กมลไม่รู้ว่าเรื่องนี้ดีหรือไม่ดีกันแน่ เห็นท่าทีสุขุมเยือกเย็นของพี่ชายตนเอง เธอจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“พี่ เพราะเรื่องนี้เหรอพี่ถึงได้ยอมรับไอรา?”
“ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถมอบชีวิตของตนเองให้พี่ได้ พี่จะยังมีเหตุผลอะไรที่ไม่ยอมรับเธออีก? บนโลกนี้สงสัยว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่สามารถเอาทั้งชีวิตมารักพี่ได้อย่างเธออีกแล้ว”
“งั้นพี่รักเธอไหม? หรือจะให้ถามว่าพี่จะรักเธอได้ไหม?”
นี่สิถึงเป็นคำถามที่กมลกังวลใจที่สุด
ตลอดชีวิตของไอราต้องการแค่กานต์คนเดียว แต่ถ้าเป็นเพราะบุญคุณกานต์ถึงได้ยอมรับเธอ คาดว่าด้วยความถือตัวของไอราคงยอมรับไม่ได้อย่างเด็ดขาด
กานต์พูดอย่างไม่ลังเลสักนิด: “รัก! ถึงการเปลี่ยนแปลงของพี่มันจะกะทันหันไปบ้าง แต่หลังจากที่พี่เข้าใจจิตใจที่เปลี่ยนไปของตัวเองอย่างถ่องแท้ จริงๆพี่ยอมรับไอราก่อนหน้านั้นตั้งนานแล้ว แต่ว่าเป็นความเคยชิน ที่ทำให้พี่ชินกับการปฏิเสธเธอก็เท่านั้น หลายปีนี้เธอเหมือนกับเงาของพี่ ไม่ว่าพี่จะทำอะไร ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะมีอุปสรรคขนาดไหนเธอมักจะติดตามอยู่ข้างหลังพี่เสมอ แค่พี่หันไปก็จะได้เจอเธอ นี่กลายเป็นความเคยชินไปแล้ว ตอนนั้นที่พี่อาการหนักใกล้ตาย พี่มองหาแต่ร่างของไอราโดยไม่รู้ตัว แต่วินาทีนั้นเธอกลับไม่อยู่” ตอนที่พูดถึงตรงนี้ กานต์เงียบไปชั่วครู่ แววตาหม่นหมอง
“นั่นเป็นครั้งแรกที่พี่ไม่เห็นไอราอยู่ตรงหน้าพี่ ไม่รู้ว่าเพราอะไรจู่ๆพี่ก็ลนลานขึ้นมาหน่อยๆ พี่กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้เจอร่างนั้นอีกแล้ว พี่กลัวว่าตัวเองจะหมดหนทางออกไปจากห้องผ่าตัดโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ พูดตามความจริง วินาทีนั้นคนที่พี่อยากเจอไม่ใช่พวกเธอ แต่เป็นไอรา พี่คิดว่าถ้าพี่ตายอยู่บนเตียงผ่าตัด ไอราจะเป็นยังไง? บนถนนของโลกแห่งความตายยัยนั่นจะติดตามพี่ไปปากประตูแห่งความตายด้วยกันไหม? ก็มีแค่เวลานั้นพี่ถึงได้เข้าใจ หลายปีนี้ไอราเข้ามาในใจของพี่อย่างเงียบๆตั้งนานแล้ว เหมือนอากาศ เหมือนน้ำ มันเป็นไปโดยธรรมชาติมากๆ แต่กลับทำให้พี่แยกจากไปไหนไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเป็นเพราะบุญคุณหรือเพราะอะไร ตอนนี้ก็แยกได้ไม่ชัดเจนแล้ว พี่แค่รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เอาชีวิตมารักพี่ พี่จึงต้องตอบแทนเธอด้วยชีวิตเช่นกัน ส่วนเรื่องที่เธอไม่อยากให้พี่รู้ พี่ก็จะทำเป็นไม่รู้ ถึงยังไงแค่เธอมีความสุขมันก็พอแล้ว จริงๆถ้าคิดดูให้ดี การที่เธอชอบพี่ มันก็มีเรื่องน่ายินดีไม่กี่เรื่องหรอก”
ตอนที่กานต์พูดถึงไอราแววตากลับอบอุ่นจนผิดปกติ นั่นเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ปรากฏออกมาเองตามธรรมชาติ ก็เหมือนกับที่บุริศร์มีให้นรมน
ดังนั้นกมลจึงคลายกังวลลงได้เต็มที่แล้ว
“พี่พูดอย่างนี้ฉันก็สบายใจ ไม่งั้นฉันคงหวาดหวั่นอยู่ตลอดแน่ๆเลย พี่เป็นพี่ฉัน เธอเป็นเพื่อนสนิทฉัน ถ้าพี่ทำไม่ดีกับเธอ ฉันคงหมดหนทางจะเลือกจริงๆ”
“เลือกอะไรล่ะ? พี่ชายเธอไม่ใช่คนที่จะทรยศคนรักอยู่แล้วนะ”
กานต์ยื่นมือออกไปดีดเธอ แล้วส่งชาผู่เอ๋อร์ที่ต้มเสร็จแล้วไปให้
กมลรับไป นึกถึงเรื่องที่ไอราบอกเธอว่าเกี่ยวข้องกับสายฟ้า แต่ก่อนพะว้าพะวังกานต์ที่ไม่รู้เรื่องบริจาคไตจึงไม่อยากพูด ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังแล้ว จึงพูดเรื่องที่ไอรากับสายฟ้าติดต่อกันออกมา
กานต์ได้ฟังก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มิน่าล่ะยัยนั่นถึงปรากฏตัวอยู่ในสถานที่ลักพาตัว เกี่ยวกับพี่อย่างที่คิดไว้เลย!”
“ใช่น่ะสิ แค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันไปถึงพี่ ไอราก็จะเสียสติ แต่ทว่าเพราะการปรากฏตัวของเธอ เบื้องบนจึงเริ่มตรวจสอบเธอ ถึงตอนนั้น……”
“เรื่องนี้พี่จัดการเอง”
กานต์พูดนิ่งๆ แล้วจิบชาดิบไปหนึ่งคำ แววตาเคร่งขรึมมากขึ้น
สายฟ้าใช่ไหม?
หลอกใช้ผู้หญิงของเขามาคิดบัญชีเขางั้นเหรอ?
ดีมาก!
เขาจะทำให้สายฟ้าเข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง!
“ใช่สิ พี่ ตอนบ่ายพวกฉันโดนพริมรตาตามตื๊อไม่ยอมปล่อยเลย วิดีโอที่แพร่สะพัดอยู่บนอินเทอร์เน็ต พี่เป็นคนลบสินะ?”
“อืม”
กานต์ไม่ได้ปฏิเสธ
กมลยกมุมปากขึ้น
“พี่โอ้อวดเอาใจภรรยาอย่างนี้ไม่กลัวคนอื่นๆเอาไปนินทาหรือไง?”
“ใครไม่พอใจ? ถ้าไม่พอใจก็กลั้นเอาไว้นะ ไม่ก็มาจัดการพี่สิ”
น้ำเสียงที่เย่อหยิ่งนี้ของกานต์ทำให้กมลหมดหนทางจะคุยกับเขาได้อย่างสนุกสนานจริงๆ
“ฉันไปละ ไปอาบน้ำดีกว่า ได้เจอพี่ชายอย่างพี่ ฉันนับถือจริงๆ”
กมลลุกออกไปทันที
แต่กานต์กลับยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วดื่มชาดิบตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
พริมรตางั้นเหรอ?
ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักพอจริงๆ
พลาดทำให้เธอบาดเจ็บ ในใจของกานต์รู้สึกผิดมากๆอยู่แล้ว แต่ตอนที่รู้ว่าพริมรตากับสายฟ้าเกี่ยวพันกันเขาก็เก็บหัวใจที่เห็นอกเห็นใจของตัวเองขึ้นมา
ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ยังจะไม่ไปจากเขาอีก ถึงขั้นทำให้ไอราอับอายต่อหน้าสาธารณชน เธอคิดว่าเขาใช้ชีวิตเหมือนกับคนรวยๆที่วันๆเอาแต่กินดื่มเล่นอยู่ข้างนอกพวกนั้นจริงๆงั้นเหรอ?
