แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1722 ทำไมถึงโมโหอีกแล้ว

บทที่ 1722 ทำไมถึงโมโหอีกแล้ว

ธเนศพลรู้สึกว่าตนเองไร้ยางอายใช้ได้เลย ตอนนี้เด็กๆเพิ่งจะอายุเท่าไหร่? ไม่นึกว่าเขาจะคิดวิธีการใช้ผู้หญิงมาล่อได้ อีกอย่างแค่นึกถึงลูกสาวของตนเองที่ต้องมาแบกรับความเสี่ยงทั้งหมดที่ด้านนี้ ในใจของเขาก็ยังคงเป็นกังวลอยู่มาก

ตอนที่เพิ่งคิดอย่างนี้ จู่ๆธเนศพลก็ชะงักงัน

เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของชมพู แล้วบุริศร์กับนรมนจะไม่เป็นห่วงกานต์กับกิจจาจริงๆเหรอ? แต่พวกเขายังให้พวกเด็กๆมาอย่างกล้าหาญ

ธเนศพลรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

เขารู้ว่าตัวเองยอดเยี่ยมมากมาโดยตลอด แต่เทียบกับบุริศร์แล้ว เขารู้สึกว่าตนเองชนะในเรื่องประวัติของครอบครัวเสมอมา ตอนนี้ไม่นึกว่าแม้แต่ผู้หญิงคนเดียวก็ยังเทียบกันไม่ติด เขายังมีคุณสมบัติและโอกาสอะไรที่จะพูดเรื่องพวกนี้อีก?

จู่ๆธเนศพลก็เจอความไร้ค่าของตนเอง เขาจึงรีบใช้บัญชีส่วนตัวแถลงคำขอโทษ ทั้งยังโทรหาชมพูทันที หวังว่าเธอจะเก็บข้าวของแล้วมาที่นี่

เมื่อคุณท่านขวัญชัยเห็นแถลงการณ์คำขอโทษของธเนศพลแล้วก็โมโหจนแทบจะเป็นลมไปเลยจริงๆ นี่เหมือนกับแบทุกอย่างเอาไว้ใต้แสงอาทิตย์ ทุกคนจึงรู้แล้วว่าพวกเขาปฏิบัติกับนรมนและอาณาจักรรัตติกาลยังไง ส่วนอาณาจักรรัตติกาลในตอนนี้ก็โดนสาดแสงออกมาให้เห็น ต่อให้เขาคิดจะจัดการอย่างเงียบๆก็เป็นไปไม่ได้แล้ว

“ไอ้ลูกเนรคุณ! มันยังคิดจะให้ชมพูไปหาอีกงั้นเหรอ? เสียสติไปแล้วสินะ?”

ตอนที่ชมพูกำลังเตรียมตัวอยู่ ไอราก็ไปถึงเขตกักกันแล้ว

ตอนที่กานต์เห็นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะตะลึงไปชั่วครู่

“เธอมาทำอะไร?”

“มาช่วยนายไง ฉันได้ยินแด๊ดดี้บอกว่าโรคระบาดที่ด้านนี้ค่อนข้างหนัก อีกอย่างระบบรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์โดนโจมตีอยู่ตลอด เนื่องจากตอนนี้เป็นสถานการณ์ของโรคระบาด น้อยมากที่จะมีคนกล้าเข้ามา ฉันกับแด๊ดดี้จึงยื่นหนังสือมาน่ะสิ ฉันมาช่วยนาย หลายปีนี้ฉันศึกษาเทคโนโลยีเครือข่ายตลอดเลย ถึงจะบอกว่าเทียบกับอัจฉริยะอย่างนายไม่ได้ แต่ก็น่าจะช่วยเหลือได้สักระยะหนึ่ง อีกอย่างพริมาบอกไว้แล้ว ถ้าฉันรับมือไม่ได้เธอจะคอยช่วยฉันอยู่ในประเทศ นายก็รู้ พริมาเป็นโรคหอบหืด เธอมาไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ประเทศของเราสองคนมีความสัมพันธ์ที่ร่วมงานกันอยู่ มัดเอาไว้ด้วยกัน เรื่องลับและสำคัญใดๆก็สามารถแบ่งปันกันได้”

ไอราพูดเรียบๆ แต่กานต์กลับยืนขึ้นมาจากบนเก้าอี้

“เธอโง่หรือไง? เธอไม่รู้เหรอว่าตอนนี้ที่ฝั่งนี้เป็นพื้นที่โรคระบาด? ตอนนี้สถานะตัวตนของเธอคืออะไรไม่ชัดเจนเหรอ? ถ้าหากติดเชื้อขึ้นมา เธอจะกลับประเทศยังไง? ด้านหลังของเธอไม่ใช่แค่ครอบครัวเล็กๆครอบครัวเดียวนะ ยังมีประชาชนอีกมากมายด้วย! ไอรา เธออย่าทำตัวเสียสติขนาดนี้ได้ไหม?”

ตอนที่ธเนศพลมากานต์ไม่ขยับสักนิด แต่ตอนนี้กลับยืนขึ้นมาทั้งตัว ถึงกับค่อนข้างโมโหด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะทำให้คนข้างๆมองไปที่ไอราโดยไม่รู้ตัว

เด็กผู้หญิงคนนี้น่าจะพิเศษสำหรับกานต์สินะ?

ไอราควบคุมแววตาเอาไว้เล็กน้อย มองกานต์แล้วหมุนตัวเดินออกไป

กานต์ขมวดคิ้วแน่น เสียงดังขึ้นเล็กน้อย

“เธอจะไปไหน? หงุดหงิดอะไรล่ะ ฉันตำหนิเธอไม่ได้หรือไง?”

“มาฉันก็มาแล้ว นายโมโหจะมีประโยชน์อะไร?”

เทียบกับหลายปีก่อน ไอราใจเย็นราวกับเปลี่ยนเป็นอีกคน และท่าทีที่อ่อนโยน สงบสุขุมในตอนนี้กลับทำให้กานต์ขมวดคิ้วมากขึ้น

ตอนนี้ยัยนี่น่ารักได้ไม่เท่าตอนเด็กๆแล้ว

ไอราตอนเด็กๆอยากปะทะก็ปะทะเลย อยากพูดอะไรก็พูดเลย แม้จะไม่มีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ถึงยังไงก็ดูจริงใจ ไอราในตอนนี้กลับเหมือนใส่หน้ากากเอาไว้ชั้นหนึ่ง ระงับนิสัยที่แท้จริงของเธอเอาไว้ และกานต์ไม่ชอบการเปลี่ยนไปอย่างนี้ของเธอ

เธอเป็นองค์หญิงของประเทศ! จำเป็นต้องทำให้ตัวเองลำบากอย่างนี้ด้วยเหรอ?

“ไป!”

กานต์ดันคอมพิวเตอร์ออกไปตามใจ ความหมายคือให้คนอื่นรับไปทำต่อชั่วคราว ส่วนตนเองกลับรีบเดินเข้าไปจูงมือของไอราแล้วพูดขึ้น: “ดูสภาพเธอแล้วคงยังไม่ได้กินอะไรเลยสินะ กินอะไรหน่อยแล้วค่อยทำงาน ฉันจะบอกเธอเอาไว้อย่างหนึ่ง อยู่ที่นี่ต่อให้ไม่ติดเชื้อ แต่ก่อนกลับไปก็ต้องรับการกักตัวสิบสี่วัน ถึงเวลานั้นเธอจะต้องโดนขังอยู่ในห้องคนเดียว ทำกิจวัตรประจำวันทั้งหมดอยู่ภายในห้อง ฉันจะดูว่าเธอจะกลุ้มใจไหม”

ไอราได้ยินกานต์พูดอย่างนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

เจ้าบ้านี่รำคาญตนเองขนาดไหนถึงได้พูดขู่ให้เธอตกใจอย่างนี้ออกมา? รู้ๆอยู่ว่าเธอกลัวการอยู่คนเดียว เธอชอบความคึกคัก แต่เพราะเขาไม่ชอบ ตอนนี้เธอจึงระงับนิสัยของตนเองเอาไว้มากขึ้นเรื่อยๆ อุตส่าห์มาถึงที่เขาอยู่นี่แล้วแต่ทำไมถึงยังไม่เป็นที่ประทับใจอีก?

กานต์ก็ไม่สนใจไอราหรอกว่าคิดยังไง ดึงเธอเข้าไปในห้องของตนเอง กลับทำให้ไอราตะลึงเล็กน้อย

“ไหนบอกว่าไปกินข้าว?”

“รอก่อน!”

กานต์ปล่อยมือของไอราออก ถอดเสื้อคลุม เข้าไปในห้องน้ำหลังจากล้างทำความสะอาดมือของตนเองด้วยแอลกอฮอล์แล้วถึงออกมา จากนั้นก็เข้าไปทำอะไรกุกๆกักๆอยู่ในครัว

ไอราอดไม่ได้ที่จะเบิกตาโพลง

นี่จะทำอาหารให้เธอกินเหรอ?

ไม่นึกว่ากานต์จะทำอาหารเป็นด้วย?

จู่ๆเธอก็ยิ้มขึ้นมาทันที

ห้านาทีผ่านไป กานต์ยกบะหมี่ชามใหญ่ออกมาชามหนึ่ง วางไว้ด้านหน้าของไอราพูดขึ้น: “กินสิ พื้นที่โรคระบาดในตอนนี้ขาดแคลนทรัพยากร ฝืนใจปรับตัวหน่อยนะ”

ไอราจึงรู้สึกว่าตนเองคิดมากไปในทันที

มาม่า?

ที่เขาพูดว่ากินข้าวไม่นึกว่าจะเป็นมาม่า?

ไอรามองเขาอย่างพูดไม่ออก แล้วเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นดู วัตถุดิบในตู้เย็นมีไม่เยอะ แต่มีไข่ไก่มีปวยเล้งแล้วยังมีเส้นหมี่อบแห้งด้วย

เธอล้างมือ เหยียบม้านั่งตัวเล็กๆขึ้นไปหน้าเตา ล้างผัก หั่นผัก ใส่น้ำมัน ทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีสะดุด

ไม่รู้กานต์ยืนอยู่หน้าประตูครัวตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังมองท่าทางทำอาหารที่คล่องแคล่วของไอรา แววตาตะลึงงันเล็กน้อย ความรู้สึกหลากหลายแวบเข้ามาในดวงตาแล้วหายไปในทันที

เธอเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ!

กานต์ก็ไม่รู้ว่าความสบายใจของตนเองมาจากไหน จึงยืนอยู่ด้านนอกห้องครัวมองไอราทำบะหมี่สองชามจนเสร็จแล้วกำลังยกออกมาอย่างนั้น เดิมทีเขาที่ไม่ได้หิวสักเท่าไหร่ตอนนี้กลับหิวขึ้นมาหน่อยๆแล้ว

“นี่สิถึงจะเป็นการกินข้าว หนึ่งคนหนึ่งชาม นายห้ามมาแย่งฉันนะ!”

ไอราวางบะหมี่สองชามไว้ที่ด้านหน้าของกันและกันกำลังจะยืดตัวขึ้น แต่กลับโดนกานต์ดึงข้อมือเอาไว้

“ตรงนี้เป็นอะไร?”

“ไม่เป็นไร โดนน้ำมันกระเด็นนิดหน่อย อีกสองวันก็ดีขึ้นแล้ว”

ผิวของไอราเหมือนรมิดา รอยแผลเพียงนิดหน่อยก็โดนมองเห็นได้ชัดเจน

กานต์ขมวดคิ้วมากขึ้น จู่ๆก็พูด “การทำอาหารน่าเรียนไหม?”

“ห๊ะ?”

ไอราได้ยินไม่ชัด จึงมองกานต์อย่างว่างเปล่า

แต่กานต์กลับปล่อยเธอออกอย่างฉับพลัน ส่งกล่องยาไปให้เธอแล้วพูดขึ้น: “ทายาหน่อย อย่าให้ติดเชื้อ”

“ไม่เป็นไร”

ไอราสะบัดๆมืออย่างไม่ใส่ใจ เหมือนกลับมาเป็นหญิงแกร่งอย่างเมื่อก่อนในทันที

“ทา!”

น้ำเสียงของกานต์เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย

ทำไมโมโหอีกแล้วล่ะ?

ไอราค่อนข้างพูดไม่ออก ทว่ายังหยิบทิงเจอร์ออกมาเช็ดล้างลงไปที่บาดแผลของตนเอง แต่กานต์กลับกำลังมองบาดแผลนั้นเหมือนคิดอะไรอยู่ แล้วก็มองบะหมี่ที่มีไอความร้อนลอยออกมา จู่ๆก็ตัดสินใจได้ทันที

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท