พอไหว”
กานต์กำลังจดจ่ออยู่กับการทำงาน ระบบรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ในช่วงนี้ทำงานได้ไม่เต็มที่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเพิ่มกำลังคนหรือเป็นอะไร สรุปแล้วก็ค่อนข้างทำให้เป็นปัญหา
ธเนศพลส่งน้ำร้อนที่อยู่ด้านข้างไปให้เขา กานต์แค่จิบจากมือของธเนศพล แล้วพูดขึ้น: “ถ้าคุณจะพาผมไปด้วย ก็ต้องให้ชมพูเข้ามาจัดการ ไม่งั้นระบบรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ที่ด้านนี้คงอยู่ต่อไปไม่ได้แน่ๆ อีกฝ่ายค่อนข้างรับมือยาก นอกจากชมพูแล้วผมไม่รู้ว่าจะมีใครที่มีความสามารถมาควบคุมที่นี่ได้อีก”
ตอนที่พูดถึงตรงนี้ ธเนศพลก็ชะงักเล็กน้อย
เขารู้ได้ยังไงว่าตนเองจะมาพาเขาไป?
นึกถึงนรมนกับบุริศร์ เขาก็พอเข้าใจได้
เพื่อนที่สนิทกันมานาน ก็มีแค่บุริศร์ที่เข้าใจเขาที่สุดแล้ว
เพียงแต่ให้ชมพูมาที่นี่จะดีจริงๆใช่ไหม?
แม้กานต์จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แต่ก็เข้าใจความกังวลของธเนศพลดี เขาพูดขึ้นเรียบๆ: “สบายใจเถอะ ที่ด้านนี้ไม่มีปัญหา แค่ต้องกักตัวเพื่อความปลอดภัยสิบสี่วันเท่านั้น ผมรู้ดีว่าภายในประเทศกระจายข่าวกันยังไง ถ้าคุณกังวลใจจริงๆก็ให้จิ้งจอกเงินมา แต่ทว่าจิ้งจอกเงินเหมือนจะเป็นคนของสหภาพQT อาวินเซนต์คิดยังไงผมไม่รู้ด้วยนะ”
มุมปากของธเนศพลยกขึ้นเล็กน้อย
“แด๊ดดี้นายขู่ฉัน นายก็ขู่ฉัน อย่างนี้ดีจริงๆใช่ไหม? อีกอย่างความหมายของคุณท่านก็คือมอบอาณาจักรรัตติกาลให้นาย นายเป็นอย่างนี้ต่อไปฉันจะควบคุมนายให้ได้เลย”
กานต์แสดงไหวพริบออกมาเล็กน้อย เลิ่กคิ้วขึ้น
“คุณอยากจะควบคุมผมงั้นเหรอ?”
“อ่าฮะ ทำไมล่ะ? ฉันเป็นบอสของนาย ฉัน……”
“บนโลกนี้มีแค่ภรรยาในอนาคตของผมเท่านั้นแหละที่จะควบคุมผมได้ คุณอยากเป็นภรรยาผมงั้นเหรอ?”
แค่กานต์พูดคำนี้ออกไป ธเนศพลก็แทบจะสำลักน้ำลายตัวเองตาย
“แค่กๆ นายเพิ่งจะอายุเท่าไหร่? ตอนนี้คิดถึงภรรยาไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?”
“จะว่าเร็วก็เร็วไปหน่อยแหละ แต่ว่าคุณแก่เกินไปไง ผมไม่ต้องการ อีกอย่างผมเป็นชายแท้นะ”
กานต์ก้มหน้ากดคีย์บอร์ดต่อไป แต่ธเนศพลกลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรแล้ว
ราวกับว่าเขาโดนมองข้ามไปอย่างนั้น อยู่เมืองหลวงได้รับคำสรรเสริญมากมาย อยู่ที่นี่ก็ได้รับความอ้างว้างมากมายเช่นกัน
กิจจาได้ยินเรื่องที่คุณท่านขวัญชัยทำกับแด๊ดดี้หม่ามี้แล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะมาที่ห้องของกานต์ เคาะๆประตูแล้วพูดขึ้น: “คุณชายธเนศพล คุยกันหน่อยได้ไหมครับ?”
“ได้สิ”
ในใจของธเนศพลเต็มไปด้วยคำพูดแย่ๆมากมาย แต่ก็ยังต้องเดินออกไป
นี่ก็ด่าวงศ์ตระกูลตัวเองทั้งนั้นแหละ
ถ้าไม่ใช่ว่าจะต้องนั่งบนตำแหน่งนั้นให้ได้ เขาทรมานตนเองขนาดไหนไม่นึกว่าจะได้รับความเจ็บปวดเหลือเกิน
หลังจากออกมา กิจจาพิงอยู่บนเสาของทางเดิน ดวงตาที่เย็นชาคู่นั้นเหมือนบุริศร์มาก
ธเนศพลค่อนข้างทรมานในลำคอ จึงอดไม่ได้ที่จะไอออกมาสองที
“คุณชายธเนศพล เกรงว่าคุณจะติดเชื้อแล้ว ให้ผมเจาะเลือดคุณหน่อยดีกว่า?”
เสียงที่เย็นชาเมินเฉยของกิจจาลอยมา ทำให้ธเนศพลมีเหงื่อเย็นๆผุดออกมาทันที
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกมั้ง? ฉันเพิ่งจะถึง ต่อให้ติดเชื้อก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะเร็วขนาดนี้”
“งั้นเหรอครับ? แต่ผมเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์นะ! ถ้าผมบอกว่าติดเชื้อก็มีอำนาจสั่งการไม่ใช่เหรอ? บนโลกนี้ไม่ได้มีแค่คนที่มีตำแหน่งสูงสุดคนนั้นคนเดียวที่สามารถพูดเท็จให้เป็นเรื่องจริงได้นี่ครับ”
คำพูดของกิจจาทำให้ธเนศพลค่อนข้างพูดไม่ออก
“เราคุยกันดีๆได้ไหม? ฉันรู้ว่านายเป็นเดือดเป็นร้อนแทนแด๊ดดี้หม่ามี้ของนาย ที่ฉันมาคราวนี้ก็เพื่อขอโทษนั่นแหละ แด๊ดดี้นายบอกว่าจะต่อยฉันสักยก นายกับกานต์ก็อ่อนโยนกับฉันหน่อยเถอะ ถึงยังไงตอนกลับมาฉันไม่รู้หรอกว่าจะยังลุกขึ้นมาได้หรือเปล่า”
ความตรงไปตรงมาของธเนศพลทำให้ความเดือดดาลของกิจจาลดลงได้บ้าง
“เรื่องนี้ถ้าหม่ามี้ผมไม่ยกโทษให้พวกคุณ ผมจะทำให้คุณติดเชื้อจริงๆ คุณครุ่นคิดหาหนทางเอาเองแล้วกัน”
กิจจาพูดจบก็ก้าวเท้าเดินไป แม้รูปร่างจะยังไม่ได้สูงมาก แต่พลังที่แสดงออกมานั้น ท่าทางนั้นทำให้คนมองข้ามไม่ได้เลยจริงๆ
ธเนศพลลูบๆจมูก รู้สึกว่าตนเองปัญหาเยอะเกินไป ตอนนี้กลับทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วน ดูท่าแล้ว ไม่ว่าจะกานต์หรือกิจจาต่างก็ไม่คิดจะออกไปจากที่นี่ เขาต้องทำยังไงถึงจะสามารถทำให้กานต์สมัครใจยอมเดินทางไปกับตนเองนะ?
หรือต้องใช้ผู้หญิงมาล่อจริงๆเหรอ?
รับชมพูมาที่นี่งั้นเหรอ?