นรมนเห็นสีหน้าจนปัญญาของลูกชายอยู่ๆก็หัวเราะขึ้นมาอย่างสบายใจมาก
“เจ้าเด็กแสบ ต่อไปแกจะต้องดีกับไอรา ไอราเพื่อจะอยู่ด้วยกันกับแกได้รับความลำบากมาตั้งเท่าไร? ได้รับความทุกข์ทรมานมาตั้งเท่าไร? แค่ก่อนหน้านี้ไม่นานยังถูกชมพูเด็กสาวนั่นทำให้สำลักตั้งหลายประโยค แม้แต่นะโมเด็กนั่นก็ไม่พอใจไอราแล้ว”
นรมนดูเหมือนพูดอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่คิ้วของกานต์กลับขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“นะโมกับชมพูก็มาแล้ว?”
เขามองดูไอราพร้อมกับเอ่ยถาม
ไอราพยักหน้าพร้อมกับเอ่ย “มาแล้วสักพัก น่าจะมีเรื่องด่วนกลับไปก่อน ฝากฉันถามถึงคุณแทนพวกเขาด้วย”
ได้ยินการพูดที่ไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้งนี้ของไอรา นรมนถอนหายใจออกมา สุดท้ายก็ไม่ได้แทรกแซง
“เอาล่ะ ฉันกับพ่อแกมีธุระต้องไปจัดการหน่อย ช่วงนี้ให้ไอราดูแลแกแล้วกัน มีเรื่องโทรหาฉัน สำหรับสองแม่ลูกนั่น แกอย่าไปสนใจ ฉันจัดการเอง”
“ขอบคุณครับแม่”
กานต์พยักหน้าเล็กน้อย กลับเอ่ยขึ้นว่า “พริมรตากับกันติมาแม่อย่าแทรกแซง ผมทางนี้เก็บพวกเธอเอาไว้มีประโยชน์”
“หืม?”
“ความลับของฟ้ามิอาจเปิดเผย”
คำพูดของกานต์ทำให้นรมนค่อนข้างที่จะหมดคำพูด
เธอเขม็งกานต์ทีหนึ่ง จากนั้นเอ่ยว่า “แกอยากจะกระทำซ้ำไปซ้ำมายังไงก็ทำไปเถอะ แต่ว่าพี่ใหญ่ของแกหมั้นสัปดาห์หน้า ไม่มีธุระก็กลับมาสักรอบ”
“สัปดาห์นี้?”
กานต์ประหลาดใจเล็กน้อย
กิจจานี่ก็ไม่ได้ยินข่าวกิจจาคบกับใครเท่าไร ทำไมอยู่ๆก็จะหมั้นขึ้นมากะทันหัน?
พูดถึงลูกชายคนโตขึ้นมา นรมนก็รู้สึกจนปัญญาเช่นเดียวกัน
“พวกแกโตกันหมดแล้ว ชีวิตด้านความรู้สึกมากมายหลากหลายรูปแบบ ฉันเองก็ดูแลไม่ไหวแล้ว กิจจาโทรมาบอกว่าสัปดาห์หน้าจะหมั้น ฉันก็ทำได้เพียงบอกให้พวกแกรับรู้”
“เจ้าสาวคือใครน่ะครับ? พวกเรารู้จักไหม?”
คำถามของกานต์ทำให้นรมนส่ายศีรษะ
“ไม่รู้จัก แต่ว่าฉันจะส่งคนไปค้นหาสักหน่อย”
“ช่างเถอะครับ แม่ พี่ใหญ่เป็นคนที่หนักแน่น ในเมื่อเขาพูดว่าจะหมั้น งั้นก็ต้องจริงจังแน่นอน แม่ก็อย่าตรวจสอบเลย หันกลับมาทำให้พี่ใหญ่ทุกข์ใจก็ไม่ดีแล้ว”
คำพูดนี้ของกานต์พูดจนนรมนลังเลชั่วขณะ สุดท้ายก็พยักหน้า
หลังจากเธอจากไป ไอราก็รีบรินน้ำร้อนให้กับกานต์แก้วหนึ่ง
“ดื่มน้ำหน่อยเถอะ ร่างกายนี้ของคุณขาดน้ำรุนแรงมาก ปากแตกหมดแล้ว”
“อืม”
กานต์ก็ไม่ได้ปัด รับน้ำร้อนมาจิบไปหนึ่งคำ จากนั้นเอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “เธอว่าพี่ใหญ่ฉันคนที่วันๆก็ชอบวิชาทางการแพทย์แบบนั้นทำไมอยู่ๆถึงได้จะหมั้น?”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?”
