“เอาหล่ะ เรื่องพวกนี้ไม่ขอพูดแล้วนะ เธอลองคิดดูสิว่าใครลงมือกับเธอ?หนอนบ่อนไส้ข้างกายคนนี้ถ้าจับไม่ได้ต้องเกิดเรื่องแน่ๆเลย” คำพูดของกานต์ดึงความคิดของชมพูกลับมาอย่างรวดเร็ว
เธอขมวดคิ้วอย่างเคร่งครัด พูดเสียงทุ้มต่ำว่า“คนที่อยู่ข้างกายฉันมีแค่ไม่กี่คนเอง นอกจากคุณกับนะโมแล้ว ก็คือคนในธีมของเรา หนอนบ่อนไส้ตัวนี้คง ไม่ใช่คนที่อยู่ในทีมของเราหรอกนะ?”
ชมพูไม่อยากสงสัยคนของตัวเองที่สุด ที่สำคัญทุกคนเป็นทีมเดียวกัน ซึ่งร่วมทุกข์ร่วมสุข และอยู่ด้วยกันมาหลายปีถ้ามีหนอนบ่อนไส้จริงๆ ยังไงซะเธอจะ รู้สึกไม่สบายใจ
แววตาของกานต์เข้มขรึมมากขึ้น
เขาคิดถึงเรื่องที่ใช้คอมพิวเตอร์ของชมพูเมื่อไม่นานมานี้ ทางโน้นฝีมือยอดเยี่ยมมาก ส่วนหลายคนที่เก่งด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์น้ันเขาล้วนรู้จัก หลังจากตัดพวกนี้ออกไปอย่างละเอียดอีกคร้ัง ดวงตาที่เฉี่ยวคมคู่น้ันก็เข้มขรึมมากขึ้น
“ยังจำได้รึเปล่าที่ฉันพูดว่าวันที่ฉันท้าภารกิจวันน้ัน มีคนแตะต้องปืนของฉัน?คนที่สามารถเข้าออกโกดังนอกจากพี่กับฉันแล้ว ยังมีคนในทีมของเรา เพราะฉะนั้นหนอนบ่อนไส้คนนี้ต้องเป็นคนในทีมของเราแน่ๆเลย”
กานต์พูดคำนี้ออกมาปุ๊บ สีหน้าของชมพูก็ดูแย่ลงอย่างสิ้นเชิง
เธอไม่อยากคิดเช่นนี้เลยจริงๆ แต่ว่ากานต์ก็พูดถึงขนาดนี้แล้ว เธอรู้ดีว่าตัวเองอยากถอยก็คงเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว
ถ้าเธอจับหนอนบ่อนไส้คนคนน้ันได้เธอไม่ปล่อยเขาไปแน่
“ฉันจะตรวจสอบดูนะ”
“อืม ช่วงนี้เธออย่าห่างกับนะโมเลยนะ มีเขาอยู่ ฉันสบายใจบ้าง”
ได้ยินกานต์พูดแบบนี้ ชมพูถามจากจิตใต้สำนึกว่า “ฉันเป็นแบบนี้แล้ว พี่จะอยู่เป็นเพื่อนฉันบ้างไม่ได้เชียวหรือ?”
“ตอนนี้ฉันเป็นคนที่มีครอบครัวแล้วนะ อีกอย่างฉันกำลังหาไตที่เข้ากับไอราอยู่ ฉันให้เธออยู่แบบไตข้างเดียวไม่ได้ อย่างน้ันมันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ”
ใต้ตาของกานต์เผยความอ่อนโยนออกมา
ชมพูรู้ดีว่าตัวเองไม่มีวิธีรั้งกานต์เอาไว้ ถึงแม้มีความอาลัยอาวรณ์บ้างก็ตาม แตว่าคนเราเมื่อโตขึ้นก็เป็นแบบนี้แหละ ต้องรู้จักปล่อยวาง และต้องรู้จักให้คนอื่นได้สมหวัง
“พี่คะ ขอให้พี่กับพี่สะใภ้มีความสุขอย่างยั่งยืน พวกพี่ต้องดีกันตลอดไปนะคะ อย่างน้อยให้น้องเชื่อว่ายังมีความรักอยู่บนโลกนี้จริงๆ” แววตาของชมพูมีน้ำตา
กานต์ยื่นมือทิ่มหัวของเธอหนึ่งคร้ังและพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “พูดเหลวไหลอะไรกัน?พ่อแม่เธอไม่ใช่ความรักหรอกหรือ?”
