“ทำไมอะไร?”
กิจจาพยายามหลบสายตาของกานต์ ถึงจะสุขุมหนักแน่นมาโดยตลอด แต่ทว่าความถี่ในการดื่มน้ำยังคงทำให้กานต์มองออกว่าในใจของเขาค่อนข้างประหม่า
กานต์เดินเข้าไปทีละก้าวๆ มองกิจจา รับแก้วน้ำจากในมือของเขามา จ้องตาของกิจจาถามขึ้น “ทำไมต้องทำขนาดนี้? พี่รู้จักคนที่มาขโมยไตงั้นเหรอ?”
“อืม”
ในที่สุดกิจจาก็มองกานต์
สายตาของเขามีความรู้สึกผิด มีความเสียใจ แต่กลับไม่หลบเลี่ยงอีกแล้ว
“เพราะอะไร? บอกเหตุผลผมมาสักข้อสิ”
กานต์ไม่รู้สึกว่ากิจจาจะเป็นผู้ก่อการร้าย ยิ่งไม่รู้สึกเลยว่าเขาจะช่วยเหลือคนนอกให้มาทำร้ายคนในครอบครัว
เขาเป็นพี่ใหญ่ของตนเอง หลายปีนี้เพื่อน้องชายน้องสาวแล้ว ถึงขั้นที่เพื่อตัวเขา กิจจาได้ทำเรื่องมากมาย ถึงเขาไม่พูดแต่กานต์ก็รู้อยู่แก่ใจ
การเสแสร้งของคนๆหนึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสมบูรณ์แบบขนาดนี้ แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดเอาไว้หลายปีขนาดนี้ กิจจาเป็นคนของตระกูลโตเล็ก สำหรับความรักที่มีต่อตระกูลโตเล็กมันประจักษ์ชัดแจ้งแก่สายตาของทุกคนอยู่แล้ว ถ้ามีคนบอกว่ากิจจาสมคบคิดกับผู้ก่อการร้าย เขาคนหนึ่งแหละที่ไม่เชื่อ แต่วินาทีนี้เขากลับต้องการเหตุผลสักข้อจนแทบทนไม่ไหว
กิจจาดันๆแว่นตาที่อยู่บนจมูก พูดด้วยเสียงทุ้ม “พี่ติดค้างหนี้ชีวิตเธอ บุญคุณนี้ต้องชดใช้ พี่รู้ว่าเรื่องของพี่เองไม่ควรเกี่ยวโยงไปถึงนายกับไอรา แต่เธอมาขอร้องพี่ถึงที่นี่ พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไง”
กานต์ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาวางแก้วลงบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นเดินออกไป
จู่ๆกิจจาก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา
“กานต์ นายด่าพี่เถอะ หรือจะต่อยพี่ก็ได้ นายไม่พูดไม่จาอย่างนี้มันหมายความว่าไง?”
“ไม่ได้หมายความอะไร ผมจะไปหาไอรา”
กานต์ไม่หันมามอง ถึงขั้นที่ไม่หมุนตัวกลับมา เขาเดินออกไปอย่างนั้นเลย แต่ถ้ามองดีๆจะเห็นว่าร่างกายของกานต์กำลังสั่นเทิ้มเล็กน้อย
เดิมทีกิจจาอยากจะตามออกไป แต่หลังจากที่เขาลุกขึ้นถึงได้พบว่าตนเองไม่มีสิทธิ์แล้วก็ไม่มีหน้าที่จะตามออกไปด้วย
กานต์ออกมาจากห้องทำงานของกิจจาแล้ว พิงอยู่ที่ผนังของทางเดิน จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าเรี่ยวแรงทั้งร่างกายโดนสูบออกไปจนหมด ถ้าไม่ใช่ว่าเมื่อกี้อดกลั้นเอาไว้ เป็นไปได้มากว่าคงล้มอยู่ต่อหน้ากิจจาแล้ว
ผลลัพธ์นี้ทำให้เขายอมรับไม่ได้ แล้วก็ไม่สามารถเผชิญหน้าได้ด้วย
ถ้าตอนนี้ไปหาไอราควรพูดยังไงดีล่ะ?
จะให้บอกว่าไตของเธอโดนคนอื่นแย่งไปแล้ว ส่วนพี่ใหญ่ของตนเองก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดงั้นเหรอ?
เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบเป็นการตัดสินใจของกานต์เพียงผู้เดียวที่ต้องการให้ไอราทำการผ่าตัด ตัดสินใจไปซื้อไตที่ตลาดมืด ตัดสินใจให้ไอรากลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่วิธีการทั้งหมดที่เขาพยายามทำให้ดีที่สุด กลับคิดไม่ถึงผลลัพธ์อย่างนี้
ใจของกานต์ว้าวุ่น ในสมองยุ่งเหยิง เขานั่งลงไปบนเก้าอี้ดวงตาเหม่อลอยไปทิศทางหนึ่ง แต่ในฝ่ามือกลับกำผมยาวเส้นหนึ่งเอาไว้
เจอสิ่งนี้อยู่บนไหล่ของกิจจา เขาจึงหยิบติดมือออกมาด้วย
อีกฝ่ายเป็นใคร บางทีผ่านเส้นผมเส้นนี้อาจจะพอยืนยันอะไรได้บ้าง แต่ทว่าเขาก็ค่อนข้างหวาดหวั่น
กานต์ไม่รู้ว่าตนเองกำลังกลัวอะไรอยู่ ความรู้สึกนั้นทำให้เขารู้สึกกลัดกลุ้ม ไม่สบายใจ
นั่งอยู่ข้างนอกพักใหญ่ กานต์ถึงได้มีเรี่ยวแรงกลับมา เขาถือเส้นผมไปที่ห้องของตนเอง
เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการทำงาน ที่ที่เขาอยู่จึงมีเครื่องมือมากมาย
กานต์ดำเนินการอยู่สักพัก DNAของเส้นผมก็ออกมา เขาจึงแฮกเข้าไปในคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาDNAที่สอดคล้องกัน ตอนที่เห็นข้อมูลของอีกฝ่ายจึงตะลึงงันไปชั่วครู่
ไม่นึกว่าอีกฝ่ายก็คือเมษา ลูกสาวของเสนาธิการนภทีป์
กานต์อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องที่ตนเองพลาดทำร้ายตัวประกันก่อนหน้านี้
มีคนเคยแตะต้องปืนของเขามาก่อนแล้ว ส่วนเขาอยู่ทีมเดียวกับธันวา พี่ชายของเมษา
ก่อนหน้านี้กานต์ไม่อยากสงสัยสหายของตนเอง ถึงยังไงหลายปีนี้ ทุกคนก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ถึงขั้นตายด้วยกัน เมื่อเข้าสู่สนามรบแล้วสามารถมอบด้านหลังตนเองให้แก่เพื่อนตายของกันและกันได้ แต่ทำไมถึงเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ล่ะ?
ตอนนี้เมษามาขโมยไต กานต์จึงจำเป็นต้องคิดมาก
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
จริงๆเสนาธิการนภทีป์ก็อยู่เงียบๆมาโดยตลอด
หลายปีที่อยู่ในตำแหน่งนี้อย่างมั่นคงมาก ทำเรื่องอะไรก็ถือว่าสงบนิ่ง และถือว่าธเนศพลให้ความสำคัญกับเขา
ถ้าบอกว่าเขตทหารมีไส้ศึก ใครๆก็สมควรที่จะถูกหวาดระแวง แต่เสนาธิการนภทีป์กลับเป็นคนหนึ่งที่น่าสงสัยน้อยที่สุด
แต่ตอนนี้ลูกชายและลูกสาวของเขาพัวพันอยู่กับกานต์กันหมด กานต์จึงต้องครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนขึ้นมา
เขาถอยออกมาจากคอมพิวเตอร์ เก็บเส้นผมเส้นนั้นขึ้นมา ตอนที่ลุกขึ้นจะออกไป ก็เห็นท่าทางที่กำลังจะเคาะประตูของกิจจาอยู่ที่หน้าประตูพอดี
กานต์จึงมองอย่างเหม่อลอย
เขาไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับกิจจายังไง ตอนนี้จึงกำลังมองเขา ไม่ได้พูดอะไร
กิจจายิ้มมุมปากด้วยความเจ็บปวด
เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เราไปหาที่นั่งคุยกันเถอะ”
“อื้ม”
จริงๆกานต์เอาแต่บอกตนเองว่าไม่ต้องสนใจ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ผ่านหลุมนี้ในใจไปไม่ได้
คนๆนี้จะเป็นใครก็ได้ เขารับได้ทั้งนั้น ยกเว้นคนของตระกูลโตเล็ก พี่น้องที่เติบโตมากับตนเอง เขายอมรับไม่ได้เลย
กิจจาถอดเสื้อกาวน์ออก สวมชุดสบายๆเรียบง่าย ดูๆแล้วเหมือนช่วงวัยเด็ก ทำให้คนที่ได้เห็นเคลื่อนสายตาไปไม่ได้เลย
กานต์เดินตามอยู่ด้านหลังเขา เพราะเรื่องนี้ส่งผลกระทบให้อารมณ์หม่นหมอง ทั่วร่างกายจึงแพร่กระจายกลิ่นอายของความเย่อหยิ่งที่แสนเย็นชาออกมา
ทั้งสองคนกำลังเดินอยู่บนทางเดิน ดึงดูดความสนใจของคนมากมายได้ในทันที
“พระเจ้า นี่แฝดหรือเปล่าน่ะ? เหมือนกันมากเลย”
“คนหนึ่งสงบนิ่งคนหนึ่งมุทะลุแตกต่างกันสุดขั้ว ดึงดูดสายตาสุดๆ ฉันอยากรู้จักพวกเขาจัง”
พยาบาลกับผู้หญิงหลายๆคนกำลังมองพวกเขาด้วยใบหน้าที่หลงใหลเคลิบเคลิ้ม แต่ไม่ว่าจะเป็นกิจจาหรือกานต์ ก็ไม่ได้มีความเห็นอะไรมากมายกับเรื่องนี้ ถึงขั้นที่พวกเขาเดินออกไปจากโรงพยาบาลโดยที่ไม่ได้มองด้วยซ้ำ
ด้านข้างโรงพยาบาลมีร้านกาแฟร้านหนึ่ง กิจจาพากานต์เดินเข้าไป จองห้องส่วนตัว แล้วเดินเข้าไปในห้อง
ตั้งแต่เดินมาจนถึงร้านกาแฟกานต์ไม่พูดอะไรเลยสักคำ
หลังจากเข้ามาในห้องส่วนตัว กิจจาสั่งกาแฟบลูเมาท์เทนสองแก้ว แล้วให้บริกรออกไป ส่วนตนเองกลับล็อกประตูห้องส่วนตัวทันที
กานต์นั่งมองทุกอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จา คนๆกาแฟที่อยู่ในมือ ทว่าไม่มีความต้องการที่จะดื่มเลย แต่กลับไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำอะไรบ้างควรจะพูดอะไรบ้าง
บรรยากาศในตอนนี้ค่อนข้างทำอะไรไม่ถูกและน่าอึดอัด
กิจจากลับไปที่โต๊ะ เห็นกานต์เอาแต่มองแก้วกาแฟอยู่ตลอด ราวกับไม่มีคำพูดใดๆที่อยากถาม แต่ทั่วร่างกายกลับแพร่กระจายบรรยากาศของความเย็นชาออกมาจนทำให้กิจจารู้สึกหดหู่
“ตอนนี้คงเกลียดพี่มากเลยใช่ไหม?”
“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก”
กานต์ไม่ได้เงยหน้าขึ้น พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“พี่เป็นพี่ผม เป็นคนในครอบครัวของผม ผมจะเกลียดใครก็ได้ ยกเว้นพี่เพียงคนเดียว”
มือของกิจจาชะงักเล็กน้อย แล้วฝืนยิ้มพูดขึ้น “ไม่เกลียดพี่งั้นเหรอ? ถ้าวันนี้เปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ทำอย่างนี้ นายจะทำยังไง?”
“ผมจะฆ่าเขา”
กานต์เงยหน้าขึ้นทันที แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ดวงตาแดงก่ำกำลังบอกกิจจาว่า เขาไม่ได้ล้อเล่น
ก็ในวินาทีนี้เอง กานต์ถึงได้เข้าใจความรู้สึกของตนเองที่มีต่อไอราอย่างชัดเจน
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขาหยั่งรากลึกแต่กลับไม่รู้ตัว โชคดีที่ทุกอย่างยังมาได้ทันท่วงที แต่ในสถานการณ์อย่างตอนนี้ควรทำยังไงดี?