บรรยากาศจมลงไปถึงจุดเยือกแข็งอย่างฉับพลัน
หมอกิจจา คุณอย่ามาบีบฉันนะ!
กิจจากำลังทำให้ท่านพลเดือดดาล
หลายปีมานี้ ยังไม่มีใครสักคนที่กล้าพูดกับเขาขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ว่าหลานของตนเองจำเป็นต้องให้กิจจาผ่าตัดให้ เขาก็อยากจะฆ่ากิจจาให้ตายไปเดี๋ยวนี้จริงๆ
กิจจาเองก็เข้าใจความรู้สึกของท่านพลในตอนนี้ แต่ทว่าเหมือนเขายังยั่วโมโหไม่พอจึงพูดต่อ ถ้าคุณกล้าแตะต้องอาจารย์ของฉันแม้เพียงเล็กน้อยก็ลองดู ท่านพลใช่ไหม? ตอนนี้คุณยืนอยู่บนอาณาเขตของใครเหมือนคุณเองก็ยังไม่ชัดเจนเลยนะ? งั้นฉันจะบอกคุณเอง ตระกูลโตเล็กของฉันอยากจะจัดการท่านพลอย่างคุณสักคน ไม่ใช่เรื่องยากเลยจริงๆ ที่ฉันไม่ได้รบกวนคนในครอบครัว เพราะไม่อยากทำให้เรื่องราวใหญ่โต ฉันแค่อยากให้อาจารย์ของฉันปลอดภัย อยากให้คนในครอบครัวของฉันสุขภาพแข็งแรง แต่มันไม่ได้หมายความว่าฉันกลัวคุณ ตอนนี้เป็นคุณที่ต้องขอร้องฉัน งั้นก็ควรจะมีท่าทางของคนที่กำลังวิงวอนขอร้องสิ
คุณอยากได้ท่าทางแบบไหน?
ท่านพลพยายามควบคุมความโกรธของตนเองเอาไว้
จู่ๆด้านนอกก็มีคนๆหนึ่งเดินเข้ามา ตอนที่เห็นกิจจาจึงตะลึงไปชั่วครู่
กานต์?
กานต์เห็นคนที่เดินเข้ามาจากทางหน้าจอก็ชะงักไปเล็กน้อยเช่นกัน
สายฟ้า?
ไม่นึกว่าสายฟ้าจะอยู่ที่นี่?
เกิดอะไรขึ้น?
เขากลั้นหายใจฟัง ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของกิจจาดังขึ้น ถ้าคุณตาบอดสามารถไปที่แผนกตาได้ ฉันจะแนะนำหมอให้คุณเอง
ได้ยินกิจจาพูดอย่างนี้ สายฟ้าจึงได้สติกลับมาทันที
เขารู้อยู่แล้วว่ากิจจากับกานต์หน้าตาค่อนข้างเหมือนกัน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเหมือนกันขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ว่าทั้งสองคนนิสัยไม่เหมือนกัน เขาอาจจะแยกไม่ออกจริงๆก็ได้
ท่านพลเห็นสายฟ้ามาแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะระบายอารมณ์ใส่เขา
ไอ้ขยะ! ไสหัวไปข้างๆ
ครับ
ถึงสายฟ้าจะชอบกระพือความลับต่อหน้าของคนนอกยังไง แต่ต่อหน้าของท่านพลเขากลับกลายเป็นคนที่ระมัดระวังตัว
จู่ๆในหัวของกานต์ก็มีเสียงฟ้าร้องดังครึกโครมปะทุอะไรบางอย่างออกมา เขาจึงรีบบันทึกรูปของท่านพลจากทางหน้าจอ แล้วส่งไปให้นะโมทันที
หาข้อมูลของคนๆนี้ให้ฉันที
นะโมที่ด้านนี้ยังกังวลเรื่องที่ชมพูโดนพิษอยู่ ทั้งยังมาได้ยินว่าไตของไอราโดนขโมยไปอีก ทั่วโรงพยาบาลทหารจึงพากันเป็นห่วง ทีมลาดตระเวนของเขตทหารจึงเดินกันไปทีละกลุ่มๆ เสียงเดินกลับไปกลับมาทำให้เขาร้อนใจ
ตอนที่ได้รับข้อความของกานต์โดยไม่ได้คาดคิดเขาจึงค่อนข้างตกตะลึง
ชมพูเห็นเขาเหม่อลอย จึงถามขึ้น เป็นอะไรไป? ใครส่งข้อความมา?
เฮียให้ฉันตรวจสอบคนๆหนึ่งน่ะ
นะโมรีบเปิดคอมพิวเตอร์
หลังจากกานต์ส่งข้อความไปแล้วถึงรู้สึกได้ว่าแม้แต่มือถือของเขากิจจาก็ไม่ได้เก็บไป
ดังนั้นทั้งหมดนี้เป็นการปกป้องเขางั้นเหรอ?
ไม่สิ!
เขามาจากครอบครัวของนายทหารที่สง่าผ่าเผย ยังมีความยากลำบากอะไรที่เขาไม่เคยได้เจออีกงั้นเหรอ? ตรงไหนที่จำเป็นต้องให้กิจจาปกป้องบ้างล่ะ?
ดังนั้นการปกป้องที่เห็นได้อย่างชัดเจนนี้ จริงๆแล้วกิจจาหวังอยู่เงียบๆว่าตนเองจะส่งข่าวอะไรออกไปใช่ไหม?
กิจจาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ เข้าไปในถ้ำเสือก็แค่เพื่อให้ได้ข่าวสารบางอย่างและข้อมูลที่มีประโยชน์แก่เขางั้นเหรอ?
อีกอย่างกิจจารู้ได้ยังไงว่าตนเองกำลังตรวจสอบสายฟ้าอยู่?
แล้วเขารู้ได้ยังไงอีกว่าลูกพี่ของสายฟ้าคือท่านพล?
ตอนนี้กานต์ทำความเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว เพียงแต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพัวพันอยู่กับเรื่องพวกนี้
กิจจาที่ด้านนี้เห็นสายฟ้าโดนสั่งสอนราวกับเป็นคนอื่นคนไกล จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะพูดขึ้น ลูกนอกสมรสก็คือลูกนอกสมรสอยู่ดี คิดไว้แล้วว่าการแสดงออกคงไม่เหมือนกับบุตรโดยชอบธรรมที่คุณรักสุดหัวใจหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะท่านพลไม่มีทายาทอีกแล้ว คุณคงจะไม่รับลูกนอกสมรสคนนี้มาไว้ข้างกายหรอกใช่ไหมล่ะ?
ลูกนอกสมรส คำนี้ทำให้แววตาของสายฟ้าเย็นชาขึ้นเล็กน้อย ส่วนสีหน้าของท่านพลยิ่งตื่นตระหนกตกใจและกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หมอกิจจาน่าเสียดายนะที่มาเป็นหมอ จู่ๆฉันก็พบว่าหมอกิจจาก็เป็นคนที่มีความสามารถ งั้นหมอกิจจาอยู่เป็นหมอของครอบครัวฉันดีกว่าไหม? ฉันสามารถมอบเครื่องมือการรักษาและสถานที่ทำการวิจัยที่ดีที่สุดในโลกแก่คุณได้ แล้วฉันยัง……
รีบๆเงียบปากคุณไปเถอะ
กิจจาตัดบทคำพูดของเขาทันที
คิดว่าคนทั้งโลกเป็นขอทานหรือไง? ถ้าคุณมอบแผนการที่สมบูรณ์แบบให้ก็จะสามารถทำให้คนอื่นๆบริการให้คุณฟรีๆได้งั้นเหรอ? ฉันควรจะบอกว่าคุณใสซื่อที่ประเมินคนของตระกูลโตเล็กต่ำไป? หรือจะบอกว่าคุณโง่ดี ไม่นึกว่าจะใช้สิ่งของเหล่านี้มาติดสินบนคนของตระกูลโตเล็ก
คำพูดของกิจจาทำให้สีหน้าของท่านพลเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ท้ายที่สุดจึงกัดฟันพูดขึ้น ถ้าฉันบอกว่าสามารถช่วยรักษาโรคมะเร็งของอาจารย์คุณให้หายดีได้ล่ะ?
สีหน้าของกิจจาเปลี่ยนไปทันที
คุณพูดจริงใช่ไหม?
แน่นอน หมอกิจจา ถึงฉันจะไม่ได้มีทักษะทางการแพทย์เหนือชั้นอย่างคุณ แต่ฉันมีคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก โรคมะเร็งของมิลินได้ยาของคุณเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ อยู่ในขั้นตอนแรกที่ประคับประคองให้อยู่รอดมาโดยตลอด พวกฉันได้ทำการพัฒนายาที่มีส่วนช่วยเหลือโรคมะเร็งของเธอ ดังนั้นหมอกิจจาจะไม่ครุ่นคิดอีกสักหน่อยจริงๆเหรอ?
