ไอราออกแรงหยิกกานต์ในทันที สายตางุนงงทำให้กานต์ขำ
“เธออยากให้พวกเขาเข้ามาเห็นฉันสภาพนี้เหรอ?”
ไอราที่กำลังมองกล้ามอกแน่นๆของกานต์อยู่ ส่ายหน้าออกไปโดยไม่รู้ตัว
เธอต้องไม่อยากให้คนอื่นเห็นกานต์สภาพอย่างนี้อยู่แล้ว
ทั้งร่างกายของกานต์เป็นของเธอนะ!
เห็นไอราส่ายหัว กานต์จึงยิ้มพูดขึ้น “หยิบเสื้อในตู้เสื้อผ้ามาให้ฉันที”
ก่อนหน้านี้กิจจาหาคนไปซื้อเสื้อผ้ามาให้กานต์หลายชุดแล้ว ไม่งั้นด้วยความรวดเร็วของเขาที่บาดแผลติดอยู่กับเสื้อผ้าคงจัดการไม่ได้จริงๆ
ไอราจึงรีบหาเสื้อมาให้กานต์ใส่
แต่กานต์ยังไม่ทันติดกระดุม ก็เปิดประตูออกไปอย่างนั้น
ด้านนอกเป็นคนของเขตทหารที่พากองกำลังทหารเข้ามา เห็นกานต์สีหน้าซีดเผือด จึงกวาดสายตาไปที่ร่างกายท่อนบนของเขา ถามขึ้นด้วยความประหม่า “คุณกานต์ คุณได้รับบาดเจ็บเหรอครับ? โดนใครทำร้ายมาเมื่อกี้ใช่ไหมครับ?”
“ไม่ใช่ นี่พ่อตาเป็นคนลงมือน่ะ แค่ศึกษาก่อนจะยกลูกสาวให้”
คำพูดของกานต์ทำให้ไอราเคอะเขินขึ้นมาทันที
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคิดไม่ถึงว่ากานต์จะพูดเรื่องน่าอายอย่างนี้ออกมา ทั้งยังแสดงท่าทางโอ้อวดสีหน้าภาคภูมิใจอีก จึงตะลึงงันไปเลย
สีหน้าของคนอื่นๆก็ประหลาดใจมาก
ในเขตทหารกานต์ถือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เนื่องจากได้รับเหรียญบำเหน็จความชอบทางด้านการรบมากมาย จึงกลายเป็นเทพที่ได้ใจคนจำนวนมาก
ตอนนี้เทพผู้ไม่เคยกินอาหารบนโลกมนุษย์ไม่นึกว่าจะเปลี่ยนไปธรรมดาเช่นนี้ ก็เพื่อแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งจึงยอมอดกลั้นที่จะโดนตำหนิอย่างรุนแรงและได้รับการประเมินจากพ่อตา จู่ๆพวกเขาก็รู้สึกว่ากานต์อยู่ห่างจากพวกเขาใกล้มากๆ ใกล้จนได้กลิ่นของมนุษย์ซะแล้ว
มีคนใจกล้าถามขึ้น “คุณกานต์ ตอนแต่งงานจะส่งการ์ดเชิญมาให้พวกผมไหมครับ?”
“ส่งไปให้พวกนายก็คงมาไม่ได้อยู่ดี แต่ตอนนั้นฉันจะส่งถุงลูกอมลูกกวาดไปที่เขตทหารแน่นอน ให้พวกนายทุกคนได้กิน มา ดูสิ นี่คือพี่สะใภ้ในอนาคตของพวกนาย”
พูดแล้วกานต์ก็ดันไอรามาที่ด้านหน้า
หน้าของไอราแดงราวกับลูกแอปเปิ้ล ยิ่งกระวนกระวายมากขึ้นเล็กน้อย
“สวัสดีค่ะ”
ไอราเอ่ยปากออกมาเบาๆ
“สวัสดีครับพี่สะใภ้!”
เสียงของทั้งกลุ่มดังกังวาน คนขวัญอ่อนคงตกใจเสียงพวกเขาแน่ๆ แต่ทว่าไอรากลับสบายใจ
สามารถทำให้เพื่อนร่วมรบของกานต์ยอมรับได้ เธอรู้สึกว่าความพยายามทั้งหมดของตนเองมันคุ้มค่าแล้ว
“เอาล่ะ ไปจัดการเรื่องที่พวกนายควรทำกันได้แล้ว ที่ฉันนี่ไม่ได้มีอะไร”
กานต์รู้ว่าพวกเขาออกทำภารกิจ คงไม่ดีถ้าจะล่าช้านานเกินไป จึงเอ่ยปากไล่พวกเขา
อีกฝ่ายเห็นกานต์พูดอย่างนี้ ก็ไม่ได้มีความระแวงและไม่พอใจใดๆเลย พากันออกไปอย่างคึกคัก
หลังจากกานต์ปิดประตูห้อง ไอราถึงได้มีสติกลับมา ก็บอกอยู่ว่าไม่อยากให้คนอื่นๆเห็นร่างกายของกานต์ไม่ใช่เหรอ?
อีกอย่างในเมื่อต้องการให้คนพวกนั้นเห็น ทำไมกานต์ต้องให้เธอไปหาเสื้อผ้ามาด้วย?
“นายคิดอะไรแผลงๆอีกแล้วใช่ไหม?”
ไอรารู้สึกว่าตนเองไม่เคยเข้าใจความคิดของกานต์เลย
กานต์ยิ้มๆ “ต่อไปเธอก็จะรู้เอง เหนื่อยไหม? เรื่องผ่าตัดไม่ต้องเครียดนะ มีแม่เธอกับพี่ชายฉันอยู่ ส่วนไตที่หามาได้ก็ปลอดภัยแน่นอน เชื่อฉัน ไม่มีปัญหาหรอกรับรองเลย”
“อื้ม”
เมื่อก่อนไอราค่อนข้างต่อต้านการผ่าตัดนี้ แต่ทว่าเธอรู้ที่กานต์ทำอย่างนี้ก็เพื่อตนเอง เธอก็หวังว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของตนเองจะได้เดินไปกับกานต์ให้มากขึ้น ดังนั้นเธอจึงตอบตกลง
บางทีการอยู่ต่อหน้าความรัก ทุกคนต่างก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น
เธออยากใช้ชีวิตให้ดี เพื่อกานต์ เพื่อชีวิตที่มีความสุขในวันข้างหน้า เธอต้องใช้ชีวิตให้ดี
ทั้งสองคนยังอยากพูดอะไรกันอีก แต่เสียงเคาะประตูจากด้านนอกลอยเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้กานต์เริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว
ยังไม่จบอีกใช่ไหม?
เขาจะเดินไปเปิดประตู แต่กลับโดนไอราห้ามเอาไว้
“ฉันไปดีกว่า ตัวนายมีบาดแผล ก็ควรจะมีท่าทีของคนที่บาดเจ็บนะ อย่าหาเรื่องเจ็บตัวเลย นั่งเฉยๆเถอะ”
โดนไอราใส่ใจ ความรู้สึกนี้ไม่เลวเลย
กานต์จึงนั่งยิ้มบางๆอยู่ตรงนั้น ไอราเดินไปเปิดประตู
ตอนที่เปิดประตูแล้วเห็นกิจจา ไอราก็ชะงักเล็กน้อย
“พี่กิจจา?”
“กานต์อยู่ไหม?”
“อยู่ค่ะ”
ไอรารีบเปิดประตูให้กิจจาเข้ามา
กิจจาไม่ได้พูดอะไรมาก เข้าห้องมาแล้วก็เห็นเสื้อของกานต์เปิดออก คงจะทำแผลเสร็จแล้ว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาเปลี่ยนไปในทันที มองกานต์แล้วพูดขึ้น “มีเรื่องจะคุยกับนายหน่อย จะคุยกันส่วนตัวหรือคุยตรงนี้?”
ไอราเข้าใจความหมายในคำพูดของกิจจา จึงรีบพูด “ฉันกลับห้องก่อนนะ แม่กับน้องชายฉันคงเป็นห่วงฉันอยู่”
“ไอรา อยู่นี่แหละ”
กานต์จะมองไม่ออกได้ยังไงว่าไอราหาข้ออ้างออกไปจากที่นี่?
แต่สำหรับเขาแล้ว ตอนนี้ไม่มีเรื่องและสิ่งของอะไรที่ต้องหลบเลี่ยงไอราแล้ว
เห็นกานต์เช่นนี้ กิจจาก็เข้าใจท่าทางและการตัดสินใจของเขาแล้ว จึงมองไอราแล้วพูดขึ้น “การผ่าตัดของไอราอาจจะต้องเลื่อนไปก่อน”
“หมายความว่าไง?”
กานต์ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
หาไตมาได้ในเวลาที่เร็วที่สุด แล้วเตรียมการผ่าตัดให้ไอรา ก็เพื่อให้หลังการผ่าตัดไอรามีปฏิกิริยาต่อต้านน้อยลงหน่อย รับรองผลความสำเร็จของการผ่าตัดได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้จู่ๆกิจจากลับบอกว่าเลื่อนการผ่าตัดออกไป เขาจึงเป็นกังวลขึ้นมา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?”
กิจจาพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึม
“เมื่อกี้ได้ยินเสียงปืนไหม?”
“ได้ยิน”
กานต์เดินไปที่ด้านหน้าของไอรา จับมือของเธอเอาไว้แน่น
ผู้หญิงคนนี้ต่อให้ไม่มีเรื่องอะไรก็ชอบคิดเหลวไหล เมื่อกี้เธอเพิ่งจะตอบตกลงยอมรับการผ่าตัด แต่ถ้าต้องล้มเลิกเพราะปัจจัยภายนอก เขากลัวว่าครั้งต่อไปไอราจะไม่ตอบตกลงอย่างว่าง่ายแล้วน่ะสิ
ตอนที่ไอราได้ยินว่าเลื่อนการผ่าตัดออกไปก็กระวนกระวาย ไม่ค่อยสบายใจ แต่กานต์ที่กำลังจับมือของเธออยู่ตอนนี้ ฝ่ามือที่ทั้งแห้งผากทั้งอบอุ่นนั้นปลอบประโลมความไม่สบายใจของเธอได้ในทันที หัวใจจึงค่อยๆสงบลง
เธอมองกานต์ ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
กานต์รู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้รับผลกระทบอะไรจึงคลายกังวลลงได้
กิจจาเห็นท่าทีของพวกเขา ก็ไม่อยากพูดออกมาจริงๆ แต่ทว่ากานต์จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้
เขาพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้ม “ฝ่ายนั้นมาที่โรงพยาบาลแย่งชิงไตที่เตรียมไว้ให้ไอราไป ตอนที่หนีเอาตัวรอดพบเข้ากับทหารลาดตระเวน ทั้งสองฝ่ายจึงเกิดการปะทะกันอย่างฉับพลัน คนที่มาเยือนยิงปืนใส่แล้ววิ่งหนีไปพร้อมกับไต ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีไตให้ไอราผ่าตัดแล้ว”
“คนเมื่อกี้บุกมาเพราะไตงั้นเหรอ?”
แววตาของกานต์เคร่งขรึมขึ้นทันที
ถ้าเป็นแค่ผู้ก่อการร้ายที่มาคนเดียว เขาก็สบายใจที่จะมอบให้คนของเขตทหารจัดการ ถึงยังไงก็มีคนอยู่มากมายขนาดนั้น จะจับผู้ก่อการร้ายเพียงคนเดียวมันช่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือจริงๆ
ไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะได้เอาอกเอาใจไอรา จึงไม่อยากให้เรื่องอื่นๆมาทำลายบรรยากาศที่หวานชื่นของพวกเขา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะบุกเข้ามาเพราะเรื่องไต
เขาเป็นคนหาไตมาให้ไอรา ซึ่งแทบจะเป็นเหมือนชีวิตในวันข้างหน้าของไอราเลย แต่ไม่นึกว่าจะมีคนโผล่เข้ามาแย่งไตไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น มันใช้ได้ที่ไหนวะ!
แววตาของกานต์ปรากฏความโหดเหี้ยมออกมา
“มันหนีไปทางไหน?”
แค่เขาพูดอย่างนี้ไอราก็รู้แล้วว่าเขาจะทำอะไร เพียงแต่เธอไม่คาดหวังให้กานต์เสี่ยงอันตรายเพื่อเธอ