ไอรานอกจากเอาใจใส่กานต์แล้ว เรื่องอื่นๆก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรจริงๆ
กานต์คิดไม่เข้าใจก็ไม่คิดแล้ว เพียงแต่คิดถึงว่าตนเองช่วงเลานี้ต้องกักตัวตรวจสอบ ก็อดไม่ได้ที่จะกลัดกลุ้ม
“สัปดาห์หน้าฉันกลับไปไม่ได้ เธอกลับไปร่วมงานหมั้นของพี่ฉันแทนฉันก็แล้วกัน ถือโอกาสช่วยฉันเลือกของขวัญมอบให้กับพี่ชายฉัน”
“ฉัน?”
ไอราตะลึงงัน
เห็นท่าทางโง่ๆนี้ของเธอ กานต์หัวเราะเบาๆหน่อยนึงแล้วจึงเอ่ย “เธอคือแฟนฉัน ตอนนี้ฉันกักตัวตรวจสอบ เธอไม่ไปแทนฉันใครไปแทน?
“อ้อ”
ไอราโค้งมุมริมฝีปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน รู้สึกทั่วทั้งร่างกายมีฟองอากาศผุดออกมา
แฟนของกานต์!
คำเรียกนี้โคตรเพราะเลยจริงๆ รื่นหู!
“รอเรื่องคราวนี้จบลงแล้วฉันก็จะเขียนหนังสือคำร้อง”
“คำร้องอะไร? กานต์ ฉันจะบอกคุณให้นะ ฉันไม่อนุญาตให้คุณยอมสละความฝันของตัวเองเพื่อฉัน ฉันรู้ว่าค่ายทหารคือความฝันของคุณ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะให้คุณถอดเครื่องแบบทหารชุดนี้”
ไอราตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
คิดถึงคำพูดของชมพูขึ้นมา ไอราแทบอยากจะย้อนเวลากลับไปจริงๆ
หากเธอรู้ว่าที่ๆไปในตอนนั้นคือสถานที่ลักพาตัวล่ะก็ หากเธอรู้ว่าคนที่ดำเนินภารกิจในวันนั้นคือกานต์ล่ะก็ ต่อให้ให้ผลประโยชน์และสิ่งล่อใจกับเธอมากกว่านี้เธอก็ไม่มีทางไป
กานต์เห็นท่าทีตำหนิตนเองของไอราก็สามารถเดาออกว่าชมพูกับนะโมพูดอะไรกับเธอ ดวงตาของเขาอดไม่ได้ที่จะมืดมนลงหลายระดับ
“คิดอะไรน่ะ? ใครบอกกับเธอว่าฉันจะเขียนใบลาออก?”
“เมื่อครู่นี้คุณไม่ได้บอกว่าจะเขียนคำร้องหรอกหรอ?”
ไอราฟังความหมายในคำพูดนี้ของกานต์ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
กานต์อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้น ดีดสองทีลงบนหน้าผากของเธอในทันที
“โง่ให้ตายไปเลย”
“โอ๊ย เจ็บ!คุณตีหัวฉันอีกแล้ว!เดิมทีก็ไม่ฉลาด ตีอีกก็โง่แล้ว!กานต์ หรือว่าคุณอยากจะได้ภรรยาโง่น่ะ?”
ไอราลูบหน้าผากพร้อมกับบ่น
ผู้ชายบ้านี่แรงมือหนักจริงๆ
กานต์กลับยกมุมริมฝีปากขึ้น ห้วเราะสบายๆพร้อมกับเอ่ย “โง่ก็โง่สิ ไม่โง่จะสิ้นเปลืองให้กับผู้ชายหนึ่งคนมายี่สิบปีได้หรอ?”
“ฉันยินดี ใช่เรื่องของคุณหรอ?”
ไอราแม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่มุมปากกลับยกขึ้นมา แสดงให้เห็นว่าอารมณ์ค่อนข้างดี
กานต์เห็นดวงตาของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ถึงได้เอ่ยออกมาว่า “เขียนคำร้องเป็นคำร้องแต่งงานได้นี่นา หรือเธอยังอยากจะรออีกยี่สิบปีค่อยแต่งกับฉัน?”
ไอรานิ่งอึ้งไปอย่างกะทันหัน
เซอร์ไพรส์ ดีใจ ตื่นเต้น ท่วมอยู่ในอกของเธอ ทำให้เธอนอกจากนิ่งอึ้งแล้วคิดไม่ถึงว่าจะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรถึงจะถูกไปชั่วขณะ
“คุณขอฉันแต่งงานหรอ?”
“ถือว่าใช่มั้ง”
“แต่ว่าขอแต่งงานไม่มีดอกไม้สดไม่มีแหวนหรอ?”
ไอราเพิ่งจะพูดจบ หน้าผากก็ถูกดีดไปหนึ่งทีอีกครั้ง
“โอ๊ย คุณดีดฉันอีกแล้ว!กานต์คุณอยากตายใช่หรือเปล่า?”
สำหรับไอราที่เป็นแบบนี้ อยู่ๆกานต์ก็รู้สึกชอบเหลือเกิน
เขาคิดว่าเขาอาจจะโน้มเอียงไปทางทรมานตัวเองไปหน่อย
แต่ว่ากานต์กลับเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ดอกไม้สด แหวน? ผมยังควรคุกเข่าข้างเดียวกับพื้นด้วยใช่หรือเปล่า?”
“ในทางทฤษฎีก็ถูกต้อง ทุกคนต่างก็ทำเช่นนี้”
“ดังนั้นคนเหล่านั้นไม่ได้ชื่อว่ากานต์ ฉันก็แข็งกระด้างน่าเบื่อแบบนี้ จะแต่งก็แต่ง ไม่แต่งก็ช่าง”
กานต์ยังไม่มีเหตุผลขึ้นมาอีก
คิดถึงว่าไม่ง่ายเลยที่จะจีบกานต์ติด หากผู้ชายบ้าคนนี้ไม่ขอเธอแต่งแล้วจริงๆ งั้นเธอคงจะทุกข์ใจตายจริงๆ
“แต่งๆๆ ฉันก็ไม่ได้พูดว่าไม่แต่งหนิ”
ไอรารู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมา
ทำไมคนอื่นขอแต่งงานต่างก็โรแมนติกขนาดนั้น ถึงตาเธอกลับเป็นข่มขู่หลอกล่อแทน?
ถุย!
มีหลอกล่อที่ไหนกัน?
ชัดเจนว่าคือการข่มขู่!
ที่น่าเศร้าก็คือเธอยังไม่ถูกข่มขู่ไม่ได้
อยู่นานพอที่จะได้เห็นจริงๆ
เทียบกับความกลัดกลุ้มของไอรา กานต์กลับอารมณ์ดีมาก
“ค่อนข้างเหนื่อยแล้ว ช่วยฉันปรับอุณหภูมิสูงขึ้นหน่อย”
“อ้อ”
เจ้าหญิงที่โอ่อ่าแปลงกายเป็นสาวใช้ในทันที รีบหยิบรีโมทขึ้นมาปรับอุณหภูมิ
กานต์คว่ำตัวลงอย่างช้าๆ จากนั้นเอ่ยขึ้นอีกว่า “เจ็บหลัง ช่วยฉันอ่านหนังสือพิมพ์อะไรทำนองนั้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจหน่อยเถอะ”
“คุณไม่ได้จะนอน?”
“สะกดจิตก่อนนอน เจ็บเหลือเกิน นอนไม่หลับ”
คำพูดนี้ทำเอาไอราหุบปากในทันที
ก็ได้ คุณเป็นเจ้าใหญ่นายโต!
ไอราหยิบหนังสือพิมพ์ทหารมานั่งที่หน้าเตียงของกานต์อ่านอย่างช้าๆ
เสียงของเธอไม่ได้อ่อนแรงมาก แต่แฝงไปด้วยความหวานเลี่ยน กลับดันมีความทรงพลังอีกเล็กน้อย ก็ราวกับลมฤดูร้อนพัดที่บนใบหน้า ทำให้เย็นสดชื่น
กานต์ก็ไม่รู้ว่าตนเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไร เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอทำให้ไอราอดไม่ได้ที่จะวางหนังสือพิมพ์ลงอย่างเบามือ โทรศัพท์มือถือกลับดัง“ติ๊ง”ขึ้นมาในเวลานี้ หนึ่งข้อความถูกส่งเข้ามา ทำให้สีหน้าของไอราเปลี่ยนไปเล็กน้อยใจทันที