ดื่มชาในมือจนหมด กานต์จึงลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าที่ไอราซื้อมาให้เขาออกมา ต้องบอกเลยว่าสายตาของไอรายังคงเฉียบแหลมมากๆ รู้รสนิยมของเขา ของที่ซื้อมาต่างก็ทำให้เขาพอใจทั้งนั้น
กานต์เลือกชุดสบายๆชุดหนึ่งมาใส่ตามใจ กำลังส่องกระจกก็นึกถึงที่กมลบอกว่าไอราชอบมองกล้ามท้องแปดก้อนของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปากขึ้นมา
ยัยนั่นอดใจรอที่จะได้นอนห้องเดียวกับเขาไม่ไหวแล้วสินะ?
นึกถึงตรงนี้ กานต์จึงโทรไปหาสิงหราช
“ช่วยนัดเวลาลงทะเบียนที่สำนักงานกิจการพลเรือนให้ฉันหน่อย ฉันจะจดทะเบียนสมรส”
“ครับ คุณชายกานต์”
แม้สิงหราชจะค่อนข้างแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ไปจัดการตามคำสั่งทันที
ตอนที่กานต์สวมชุดสบายๆลงมา ไอรากำลังช่วยนรมนทำอาหารอยู่ในครัว ส่วนบุริศร์โดนเปลี่ยนออกมาแทน
น้อยมากที่จะได้เห็นลูกชายของตนเองไม่ได้สวมเครื่องแบบทหาร ดวงตาของบุริศร์จึงเป็นประกาย ยิ้มพูดขึ้น: “แกใส่ชุดสบายๆแล้วก็ดูดีใช้ได้เลยนะ”
“คนมันหล่อ ใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้นแหละครับ”
กานต์มองเข้าไปในครัว ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ยัยนั่นเข้าไปในครัวทำไมน่ะ?
ก็ไม่รู้ว่าร่างกายคล่องแคล่วดีหรือยัง
บุริศร์ได้ยินกานต์พูดจาหน้าไม่อายอย่างจริงจังเช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดไม่ออก
“ก็ยีนมันดีไง”
“ถ้าผมไม่หล่อเป็นทุนเดิม ต่อให้ยีนดีขนาดไหนก็คงไม่หล่อขนาดนี้หรอกครับ”
กานต์กับบุริศร์กำลังต่อปากต่อคำกัน แต่คิ้วของกานต์กลับขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ไอราจะทำอะไร?
คิดจะเข้าไปผัดกับข้าวงั้นเหรอ?
กานต์ก็ทนไม่ไหวแล้วเดินเข้าไป ดึงไอราเข้ามาในอ้อมอกทันที
“อาหารที่เธอทำกินได้หรือไง? ฉันคนเดียวมันไม่เป็นไรหรอกนะ แต่พ่อแม่ฉัน พี่ฉันแล้วไหนจะกมลอีก เธอวางแผนจะทำให้ทุกคนท้องเสียกันหมดเลยหรือไง?”
พูดจบกานต์ก็ดันไอราออกไปจากห้องครัวทันที ตอนที่หันกลับมาก็ได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของแม่ตนเอง ราวกับสีหน้าที่ได้เห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน กานต์ลูบๆจมูกพูดขึ้น: “แม่ครับ พ่อผมเป็นห่วงที่แม่ต้องมาอยู่ในนี้กลิ่นเขม่าน้ำมันมันแรงเกินไป ถึงให้ผมเข้ามาทำแทนน่ะครับ”
“เราทำอาหารเป็นเหรอ?”
เรื่องนี้นรมนกลับไม่รู้
กานต์พูดนิ่ง: “กองกำลังทหารเป็นเตาหลอมขนาดใหญ่ จะมีอะไรที่ผมทำไม่ได้ล่ะครับ? แม่รีบออกไปเถอะ”
พูดๆอยู่กานต์ก็ดันนรมนออกไป จากนั้นก็ปิดประตูห้องครัว ผูกผ้ากันเปื้อนแล้วเริ่มเทน้ำมัน ผัดกับข้าวด้วยความคล่องแคล่ว ลงมือทำได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด