กานต์ไม่ได้สนใจความรู้สึกของน้องชายจะเป็นยังไง ดึงมือไอราเข้ามาหาแล้วพูดว่า “ไปดูห้องฉันไหม?”
“อืม”
แม้ว่าไอราจะเคยแอบเข้าห้องของกานต์นับครั้งไม่ถ้วน และมีบางครั้งที่นรมนอนุญาตบ้างก็ตาม แต่ตอนนี้กานต์เป็นคนออกปากเชิญเอง ความรู้สึกมันจึงแตกต่าง เธอทั้งรู้สึกขัดเขินและตื่นเต้น
กานต์ไม่สนใจเสียงโหยหวนของน้องชายทั้งสอง หันกลับมาจูงมือไอราขึ้นไปชั้นบน พร้อมกับหันไปพูดกับนรมน “แม่ เหมือนพ่อจะอยากพาแม่ไปเที่ยว ถ้าไปแล้วแม่เจอคนหล่อกว่าพ่อก็หาใหม่ได้ตามสบายเลยนะ ไม่เป็นไร หลังจากนี้ลูกคนนี้จะเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งทั้งด้านสภาพจิตใจและการเงินให้ครอบครัวเอง”
“ไปเถอะไป!”
นรนหัวเราะพร้อมเอ่ยไล่ ทว่ากลับรู้สึกอุ่นใจ
ลูกชายคนนี้มั่นใจในความรู้สึกแล้ว ส่วนกิจจาก็กำลังจะหมั้น ชั่วขณะหนึ่งเธอก็แอบรู้สึกโหวงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าไม่ทันไรตัวเองกับบุริศร์จะแก่ตัวลงถึงขนาดนี้
หลังจากที่ปรับความเข้าใจกับบุริศร์ ชีวิตในหลายปีที่ผ่านมาก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วเหมือนขี่ม้าลอดช่องแคบ ราวกับลูกๆเติบโตขึ้นภายในเวลาแค่ชั่วพริบตา แต่เธอกับบุริศร์กลับแก่ลงเรื่อยๆ
นรมนทั้งรู้สึกเจ็บจี๊ด ทั้งเสียดาย และสบายใจ
ในตอนที่บุริศร์เดินออกมาก็เห็นนรมนกำลังเดินอยู่ตรงทางเดินด้วยสีหน้าซับซ้อน จึงเข้าใจความรู้สึกของนรมนขึ้นมาในทันที
เขาเดินเข้าไปโอบไหล่ของนรมนเอาไว้ เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ยังไงเด็กๆก็ต้องไปมีความสุขของตัวเองสักวัน พวกเขามีคนคอยอยู่ข้างกายก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว หลังจากนี้พวกเราคงต้องปล่อยมือ หลังจากนี้ผมจะขึ้นเหนือล่องใต้ไปกับคุณเองดีไหม?”
“อืม”
นรมนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
โคนผมของบุริศร์เริ่มมีผมหงอกขาวๆเกิดขึ้นมาแล้ว
นรมนลูบใบหน้าของเขา เอ่ยพูดเสียงเบาว่า “บุริศร์ ฉันอยากกินกุ้ง”
บุริศร์นึกว่าภรรยาของตัวเองจะพูดอะไรเซ็กซี่ออกมา คิดไม่ถึงเลยยว่าจะพูดถึงเรื่องกิน แต่นรมนที่มีกลิ่นอายกรุ่นควันที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านคือแบบที่เขาชอบที่สุดไม่ใช่เหรอ?
“ได้ ผมจะไปทำ วันนี้ไหนๆเด็กๆก็กลับมากันหมดแล้ว เดี๋ยวผมทำอาหารเอง”
“ฉันจะไปเป็นลูกมือ”
นรมนดี๊ด๊าขึ้นมาทันที
ทั้งสองตรงไปยังห้องครัว
ทางด้านกิจจาเมื่อกลับมาถึงห้องก็หยิบบทวิจัยออกมาเริ่มทำทันที ไม่ได้มีความรู้สึกตื่นเต้นยินดีต่อการหมั้นหมายเลยสักนิด
ส่วนกานต์หลังจากที่พาไอรามาที่ห้องของตัวเอง ก็พลิกตัวกักกันไอราไว้กับผนัง พร้อมใช้เถ้าถีบประตูให้ปิดลง
ไอราตระหนกกับการกระทำเหล่านี้ของกานต์
“นายจะทำอะไร?”
เธอกำลังจะใช้มือปิดหน้าอกของตัวเองเอาไว้โดยอัตโนมัติ แต่กลับพบว่ามือของเธอถูกกานต์รวบติดผนังด้วยมือเพียงแค่เดียว
ท่วงท่าแบบนี้ ช่างชวนให้หวั่นใจ และแอบลุ้น
ไอรากะพริบตาปริบๆ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
“กานต์ นายอยากทำเรื่องอย่างว่าใช่ไหม? เอาเลย ฉันพร้อมแล้ว!”
ไอราเชิดหน้าขึ้น แอ่นอกไปข้างหน้า จนชนเข้ากับอกล่ำสันของกานต์
สัมผัสของความนุ่มดึ๋งนั้นทำให้กานต์หรี่ตาลงเล็กน้อย เลือดในกายเริ่มโหมกระพรือ
เสียงทุ้มของเขาพลันลุ่มลึก
“ตอนนี้กล้าแล้วเหรอ? ทำไม? อยากลองอุ่นเครื่องก่อนแต่งงานหรือไง?”
“แค่กๆ!”
ถึงไอราจะกล้ามากแค่ไหน แต่ในใจก็ยังแอบหวั่นอยู่ดี จึงสะอึกกับคำพูดของกานต์ที่พูดออกมา
เมื่อกานต์เห็นอย่างนี้ ก็อดที่จะเอ่ยถากถางออกมาไม่ได้ “ก้าวหน้านี่!”
ไอราอยากจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายไล่ต้อนให้ตาหมาบ้านี้หัวหมุนบ้างจริงๆ แต่น่าเศร้าที่พละกำลังและทักษะไม่ไหว
จิตใจของเธอเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ตกลงนายจะทำไหม? ถ้าไม่ทำก็ถอยออกไป!”
ไอราพยายามผลักกานต์ออก แต่กลับไม่เป็นผล
กานต์มองมาที่เธอเงียบๆ สายตาทอแววจับผิดและรอคอย
“เธอลืมอะไรไปหรือเปล่า?”
“ห๊า?”
ไอรางุนงง ต่อมาก็นึกขึ้นมาได้ว่าพูดอะไรบางอย่างกับเขาเอาไว้หลังจากที่ตัวเองตอบตกลงว่าจะกลับมากับกานต์
บรรยากาศกุ๊กกิ๊กพลันถูกจู่โจมจนแตกกระจายไม่มีเหลือ แทนที่ด้วยกลิ่นอายความกดดันปกคลุมรอบบริเวณพวกเขาเอาไว้ ทำให้หายใจติดขัด
“ปล่อยฉันก่อนได้ไหม? ฉันอยากไปเข้าห้องน้ำ”
ไอราค่อนข้างกังวล
กานต์มองมาที่เธอ ราวกับอ่านใจของเธอออก สุดท้ายก็ปล่อยไอรา แล้วพูดเสียงเรียบนิ่งว่า “ถ้าเธอไม่อยากพูดหรือรู้สึกว่ามันลำบากใจก็ช่างมันเถอะ ถึงยังไงสำหรับฉันแล้ว ขอแค่มีเธออยู่ข้างกาย และตราบใดที่เธอมีความสุขก็เพียงพอแล้ว”
เพียงพองั้นเหรอ?
ไอราไม่คิดเลยว่ากานต์จะขอน้อยขนาดนี้
เป็นเพราะว่าในด้านของความรักเธอเป็นคนทุ่มเทให้ใจก่อนหรือเปล่านะ?
เธอถึงได้ให้ความน้ำหนักกับทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอและกานต์ เธอรู้สึกว่ามันล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องใหญ่เทียมฟ้า ถ้าหากกานต์มีเรื่องปิดบังเธอ เธอก็จะไม่ถามไถ่ เพราะอยากให้ความเป็นส่วนตัวและอิสระกับเขาเต็มที่
ไอราเองก็ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆก็รู้สึกอิดออดขึ้นมา
เธอเองก็ไม่รู้ว่าอยากให้กานต์ทำยังไงกันแน่ แต่รู้แค่ว่าในตอนนี้หัวใจมันมีความรู้สึกน้อยใจบางอย่างติดอยู่ และมันก็พลอยทำให้รู้สึกอึดอัดไปด้วย
“ไม่เป็นไร ฉันขอเข้าห้องน้ำแป็บเดียว แล้วเดี๋ยวจะออกมาพูดกับนาย”
“ได้”
กานต์ไม่ได้พูดอะไรมาก
หลังจากที่ไอราเข้าไปในห้องน้ำ กานต์ก็เปิดคอมพิวเตอร์ ให้สิงหราชส่งบิลต่างๆของYS Group มาให้ จากนั้นก็เปิดดูคร่าวๆ
สิงหราชคือผู้ช่วยของกานต์ เมื่อกานต์เข้ารับช่วงต่อบริษัทเต็มตัว เขาก็ต้องเข้ามาทำงานในบริษัทด้วย
ด้านไอราก็ขังตัวเองไว้ในห้องน้ำ นึกย้อนไปถึงตอนแรกที่ได้รู้จักกับสายฟ้ามันคือช่วงไหนกันนะ?
อ่อ ใช่ เมื่อครึ่งปีก่อน
ในตอนนั้นกานต์ได้รับบาดเจ็บกลับมาจากการสู้รบ เพราะว่าอาการสาหัสมมาก จึงต้องอยู่ในห้องไอซียูตลอด
ตอนนั้นบุริศร์กับนรมนเป็นกังวลแทบบ้า แล้วยิ่งไอรายิ่งแทบจะนั่งไม่ติดพื้น แต่เพราะมันเกี่ยวข้องกับตัวตนของเธอและกานต์ ไม่ว่าเธอจะร้อนใจแค่ไหนก็ไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมกานต์ที่โรงพยาบาลทหารได้
ไอราในตอนนั้นไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยมใดๆ
และนั่นเป็นครั้งแรกที่สายฟ้ามาเจอเธอ และบอกเธอว่า เขามีวิธีช่วยให้ไอราเข้าไปเยี่ยมกานต์ในนั้นได้
ไอราในตอนนั้นตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
และสายฟ้าก็สามารถพาไอราเข้าไปหากานต์ต่อหน้าต่อตาทุกคนได้จริงๆ
เมื่อไอราเห็นสภาพของกานต์ก็เกือบจะทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่
กานต์ที่เคยองอาจห้าวหาญนอนนิ่งเหมือนตุ๊กตาพังอยู่บนเตียง จากที่ได้ยินมาลูกกระสุนของศัตรูยิงทะลุกระดูกสันหลังของเขา จนบาดเจ็บถึงไต
กานต์จำเป็นต้องเปลี่ยนไต แต่ว่าในสถานการณ์คับขันอย่างนี้กลับหาไตมาเปลี่ยนให้ไม่ได้ ซึ่งถ้ายังหาไตที่เข้ากันกลับกานต์ไม่ได้อีกต่อไป กานต์ก็จะตกอยู่ในอันตราย
โชคยังดีที่พระเจ้าเมตตา ที่บันดาลให้ไตของเธอเข้ากับของกานต์ได้พอดี และนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ไอราแอบเซ็นชื่อบริจาคอวัยวะลับหลังครอบครัว และเธอยังกำชับให้ทุกคนที่รู้เก็บมันเป็นความลับ
เธอกับกานต์ถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วยกัน ชั่ววินาทีนั้นเธอเต็มใจแม้จะหวาดหวั่นและไม่มั่นใจกับอนาคต เพียงเพราะคนคนนั้นคือกานต์ แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าการบริจาคร่างกายในครั้งนี้จะทำให้สายฟ้ามีช่องว่าง