“ปั่นหัวฉันสนุกไหม?”
ไอราเตรียมลงมือ
แต่เหมือนกานต์มีตาหลัง มือหนึ่งถือจาน อีกมือสกัดการจู่โจมของเธอเอาไว้ได้ทัน มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เอ่ยพูดยิ้มๆว่า “กินข้าวเถอะ ถ้ากินไม่อิ่มจะเอาแรงที่ไหนไปสู้?”
ไอรานิ่งไปเล็กน้อย
ก็ถูกของเขา
“รอดตัวไปนะนาย รอฉันกินข้าวเสร็จก่อนเถอะ”
ไอราถลึงตาใส่เขา แล้ววิ่งมาที่โต๊ะอาหารอย่างเร่งรีบ
บนโต๊ะมีแต่ของชอบเธอทั้งนั้น ดวงตาหงส์คู่นั้นพลันเป็นประกายขึ้นมาทันที
“กานต์ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนถูกนายวางกับดักอย่างไรอย่างนั้นเลยล่ะ?”
“หืม?”
กานต์ล้างมือเสร็จก็มานั่งข้างๆ พร้อมเอื้อมมือไปเทนมให้ไอราแก้วหนึ่ง จากนั้นก็เห็นไอราขมวดคิ้วแล้วถามว่า “นายบอกว่าตั้งแต่เด็กจนโตฉันเอาแต่วิ่งตามตูดนายต้อยๆ ใครๆต่างก็รู้ว่าไอราคนนี้ตามจีบนาย แต่ทำไมนายรู้ว่าฉันชอบกินอะไรล่ะ? แบบนี้มันแปลกๆนะ หรือว่านายเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจ? ปากก็บอกว่าไม่ชอบฉัน แต่จริงๆแล้วก็แอบสนใจฉันใช่ไหมล่ะ?
ข้อสรุปที่ดันกลายเป็นจริงอย่างไม่ตั้งใจของไอราทำให้ร่างกายของกานต์แข็งทื่อ ทว่าเขากลับสามารถปกปิดมันเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เขาเอ่ยพูดเสียงนิ่งว่า “ฉันสนใจเธอ? แล้วฉันได้บอกให้เธอไปแอบดูฉันฉี่ที่ห้องน้ำชายไหม?”
หน้าของไอราแดงระเรื่อขึ้นมา
สงสัยจะใช้มุกนี้ไม่ได้ละ
“กานต์ นายหุบปากไปเลยนะ! ตอนนั้นก็เป็นแค่เด็กไม่รู้ความเข้าใจไหม?”
“อืม แล้วเด็กไม่รู้ความตอนนี้ยังไม่รู้ตัวเหรอ?”
เอาล่ะ ไอราไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว
พูดกับกานต์ทีไร ก็มีแต่คอยดักคอกันตลอด ทำเอาเกือบโมโหตายในทุกๆนาที
จู่ๆไอราก็รู้สึกเหมือนหาเรื่องใส่ตัว ทำไมถึงมาชอบตาหมาบ้านี้ได้นะ?
เมื่อเห็นไอราสลด มุมปากของกานต์ก็ยกขึ้นเล็กน้อย
ยัยตัวเล็กเอ๊ย!
คนอย่างกานต์อุตส่าห์ยอมให้จีบขนาดนี้แล้ว ยังจะเอาความจริงมาพูดอีก
“รีบกินได้แล้ว! ดูเธอสิผอมลงตั้งเยอะ”
กานต์ตักอาหารที่ไอราชอบวางลงบนจานของเธอ
ไอราหิวมากจริงๆ และเธอเองก็ขี้เกียจที่จะไล่จี้ถามว่าตกลงใครจีบใครกันแน่ รีบหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารทาน
กานต์ที่นั่งข้างๆใส่ถุงมือพลาสติก จากนั้นก็เริ่มแกะกุ้งอย่างตั้งใจ หลังจากแกะเสร็จก็วางลงบนจานของไอรา
ไอรากินสิ่งที่เรียกว่าของอร่อยเข้าไป อารมณ์ก็ยิ่งดีขึ้นหลายเท่า!
มีแฟนนี่มันดีอย่างนี้นี่เอง อยากกินกุ้งก็ไม่ต้องแกะเอง
มื้อนี้ไอราทานอย่างเอร็ดอร่อย ด้านกานต์กลับกินได้ไม่เท่าไหร่เอง
เมื่อรับรู้ถึงข้อนี้ไอราก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
ถึงยังไงกานต์ก็ถือว่าเป็นผู้ป่วย มาถึงนี่แล้วยังต้องมาทำอาหารให้เธอกินอีก แถมยังแกะกุ้งให้ ต่อให้เธอหน้าด้านแค่ไหนก็ยังรู้สึกละอายใจอยู่ดี
“เอ่อทำไมนายกินน้อยจังล่ะ?”
“ลดน้ำหนักน่ะ”
คำตอบของกานต์เกือบทำให้ไอราสำลัก
ลดน้ำหนัก?
เธอมองรูปร่างสัดส่วนทองคำของกานต์ขึ้นๆลงๆ หุ่นสมส่วนไม่ขาดไม่เกินแบบนี้ ยังจะลดน้ำหนักอีก?
เธอสงสัยว่ากานต์กำลังสื่อเป็นนัยๆว่าเธออ้วนหรือเปล่า
ไอราก้มมองรอบเอวของตัวเอง อืม เหมือนช่วงนี้จะอ้วนขึ้นนิดๆด้วย
ตาหมาบ้า!
รู้จักพูดจริงๆเลยนะ!
“นายกำลังแอบว่าฉัน?”
“ตอนเด็กๆก็พอจะรู้ว่าสมองของเธอใช้การได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอายุปูนนี้แล้ว เธอก็ยังไม่มีพัฒนาการอะไรเลย เอ้านี่ ดื่มนมบำรุงสมองหน่อยก็ดี!”
กานต์ยื่นแก้วนมไปให้ จากนั้นก็ลุกขึ้นเก็บโต๊ะ
พอคนที่มีความเป็นผู้ดีอย่างเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้แล้วกลับดูคล่องมือเสียอย่างนั้น ไม่ใช่แค่ทำลายออร่าของเขาไม่ได้ แต่ยังจุดประกายออร่าให้เขาอีกด้วย
ไอราใช้มือค้ำคาง จดจ้องมาที่กานต์ด้วยสีหน้าเพ้อฝัน จิ๊ปากแล้วพูดว่า “ผู้ชายสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ทำงานก็ดี เข้าครัวก็ได้ ทำไมกลายมาเป็นแฟนไอราคนนี้ได้นะ? เพราะนายจีบติดง่ายหรือเพราะว่าฉันเก่งกันแน่?”
มุมปากของกานต์กระตุก อยากจะพูดเหลือเกินว่า “ขนาดฉันจีบง่ายเธอยังต้องตามจีบตั้งยี่สิบกว่าปีนี่นะ” แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เขาดักคอไอรามามากแล้ว ถ้าขืนยังพูดดักคออยู่อีกแฟนหมาดๆของเขาคงได้หนีไปก่อน
อืม ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วกัน ชีวิตยังอีกยาวไกล
ไม่รีบหรอก เขายังมีเวลา
ตอนแรกคิดว่ากานต์คงจะประชดประชันกลับมา แต่ไปๆมาๆกานต์กลับเงียบไม่พูดไม่จาซะงั้น ต่อให้ไอราหน้าหนาแค่ไหนก็รู้สึกอึดอัด
“งั้นนายอยากให้ฉันฝังเข็มให้นายอีกหรือเปล่า?”
“ไม่ต้องแล้ว หูฉันไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ว่าอย่าเพิ่งไปบอกใครล่ะ นอกจากเธอแล้วก็ห้ามให้ใครรู้ทั้งนั้น”
คำพูดของกานต์ทำให้ไอราดีใจขึ้นมา
“จะมีแค่เราสองคนที่รู้เหรอ?”
“อืม”
“ชมพูก็จะไม่บอก?”
ไอรามองมาที่กานต์ด้วยดวงตาเป็นประกาย
กานต์ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็หันกลับมามองไอรา ขยี้ผมของเธอจนยุ่งกลายเป็นรังนกถึงได้หยุด พร้อมกันนั้นก็เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ชมพูคือน้องสาวของฉัน ส่วนเธอคือแฟนของฉัน มันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว”
ไอราสางผมตัวเองอย่างอัดอั้น แล้วเอ่ยพูดอย่างฮึดฮัดว่า “แต่ชมพูไม่ได้มองนายเป็นแค่พี่ชายนี่นา”
“งั้นเธออยากให้ฉันทำยังไง? เลิกสนใจ? รักษาระยะห่าง? หรือห้ามพูดด้วย?”
แน่นอนว่าทำอย่างนี้จริงๆไม่ได้อยู่แล้ว
ไม่ว่าชมพูจะรู้สึกกับกานต์แบบไหน ยังไงพวกเขาก็ยังคงอยู่ทีมเดียวกันอยู่ดี เอาแค่เรื่องงานอย่างเดียวก็ไม่สามารถขาดการติดต่อได้แล้ว และก็เพราะข้อนี้แหละถึงทำให้ไอราอัดอั้นตันใจอยู่อย่างนี้
กลับกลายเป็นซะงั้นที่ทำอะไรไม่ได้
กานต์รับรู้ได้ถึงความรู้สึกหงอยๆของไอรา เขาจึงเดินเข้าไปกอดเธอเอาไว้ พร้อมเอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า
“เธอต้องรู้จักเชื่อใจฉัน กับชมพูถ้าจะมีอะไรคงมีไปตั้งนานแล้ว คงไม่รอจนถึงตอนนี้หรอก ในเมื่อฉันมั่นใจว่าเป็นเธอแล้ว ก็จะเป็นเธอและมีเธอคนเดียวตลอดไป”
ชั่วขณะนั้นไอราก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา หัวใจมันอุ่นวาบไปหมด
เธอรู้ว่าการที่ตัวเองรักจนไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้มันไม่ดี คำพูดของผู้ชายส่วนใหญ่ก็มีแต่ลมปากเท่านั้น แต่สิ่งที่กานต์พูดมาเธอเชื่อหมดใจ
ถ้ายังมองผู้ชายที่เธอตามจีบมาตลอดยี่สิบปีผิดไป แบบนั้นแปลว่าตาของเธอคงไร้ประโยชน์แล้วล่ะ
อีกอย่างตัวอย่างจากบุริศร์และนรมนก็มีให้เห็น ลูกชายของพวกเขาไม่มีทางเป็นคนไร้ใจอย่างแน่นอน
ไอรากระตุกชายเสื้อของกานต์อย่างอ้อนๆ “นายพูดแล้วนะ ทั้งชีวิตนี้ต้องมีฉันแค่คนเดียว”
“อืม เธอแค่คนเดียว”
กานต์จิ้มจมูกของเธอเบาๆ รู้สึกเอ็นดูตนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
เมื่อเห็นไอรายิ้มออกมาอย่างซื่อๆ กานต์ก็รู้สึกสบายใจแปลกๆ นี่สินะที่เขาเรียกว่าความเงียบที่สงบสุข
เขาเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของพ่อกับแม่แล้ว ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ว่าใครในโลกก็ไม่สามารถแทนที่มันได้ ตอนนี้เหมือนเขาจะเจอแล้วล่ะ
กานต์อยู่กับไอราสักพักก็กลับไป และยังกลับทางกำแพงเหมือนเดิม เมื่อเห็นกานต์กระโดดขึ้นกำแพงอย่างคล่องแคล่ว มุมปากของไอราก็กระตุกขึ้นอย่างอดไม่ได้
“องค์หญิงครับ”
เธอยังไม่หลุดจากอารมณ์ดีใจและมีความสุข ก็ได้ยินเสียงเรียกขององครักษ์เสียก่อน หัวใจของไอรากระตุกวูบ
“ฉันบอกว่าถ้าไม่มีอะไรก็ไม่ต้องโผล่มาไม่ใช่เหรอ? ฉันอยู่นี่ฉันปลอดภัยดี!”
ไอราหันกลับไปอย่างฉุนเฉียว ทว่าเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างกายองครักษ์กลับนิ่งไปเล็กน้อย
เป็นเขาหรอกเหรอ?