“เฮีย ฉันผิดไปแล้ว เฮียหยุดพัก หยุดพัก!”
นะโมรีบร้องขอความเมตตา
เขาอยู่กับกานต์ที่นี่ไม่เคยเอาเปรียบได้
ดวงตาของกานต์แฝงไปด้วยรอยยิ้ม มองดู“ชมพู”ตัวอักษรสองตัวที่อยู่บนโทรศัพท์อดไม่ได้ที่จะได้ใจ
ดูเหมือนไอ้เด็กหนุ่มนี่จะมีความสนใจในตัวชมพูจริงๆ
นึกถึงความรู้สึกที่ชมพูมีต่อตนเอง กานต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย สุดท้ายวางโทรศัพท์ลง
ชั้นล่างสะท้อนเสียงคำรามของไอราขึ้นมาอย่างกะทันหัน
กานต์ปิดคอมพิวเตอร์ด้วยความรวดเร็ว วิ่งตึกๆๆลงมา
“เป็นอะไรไป?”
“เล่นเกมถูกคนรังแกแล้วน่ะสิ”
ไอราขมวดคิ้ว พอเงยหน้าขึ้นมาก็คือกานต์ที่เปลือยท่อนบนเอาไว้ ใบหน้าร้อนผ่าวหัวใจเต้นแรงอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่
“คุณใส่เสื้อผ้าไม่ได้หรอ?”
“เธอซักเสร็จแล้วอบลมร้อนให้แห้ง ฉันก็ใส่ได้แล้ว ไม่ได้บอกเธอแล้วหรอกหรอ? ฉันมีแค่ชุดเดียว”
กานต์ถูกพามาอย่างกะทันหัน ใครจะรู้ว่าจะถูกขังอยู่ที่นี่ แต่ว่าตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน ความรู้สึกที่ถูกแฟนดูแลซื้อเสื้อผ้าให้นี้ก็ถือว่าไม่เลว
“ซื้อเสื้อผ้าให้ฉันแล้ว?”
ไอราร้อนตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เธอรีบแลบลิ้น พูดออกมาด้วยเสียงหัวเราะในทันทีว่า “ฉันไม่ใช่ว่าอยากจะเล่นเกมสักตาค่อยซื้อหรอกหรอ สุดท้ายลืมเลย”
กานต์ยื่นนิ้วออกไปดีดลงบนหน้าผากของเธอหนึ่งที
“เอาโทรศัพท์ให้ฉัน ฉันช่วยเธอเล่น เธอไปใช้คอมพิวเตอร์ของฉันซื้อเสื้อผ้า”
“ก็ได้”
ไอราส่งมือถือให้กานต์อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก กานต์มองดูสถานการณ์สงครามเล็กน้อย ไม่แสดงออกอะไร ดึงมือของไอราขึ้นชั้นบน กดเธอลงที่หน้าคอมพิวเตอร์ เปิดหน้าเว็บช้อปปิ้งออนไลน์ จากนั้นถึงได้เอนตัวลงที่ด้านข้าง หยิบมือถือของไอราขึ้นมาเริ่มต่อสู้
เสื้อผ้าบนหน้าเว็บช้อปปิ้งออนไลน์เยอะมาก แต่ไอราดูอยู่นานมากก็ไม่เจอที่ถูกใจ มักจะรู้สึกว่าเสื้อผ้าราคาถูกเหล่านั้นสวมใส่บนร่างกายของกานต์แล้วค่อนข้างที่จะลดค่าตัวลงต่ำไปหน่อย
กานต์กลับไม่รู้ความคิดของไอรา กำลังเล่นเกมอย่างสนุกสนานเต็มที่ ไม่มีอะไรจะสนุกไปมากกว่านี้
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ไอรายังคงเลือกไม่เสร็จ แต่กานต์กลับเล่นไปสองสามตาแล้ว
เธอดันคีย์บอร์ดไปอย่างกะทันหัน แย่งมือถือของตัวเองมา จากนั้นวางลงบนโต๊ะ พร้อมกับเอ่ย “ฉันออกไปซื้อให้คุณจะดีกว่า เสื้อผ้าที่อยู่บนนี้ฉันดูไม่ถูกใจ”
“ฉันไปเป็นเพื่อนเธอแล้วกัน”
กานต์ลุกขึ้นมา ไอราก็ตามลงไปชั้นล่าง
“คุณออกไปได้หรอ?”