“ความรักของพวกเขาลำบากเกินไปแล้ว ถึงแม้หลายปี มานี้พ่อของฉันทำดีกับแม่ของฉันมาโดยตลอดก็ตาม แต่ว่าฉันรู้ดีว่าในใจของแม่ยังปล่อยวางไม่ได้ ถ้าหากสามารถรักกันในยามที่ยังสาวยังหนุ่ม ฉันคิดว่านี่ถึงจะเป็นความรักที่สมบูรณ์แบบ ส่วนพี่กับไอราก็น่าจะเป็นแบบนี้ เพราะฉะน้ันพวกพี่ต้องอยู่กันอย่างยาวนานใช่ไหมคะ?”
“อืม แน่นอนอยู่แล้ว”
กานต์ยิ้มแย้ม และพูดว่า “เธอก็ต้องมีความสุขนะ”
“ได้เลย”
ชมพูปวดใจอย่างหนัก
ปล่อยมือ ไม่ได้ง่ายอย่างที่ตัวเองคิดเลย ผู้ชายคนนึงที่อยู่กับตัวเองมาตั้งครึ่งค่อนชีวิตกำลังจะไปจากชีวิตตัวเอง ตั้งแต่นี้ไปจะเจอกันสักคร้ังก็คงยากเสียแล้ว ความรู้สึกแบบนั้นก็เหมือนกับโดนถลอกหนัง เจ็บปวดจนหายใจไม่ออก แต่ว่าเธอก็ต้องฝืนยิ้ม เพราะว่าเธอไม่อยากกลายเป็นภาระของเขา
“ฉันเหนื่อยแล้วค่ะพี่ ฉันอยากพักผ่อนสักครู่”
“ได้เลย ถึงแม้พี่ไม่อยู่ในค่ายทหารแล้วก็ตาม แต่ว่าวันข้างหน้ามีเรื่องอะไรก็หาพี่ได้เลยนะ”
“ตกลงค่ะ”
ชมพูรีบพยักหน้า กลัวกานต์เห็นน้ำตาของเธอ เธอใกล้จะควบคุมไม่ได้แล้ว
ความจริงแล้วทำไมกานต์จะดูไม่ออกว่าชมพูเสียใจ?
แต่ว่าบางคร้ังความรักจำเป็นต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
หากตัดไม่ขาด ต้องวุ่นวายแน่ๆ อีกอย่างเจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอไม่ใช่เขาสักหน่อย
กานต์หันหลังออกไปจากห้องผู้ป่วย ระหว่างนี้ไม่หันกลับมามองอีกเลย
ชมพูมองดูข้างหลังของเขาที่มุ่งมั่น กัดริมฝีปากล่างและน้ำตาไหลรินอย่างไร้เสียง กลับรู้ตัวว่าตัวเองน้ันไม่มีสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น ที่จะเรียกร้องผู้ชายคนนี้กลับมา ตอนที่กานต์ออกมา สามีภรรยาธเนศพลไม่อยู่ทั้งคู่ มีแค่นะโมยืนอยู่ตรงหน้าประตูชัดเจนมากเลยว่า คำพูดของกานต์เมื่อสักครู่เขาได้ยินหมดแล้ว นะโมพูดอย่างเสียใจว่า “เฮีย ความจริงแล้วเฮียไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่ครับ ขอแค่เฮียอยากกลับมา เราต้อนรับเฮียเสมอนะ” “แต่ว่าฉันไม่อยากกลับมาแล้ว”
คำพูดของกานต์ทำให้นะโมตกใจและประหลาดใจเล็กน้อย
“เมื่อก่อนเฮียชอบค่ายทหารมากเลยไม่ใช่หรือ?ความฝันของเฮียอยู่ที่ค่ายทหารไม่ใช่หรือ?”
“ความฝันเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและสิ่งแวดล้อม นะโมเราต่างโตกันแล้ว คนมากมายแยกจากกันที่สี่แยก ตอนนี้ฉันมีเส้นทางของตัวเอง ส่วนเส้นทางนี้ไม่เกี่ยวข้องกับค่ายทหารเลย วันหยุดวันข้างหน้าสามารถมาหาฉันได้เลยนะ ฉันเลี้ยงเองจำไว้นะ เราเป็นพี่น้องกันตลอดไป”
คำพูดสุดท้ายของกานต์คำนี้ทำให้นะโมน้ำตาไหลทันที
“เฮีย ผมไม่ชินกับชีวิตที่ไม่มีเฮียอยู่ข้างๆ”
“ค่อยๆก็จะชินไปเอง เวลาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและไร้หัวใจที่สุด ดีกับตัวเองและชมพูนะ ถึงแม้ฉันเห็นชมพูเป็นน้องสาวก็ตาม แต่ว่าฉันก็ไม่อยากให้นายลำบากตัวเองเกินไป หลังจากจีบได้สักพัก ถ้าหาชมพูไม่มีใจต่อนายจริงๆ นะโม เปลี่ยนเป้าหมายเถอะนะ”
คำพูดของกานต์ทำให้นะโมยิ้มอย่างขมขื่น
“เฮีย ลูกพี่เล็กจีบเฮียมาตั้งหลายปีแล้วนะ ทำไมเฮียไม่เปลี่ยนเป้าหมายดูบ้างหล่ะ?หรือให้ลูกพี่เล็กเปลี่ยนเป้าหมายดูบ้าง?” จู่ๆกานต์ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
มันก็ถูก ความรักของใครก็ตามล้วนมีความยืนหยัดของตัวเอง
“งั้น ฉันก็ขออวยพรให้นายสมหวังดั่งปรารถนานะ”
“ขอบคุณเฮีย”
กานต์ตบไหล่ของนะโม แล้วหันหลังออกไปจากโรงพยาบาล
นะโมมองดูชมพูซึ่งอยู่ในห้องผู้ป่วย เธอร้องไห้หนักมาก ใต้ความเอ็นดูเขายกขาเดินเข้าไป ยื่นกระดาษทิชชูบนโต๊ะให้กับชมพู “ปล่อยวาง ใช่ว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีหัวใจของเขาไม่อยู่ที่คุณ คุณฝืนรั้งเอาไวก็เปล่าประโยชน์”
“ฉันรู้”
เสียงของชมพูแห้งแหบเล็กน้อย
เธอร้องไห้อยู่สักพักถึงมองหน้านะโม มองแบบจริงจังๆ มองจนนะโมเขินอายเล็กน้อย
“เป็นอะไรหรือ?”
“พี่กานต์บอกว่านายชอบฉันหรอ?”
ชมพูพูดคำนี้ออกมาปุ๊บ แก้มของนะโม แดงขึ้นมาทันที
“ผม……”
“นะโม ฉันจะให้โอกาสนายหนึ่งคร้ัง นายคิดดูดีๆนะ ฉันต้องการฟังความจริง นายชอบฉันใช่รึเปล่า?”
“ใช่”
นะโมพูดออกมาแบบหมดเปลือก ทันทีนั้นรู้สึกว่าสบายใจมากเลยทีเดียว
หลายปี มานี้เขารู้มาโดยตลอดว่าชมพูชอบกานต์และรู้อีกว่ากานต์ไม่ชอบชมพูเพราะฉะน้ันเขาจึงรอชมพูมาโดยตลอด
เขาก็เป็นคุณชายบ้านตระกูลสมบัติศิริ หน้าตาหล่อเหลาและมากความสามารถ ต้องการผู้หญิงแบบไหนก็มี และมีพรสวรรค์อีกด้วย แต่ว่าเขาชอบแค่ชมพูคนเดียว
ตอนนี้มีโอกาสแบบนี้ นะโมรู้สึกว่าแม้ตัวเองบอกรักไม่สำเร็จก็ตาม เขาก็ไม่เสียใจ อย่างน้อยได้ทำตามหัวใจตัวเองแล้ว
ชมพูคิดไม่ถึงเลยว่านะโมจะตอบหมดเปลือกขนาดนี้ แววตาที่มีน้ำตานั้นขณะนี้ ทำให้คนมองดูอย่างน่าสงสาร อยากกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอดและปลอบโยน เธอจริงๆ