“เดิมทีฉันก็ไม่ใช่ผู้ชายปกติอยู่แล้ว ไอรา เธอกลับไปก่อนเถอะ!”
กานต์ไม่ได้พูดเสียงดังเท่าไหร่นัก อยู่ในระดับที่พอได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น ทว่ากลับเจือปนไปด้วยความเคร่งขรึม
ไอรายังคงติดอยู่กับความตื่นเต้นดีใจที่กานต์ยอมตกลงสร้างความสัมพันธ์ เมื่อจู่ๆได้ยินเสียงเย็นชาของเขาดังขึ้นมาก็อดที่จะชะงักนิ่งไปไม่ได้
เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองดวงตาที่สั่นไหวของกานต์ เธอก็เข้าใจในทันที
ความรู้ใจกันมาหลายปีใช้ได้ผลจริงๆด้วย
“อ่อ งั้นฉันกลับก่อนแล้วกัน ถ้ามีเรื่องอะไรเดี๋ยวฉันติดต่อมา”
“อืม กลับดีๆล่ะ”
“ได้”
ไอราผละตัวออกมาจากอ้อมกอดของกานต์ ทันใดนั้นก็รู้สึกเย็นวูบเล็กน้อย
แย่มาก!
เพิ่งตกลงคบเป็นแฟนกันเมื่อกี้นี้เองเธอชอบอ้อมกอดของเขาขนาดนี้เลยเหรอ?
“หรือว่าฉันจะอยู่ต่อดีนะ?”
“ไปได้แล้ว!”
กานต์ถลึงตาใส่เธอ ไอราจึงยอมกลับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
ภายในห้องผู้ป่วยตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
กานต์หลับตาเพื่อหงีบหลับสักพัก แต่ในหัวกลับเอาแต่ครุ่นคิดถึงภาพติดตาเมื่อสักครู่
ใครมาแอบดูแอบฟังอยู่ข้างนอก?
ถึงขนาดที่คนฝีมืออย่างเขาไม่ทันสังเกต!
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าหูของเขาสูญเสียความสามารถในการได้ยิน กานต์จึงรู้สึกหงุดหงิดในใจเป็นอย่างมาก
เขารีบส่งข้อความไปหาไอราด้วยความรวดเร็ว
“อย่าขับรถ!นั่งรถเมล์กลับ!”
ไอราเพิ่งเดินออกมาจากโรงพยาบาลได้ไม่ทันไร และกำลังตรงไปที่ลานจอดรถก็เห็นกานต์ส่งข้อความมาหาก่อน จึงอดที่จะนิ่งไปไม่ได้
“ทำไมเหรอ?”
“ไม่มีอะไร แต่เซนส์ของฉันมันบอกว่าเธอไม่ควรขับรถกลับ”
หลายปีที่ใช้ชีวิตอยู่ในกองทหารสิ่งที่เขาเชื่อมั่นที่สุดก็คือเซนส์ของตัวเอง
จะมีใครมาแอบฟังเขาโดยไม่มีสาเหตุด้วยเหรอ?
วัตถุประสงค์อยู่ที่ตรงไหน?
เขาอดที่จะนึกไปถึงเรื่องที่จู่ๆไอราก็ไปปรากฏตัวที่เหตุการณ์ลักพาตัวขึ้นมาไม่ได้
หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้?
แต่ว่าทุกอย่างก็เป็นแค่การคาดเดาของกานต์ เขาทำได้แค่บอกให้ไอรานั่งรถเมล์ไปก่อน แบบนี้ค่อยมีคนเยอะหน่อย ไม่ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรก็ต้องคิดคำนวณก่อนลงมืออยู่แล้ว
เมื่อไอราได้ยินกานต์พูดมาอย่างนี้ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ทว่าสีหน้ากลับขรึมขึ้นเล็กน้อย
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาเบอร์หนึ่ง เอ่ยพูดเสียงเย็นว่า “ไปดูรถฉันที่ลานจอดรถให้หน่อยว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ได้ครับ องค์หญิง”
อีกฝ่ายวางสายไปอย่างรวดเร็ว
ไอราหันไปมองห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาล ด้วยแววตาอ่านยาก
เธอไปขึ้นรถเมล์อย่างเชื่อฟัง แต่กลับพบว่ามีคนสะกดรอยตามเธอมาข้างหลัง
พุ่งเป้ามาที่เธอจริงๆเหรอ?
ไอราหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็อาศัยจังหวะคนเยอะๆรีบขึ้นไปบนรถเมล์
หลายปีมานี้เธอยอมทิ้งตัวตนของตัวเองไป เพื่อให้ได้อยู่กับกานต์ อย่าว่าแต่รถเมล์เลย รถจักรยานต์สาธารณะเธอยังเคยขี่มาแล้ว หรือแม้แต่เฝ้าอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ของกานต์ทั้งคืนเพื่อตามจีบเขาเธอก็ยังทำมาหมด
พอนึกถึงเรื่องไร้สาระที่เคยทำ ไอราก็รู้สึกขำ
ทนมาได้ถึงขนาดนี้เธอล่ะนับถือตัวเองจริงๆ
จริงๆแล้วตาหมาบ้ากานต์ไม่เห็นจะน่าจีบเลยสักนิด!
ทั้งเย็นชาทั้งร้ายกาจ นิสัยก็แข็งกระด้าง ตอนแรกเพราะเขามีอคติกับเธอ จึงมองเธอเป็นแค่ธาตุอากาศ ต่อมาเพราะความต้องการของเธอ เธอจึงบุกเข้าไปในบ้านของกานต์ วางแผนว่าจะอาศัยช่วงที่เขาหลับขึ้นไปนอนเตียงเดียวกับเขาให้ได้ แต่ทว่ากลับถูกเขาถีบตกเตียง
แถมยังถีบแรงอีกด้วย!
เธอจำได้ตอนนั้นซี่โครงหักไปตั้งสองท่อน!จากนั้นก็ถูกหามขึ้นรถกู้ภัย แล้วยังต้องนอนโรงพยาบาลอีกตั้งสามเดือน!
ซึ่งในระหว่างนั้นกานต์ไม่เคยมาเยี่ยมเลยสักครั้ง แม้ว่าจะส่งดอกไม้มาให้ในนามของเขา แต่กระนั้นอรรณพก็โกรธจนเกือบจะไปหาเรื่องเขาถึงบ้าน แต่ดีที่เธอห้ามเอาไว้ทัน
เพราะเธอรู้ว่าที่กานต์ถีบเธอในตอนนั้นเพราะกานต์นึกว่าเธอเป็นขโมย แต่ว่าตอนนี้พอลองมาคิดดูการตามจีบใครสักคนนี่ก็ลำบากดีเหมือนกันแฮะ
ไอราหัวเราะออกเสียงอย่างอดไม่ได้
ตาหมาบ้าเอ๊ย!
ถ้ายังบอกว่าไม่ชอบเธออีกล่ะก็ ตอนนี้คงไม่ถูกเธอเอาชนะและคงไม่ต้องมาเป็นแฟนไอราอย่างหมดท่าแบบนี้หรอก
ในขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆก็ได้สังเกตได้ว่าคนข้างหลังขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาของเธอพลันลุ่มลึก มือซ้ายพลิกหันไปจับข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างไว
ด้ามเข็มเล็กๆในมือของอีกฝ่ายเป็นประกายวาบ แสบตาอย่างแปลกประหลาด
อีกฝ่ายสวมใส่หมวกแก็ป แถมยังกดปีกหมวกลงต่ำ จนมองไม่เห็นหน้าค่าตา ในขณะที่ถูกไอราสกัดจับข้อมือซ้ายเอาไว้มือขวาก็พลันจู่โจมในทันที
บนรถมีแต่คน ถ้าหากไอรากับอีกฝ่ายสู้กันล่ะก็ต้องทำให้คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่โดนลูกหลงไปด้วยแน่ๆ พอถึงตอนนั้นกลัวก็แต่จะเป็นข่าว ไม่ว่าจะตัวตนของเธอหรืออะไรก็ตาม คงก่อให้เกิดผลกระทบในทางที่ไม่ดีแน่ๆ อีกอย่างเมื่อสักครู่เธอก็เพิ่งประกาศให้โลกออนไลน์รู้ว่าตัวเองกำลังคบหาอยู่กับกานต์
ถ้าเรื่องโยงไปถึงกานต์ล่ะก็……
ไอราเริ่มอัดอั้น แต่กระนั้นก็เลือกปล่อยมืออีกฝ่ายออกด้วยความรวดเร็ว ไม่นานอีกฝ่ายก็ถอยหลัง อาศัยจังหวะชุลมุนซ่อนตัวอยู่ในฝูงคน
ในตอนที่รถมาถึงสถานี อีกฝ่ายก็ลงจากรถไปด้วยความไว จนกลมกลืนไปกับฝูงคนมากมาย
ความรู้สึกร่าเริงที่ไอรามีอยู่เมื่อสักครู่พลันหายไป
มีคนคิดจะฆ่าเธอ?!
ใครกัน?
หัวคิ้วของไอราขมวดเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน ณ โรงพยาบาล กานต์กำลังงีบหลับ ก็มีพยาบาลสวมหน้ากากอนามัยเดินเข้ามาในห้อง มองมาที่กานต์แวบหนึ่งแล้วเตรียมใส่น้ำเกลือให้เขา
กานต์ลืมตาโพลงขึ้นมา จนอีกฝ่ายสะดุ้ง มือไม้สั่นไปหมด
“ใครให้คุณเข้ามา? วันนี้ผมไม่มีเข้าน้ำเกลือนะ”
ดวงตาของกานต์มองตวัดมาที่พยาบาลเหมือนดาบแหลมคนที่เพิ่งชักออกจากฝัก
แววตาของพยาบาลไหววูบ เอ่ยพูดอย่างรีบร้อนว่า “ฉันคงเข้าผิดห้อง ขอออกไปดูอีกทีก่อนนะคะ”
ขณะที่พูดเธอก็วิ่งออกไปอย่างลนลาน
กานต์ไม่ได้ตามไป
เข้าออกโรงพยาบาลทหารได้อย่างอิสระแบบนี้ต้องเป็นคนของที่นี่แน่ๆ แต่ว่าเป็นคนของใครก็ต้องว่ากันอีกที
กานต์หรี่ตาลงเล็กน้อย ตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังมาจากห้องข้างๆ
“อย่ามายุ่งกับฉัน!ให้ฉันตายๆไปซะ!ผู้หญิงอย่างฉันมีชีวิตต่อไปแล้วจะมีค่าอะไร? ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากแต่งงานกับฉันแล้ว!อย่างมากก็เป็นได้แค่แม่เลี้ยงของคนอื่น!ฉันไม่สามารถมีลูกเป็นของตัวเองได้ ชาตินี้ทั้งชาติก็เป็นไปไม่ได้แล้ว!”
เสียงพริมรตา!
จู่ๆกานต์ก็รู้สึกไม่สบายใจ
ถึงยังไง ชีวิตของผู้หญิงคนนี้ก็เปลี่ยนไปเพราะฝีมือของเขา
เขานึกไปถึงท่าทีของกันติมา แผลบนหน้ายังคงเจ็บแปล็บๆ แต่ว่าตอนนี้เขาจะมัวแต่สนใจแผลไม่ได้
กานต์ลุกขึ้นตรงไปยังห้องข้างๆอย่างรวดเร็ว พบว่าตอนนี้พริมรตากำลังถือมีดปอกผลไม้เตรียมกรีดข้อมือตัวเอง กันติมาตกใจจนหน้าขาวซีด แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ แทบจะเป็นลมล้มพับไปแล้ว
“พริม ลูกวางมีดลงเถอะนะ!ในชีวิตนี้แม่เหลือแกแค่คนเดียว ถ้าแกเป็นอะไรไป แล้วแม่จะอยู่ยังไง?”
“ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่!แม่อย่าเข้ามา อย่ามายุ่งกับฉัน!”
อารมณ์ของพริมรตากำลังเดือด
สายตาดุจเหยี่ยวของกานต์ทอแววกรุ่นโกรธ เขาพุ่งตัวเข้าไป ไม่มีใครทันมองว่าเขาเข้าถึงตัวพริมรตาได้ยังไง แม้แต่พริมรตาเองก็ตาลาย เมื่อจู่ๆมีคนพุ่งมาแย่งมีดในมือของเธอไป เธอจึงสะดุ้งพร้อมแกว่งมีดมั่วซั่ว
“ออกไปนะ!ออกไป!”
เสียงมีดบาดผิวดังฉับขึ้นมา เลือดกระเด็นกลางอากาศเป็นรัศมีโค้ง สาดกระจายลงบนหน้าของพริมรตา ทั้งอุ่นร้อนและเหม็นคาว…