ถามเสร็จถึงนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานกานต์ไม่ใช่ออกไปแล้วหรอกหรอ?
เธอรีบตามกานต์ไปอย่างมีความสุข ในใจรอคอยเป็นอย่างยิ่ง
กานต์ไปที่ห้องน้ำ มองเห็นเครื่องซักผ้าหยุดหมุน รีบเปิดประตูเครื่องซักผ้า กลับพบว่าด้านบนเสื้อเชิ้ตที่อยู่ด้านในเต็มไปด้วยน้ำยาซักผ้า
นี่ดูเหมือนไม่ได้ซัก?
เขามองดูไอราที่ตามเข้ามาที่ด้านหลัง เอ่ยขึ้นอย่างค่อนข้างหมดคำพูดว่า “เธอไม่ได้เปิดเครื่องซักผ้า?”
“หา?ไม่ใช่อัตโนมัติทั้งหมดหรอกหรอ?”
“ดังนั้น…”
กานต์ได้คาดเดาถึงผลลัพธ์เอาไว้แล้ว แต่ก็ยังเอ่ยถามออกมาประโยคอย่างไม่ยอมแพ้
ไอราเอ่ยขึ้นอย่างเป็นไปตามเหตุผล “อัตโนมัติทั้งหมดไม่ควรจะเป็นซักด้วยตัวเองหรอ? ฉันใส่เสื้อผ้าเข้าไป เทน้ำยาซักผ้าไม่ใช่ว่าเสร็จแล้วหรอ?”
“เธอไม่เปิดสวิตช์มันจะซักเองได้ยังไง? เธอเห็นมันเป็นคนหรอ?”
กานต์ถอนหายใจออกมา คาดหวังในตัวเธอสูงมากไม่ได้จริงๆ
ไอรารู้สึกเก้อเขินขึ้นมาอย่างกะทันหัน
หนึ่งชั่วโมงกว่านี้ เธอไม่ได้เปิดสวิตช์?
เครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติทั้งหมดนี้คิดไม่ถึงว่ายังต้องให้คนลงมือดำเนินการหรอ?
งั้นยังจะเรียกอัตโนมัติทั้งหมดอะไรอีก?
แต่ว่าคำพูดนี้เธอได้แต่พูดในใจ ไม่กล้าพูดออกมา เธอกลัวจะเห็นสายตาดูถูกของกานต์
ก็ได้ เธอยอมรับว่าเธอก็คือคนปัญญาอ่อนในการใช้ชีวิตคนหนึ่ง
กานต์เปิดเครื่องซักผ้า หลังจากเครื่องซักผ้าเริ่มหมุนในที่สุดไอราถึงได้รู้ว่าตัวเองทำความผิดพลาดใหญ่หลวงขนาดไหน
มองดูกานต์ที่ตอนนี้เปลือยเปล่าท่อนบน เธอเอ่ยขึ้นอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า “งั้นตอนนี้พวกเราออกไปไม่ได้แล้วใช่หรือเปล่า?”
“อืม ฉันคงจะแก้ผ้าออกไปไม่ได้หรอกมั้ง?”
“ก็ใช่ งั้นฉันไปซื้อเสื้อผ้าให้คุณคนเดียวก็แล้วกัน”
“อยู่รอไปเถอะ ยังไงก็แค่รออีกหนึ่งชั่วโมง เธอเล่นเกมอีกสักพักก็แล้วกัน ชั่วโมงเดียวพริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้ว”
กานต์พาไอราออกจากห้องน้ำ ใบหูได้ยินเสียงติ๊ดๆของคอมพิวเตอร์
“เธอเล่นไปก่อน ฉันไปจัดการธุระนิดหน่อย”
“ค่ะ”
กานต์พูดจบก็รีบขึ้นมาชั้นบน
คือข้อความที่นะโมส่งมา
“เฮีย ฉันตรวจสอบชัดเจนแล้ว คนๆนั้นที่เฮียส่งมาก็คือสายฟ้า แต่ชื่อที่เขาใช้ในโรงแรมคือจิรัฎฐ์”
“สถานะปลอม?”
“ไม่ใช่ของปลอม”
คำพูดของนะโมทำให้กานต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่ใช่ของปลอม?”