ดวงตาเล็กๆของท่านพลคู่นั้นจดจ้องไปที่กิจจา ทำให้กิจจาขมวดคิ้วขึ้นมา
ฉันต้องเอายากลับไปวิจัยก่อน ถ้ายืนยันแล้วว่าปลอดภัยถึงจะให้อาจารย์ฉันใช้ได้
แค่กิจจาพูดออกไป ท่านพลจึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
แน่นอน แค่หมอกิจจาทำการผ่าตัดให้หลานฉัน ฉันก็จะมอบยานี้ให้ เป็นไง?
ฉันต้องดูสถานการณ์ของเขาก่อนถึงสามารถตัดสินใจทำแผนการผ่าตัดได้
ถือว่ากิจจายอมประนีประนอมแล้ว
แววตาของท่านพลแสดงความกระหยิ่มยิ้มย่องออกมาเล็กน้อย
คนที่ยิ่งโอหังอวดดีต่างก็มีจุดอ่อนกันทั้งนั้น แค่จับจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้ เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะควบคุมคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้
กิจจาโดนพาเข้าไปในห้องข้างๆ
สายฟ้าจึงพูดขึ้นด้วยความกังวล ท่านพล กิจจาคนนี้เป็นคนเก็บตัว ไม่น่าจะยอมอ่อนข้ออย่างง่ายดายขนาดนี้ เราระวังตัวไว้หน่อยคงดีกว่านะครับ
ต้องให้แกบอกด้วยหรือไง? ฉันไม่มีสมองเหรอ? แล้วเจอตัวกานต์หรือยัง?
สายตาที่ท่านพลมองสายฟ้ารังเกียจสุดๆ แต่สายฟ้าดันเป็นทายาทเพียงคนเดียวของเขาที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ เขาไม่มีทางให้สายฟ้ามาอยู่ข้างกายตนเองเด็ดขาด แล้วก็เพราะอย่างนี้ เขาจึงให้สายฟ้าเรียกตนเองว่าท่านพลมาโดยตลอด จริงๆแล้วแค่ไม่อยากยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างสายฟ้ากับเขานั่นเอง
สายฟ้าเองก็รู้ ดังนั้นตอนที่กิจจาพูดว่า ลูกนอกสมรส คำนี้ออกมาก็รู้สึกได้ถึงหนามที่ทิ่มเข้ามาลึกๆในใจของตนเอง
แม้แต่คนนอกก็มองท่าทีที่ท่านพลมีต่อเขาออก แล้วตัวเขาเองล่ะ? นึกถึงลูกชายที่นอนรอเปลี่ยนไตอยู่บนเตียง ท้ายที่สุดสายฟ้าจึงต้องอดกลั้นท่าทีนี้เอาไว้
ไม่ว่าจะพูดยังไง ท่านพลไม่ยอมรับเขาแต่กลับยอมรับลูกชายของเขา เรื่องนี้ยังทำให้เขาปลื้มใจอยู่ดี
ไม่ผิดหรอก เด็กคนนี้เป็นลูกของเขากับพริมรตา
ปีนั้นที่เขาโดนท่านพลรับตัวเข้ามา ก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นลูกชายของท่านพล ส่วนท่านพลบังคับให้เขาหาหญิงสาวคนหนึ่งมาให้กำเนิดลูกให้เขา พริมรตาจึงกลายเป็นตัวเลือกที่สำคัญ
น่าเสียดายที่ท่านพลอายุมากแล้ว นอนกับพริมรตาไปหลายครั้งแต่ก็ไม่ท้องสักที ท่านพลจึงให้เขาได้มีส่วนร่วมด้วย ตอนนั้นเขายังรู้สึกแปลกมากๆ จนกระทั่งพริมรตาตั้งท้อง คลอดลูกออกมา การให้ความสำคัญกับความใส่ใจที่ท่านพลมีต่อเด็กทำให้สายฟ้าเริ่มมีความคิดอื่นขึ้นมา
เขาถือโอกาสตอนที่ไม่มีใครอยู่เก็บตัวอย่างเส้นผมของเด็กกับท่านพลไปทำการตรวจ DNA นี่ถึงได้รู้ชาติกำเนิดของตนเอง แต่ตอนที่เขาถามท่านพล กลับได้รับเพียงความเหยียดหยามและความรังเกียจกลับมาเท่านั้น
ตอนนี้ท่านพลถามสายฟ้าราวกับถามลูกน้องอย่างนั้น สายฟ้ารู้สึกเสียใจ ทว่ายังรายงานไปตามความจริง แต่จู่ๆก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ลอยออกมาจากในห้องของเด็ก ท่านพลกับสายฟ้าถึงรีบวิ่งเข้าไปราวกับเสียสติ