“ครับ เป็นของจริง พูดอย่างแม่นยำก็คือสายฟ้าคนนี้กับจิรัฎฐ์เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ที่เขาใช้ในการลงทะเบียนคือสถานะของพี่ชายเขา”
ได้ฟังนะโมพูดเช่นนี้ กานต์ประหลาดใจเล็กน้อย
“พี่น้องฝาแฝดไม่ได้นามสกุลเดียวกัน?”
ภาคินกับภาณแม้ว่าจะไม่ใช่นามสกุลเดียวกันกับพวกเขา แต่อย่างไรพี่น้องฝาแฝดสองคนก็นามสกุลเดียวกัน
นะโมรีบพูดข้อมูลที่ตนเองตรวจสอบเจอออกมา
“สายฟ้ากับจิรัฎฐ์นี้แม้ว่าจะเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน แต่พ่อแม่ของพวกเขาก็แยกทางกันตั้งแต่ตอนที่พวกเขายังเล็กมาก คนหนึ่งนามสกุลตามแม่ คนหนึ่งนามสกุลตามพ่อ ต่อมาหลังจากโตขึ้นสายฟ้าคนนี้กลับไปยังบ้านเกิด หาแม่และพี่ชายพบ ทั้งสองคนถึงได้ถือว่ารู้จักกันแล้ว ฉันยังค้นเจอเรื่องที่น่าสนใจมากอีกเรื่อง”
“พูด”
นะโมเดิมทีคิดจะอุบไว้ สุดท้ายถูกสายตานี้ของกานต์เขม็งเข้า รีบเอ่ยขึ้นอย่างว่านอนสอนง่ายในทันที “จิรัฎฐ์คนนี้กับแม่เมื่อก่อนใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาก จิรัฎฐ์ยิ่งจบม.ต้นก็ออกมาทำงานแล้ว แต่ว่าเงินเดือนไม่สูง ต่อมาหลังจากที่สายฟ้ากลับมา ให้เงินกับพวกเขาก้อนหนึ่ง ทำการค้าขายเล็กๆ ตอนนี้ชีวิตของพวกเขาไม่เลวเป็นอย่างมาก จิรัฎฐ์เคารพบูชาน้องชายคนนี้เรียกได้ว่าเห็นเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ แต่ว่าสายฟ้าคนนี้กลับมาน้อยมาก ทุกครั้งที่กลับมาต่างก็ใช้สถานะของจิรัฎฐ์ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”
ได้ฟังนะโมพูดเช่นนี้ กานต์นึกถึงบทสนทนาระหว่างพริมรตากับสายฟ้าที่ตนเองแอบได้ยินขึ้นมา รีบเอ่ยว่า “นายสืบดูหน่อยว่าบ้านเกิดของพริมรตาอยู่ที่ไหน?”
“พูดถึงอันนี้ขึ้นมายิ่งบังเอิญ บ้านเกิดของพริมรตาอยู่ตำบลเดียวกับจิรัฎฐ์พอดี”
คำพูดของนะโมในที่สุดก็คลายข้อสงสัยของกานต์
ที่แท้ที่พวกเขารู้จักกันในก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะว่าสายฟ้ากลับไปที่บ้านเกิด และเขากับพริมรตาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนที่เดียวกัน
“ค้นดูอีกหน่อยว่าคดีลักพาตัววันนั้นจิรัฎฐ์อยู่ที่ไหน?”
กานต์มักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น ถึงขั้นมักจะมีความรู้สึกแบบหนึ่งว่า สายฟ้าคนนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัววันนั้น
แต่ว่าตอนนี้โจรลักพาตัวคนนั้นยังคงไม่ยอมสารภาพ สายฟ้าทางนี้กลับเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาแล้ว เขายิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
นะโมได้ฟังคำพูดของกานต์รู้สึกช็อกเล็กน้อย
“เฮีย เฮียกำลังสงสัยสายฟ้าหรือว่าสงสัยจิรัฎฐ์?”
“ให้นายไปหาก็ไปสิ ถามมาก”
กานต์วางสายการสื่อสาร หันกลับไปก็เห็นไอรายืนอยู่ที่หน้าประตูกะทันหัน ไม่รู้ว่าได้ยินคำพูดของเขากับนะโมไปเท่าไร
ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยในทันที