ในตอนที่ไอราในใจกำลังตุ๊มๆต่อมๆ ชมพูก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่มีอะไร อยู่ๆอยากไปห้องน้ำ สุดท้ายถูกหนูตัวหนึ่งทำให้ตกใจจนกลับเข้าไปแล้ว นายออกไปซื้ออาหารเช้าเป็นเพื่อนฉันเถอะ”
พูดจบชมพูก็ไม่สนว่านะโมจะมีสีหน้าอะไร ดึงแขนนะโมออกจากห้องไปในทันที ยังเหวี่งประตูอย่างออกแรง กลัวว่าไอราจะไม่ได้ยินยังไงอย่างงั้น
หนู?
คิดไม่ถึงว่าเธอจะบอกว่าเธอคือหนู!
ไอรารู้สึกกลัดกลุ้ม แต่ว่าชมพูไม่ได้ให้นะโมรู้ว่าตนเองอยู่ที่นี่ก็ได้เป็นการไว้หน้าเธอแล้ว เธอคงไม่กล้าจะพูดอะไรอีก
หลังจากที่จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยด้วยความรวดเร็ว ไอราก็อายที่จะกลับห้องแล้ว วิ่งไปยังสุดระเบียงทางเดินเห็นแมทธิวกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ไม่พูดอะไรดึงมือของแมทธิวออกเดินในทันที
“เอ๊ะ พี่ใหญ่?พี่รอเดี๋ยว ผมคุยโทรศัพท์อยู่”
“แม่ล่ะ?”
ไอราตอนนี้ไม่สามารถเผชิญหน้ากับกานต์ได้จริงๆ
เธอทำอะไรลงไปกันแน่?
คนที่จ้องมองดูตรงนั้นของกานต์ด้วยใบหน้าที่มึนงงในก่อนหน้านี่จะต้องไม่ใช่เธออย่างแน่นอน!
ไม่ใช่!
ในใจของไอราทำการตระเตรียมใจ ลากแมทธิวเดินด้วยความรวดเร็ว
แมทธิวเห็นเธอเป็นเช่นนี้ก็รู้ว่าโทรศัพท์ของตนเองคุยต่อไปไม่ได้แล้ว ก็เลยถูกเธอลากอย่างยอมรับชะตากรรม เดินไปด้วยพูดไปด้วยว่า “แม่กับคุณณิตาอยู่ที่ห้องทำงานน่ะ คาดว่ากำลังปรึกษาแผนการผ่าตัดของพี่ ใช่แล้ว พี่เขยล่ะ?”
ตอนนี้แมทธิวเรียกกานต์ว่าพี่เขยต่อหน้าไอราแล้ว
พอเอ่ยถึงกานต์ขึ้นมา ไอราก็รู้สึกว่าส่วนใบหน้าเป็นไข้
เธอเอ่ยขึ้นในทันทีว่า “หุบปาก!พูดพร่ำอย่างกับพวกผู้หญิงเลย”
แมทธิวกลัดกลุ้มขึ้นมาในชั่วขณะ
ทำไมเขาถึงเป็นพวกผู้หญิง?
พี่ใหญ่วันนี้เช้ากินยาผิดเหรอ?
หรือจะบอกว่าความต้องการของเธอไม่เติมเต็ม?
คิดถึงภาพที่เห็นตอนที่เข้าประตูไป แมทธิวก็มาตรงๆประโยค “พี่เขยเสื่อมสมรรถภาพ?”
ไอราอึดใจเดียวแทบจะสำลักตาย สีหน้ายิ่งถูกเผาจนลน
“พูดจาซี้ซั้วอะไร?”
“งั้นพี่ไฟโทสะโชติช่วงขนาดนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ หรือไม่ใช่เพราะพี่เขยเสื่อมสมรรถภาพ ความต้องการของพี่ไม่เติมเต็มหรอ? ฉันกับแม่เห็นพี่โอบกันนอนนะ”
คำพูดที่ไม่มีรั้วกั้นเลยแม้แต่น้อยนี้ของแมทธิวทำให้ไอราเกือบจะหารอยต่อพื้นมุดเข้าไปแล้วจริงๆ
ได้ไม่ได้เธอไม่รู้ แต่ใหญ่ไม่ใหญ่เธอน่ะเห็นชัดเจน
ไอ้เจ้าที่ใหญ่ขนาดนั้นนกเขาจะไม่ขัน?
ไอรารู้สึกไม่ค่อยจะเป็นไปได้
อยู่ๆร่างกายก็ร้อนขึ้นมาอย่างหนัก แม้ว่าจะเป็นตอนเช้าก็ยังคงเหงื่อออกไปทั่วทั้งตัว
ไอรารู้สึกตัวเองใกล้จะบ้าแล้ว เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย
“หุบปากไปเหอะแก”
เธอจ้องเขม็งแมทธิวทีหนึ่ง สายตานั้นแฝงไปด้วยความเคียดแค้นเล็กน้อย แต่ว่าในสายตาของแมทธิวก็คือตนเองเดาถูกแล้ว พี่ใหญ่จากอายกลายเป็นความโมโหขึ้นมา
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย
คนที่ยอดเยี่ยมอย่างพี่เขย คิดไม่ถึงว่าจะ…
กลับไปคงต้องลองถามแม่ว่ามียาจีนที่เสริมสมรรถภาพรักษาให้พี่เขยหรือเปล่า
ถึงอย่างไรพี่เขยก็พาเขาร่ำรวย เขาในฐานะที่เป็นน้องเมียคนนี้ก็ไม่สามารถไม่สนใจเรื่องใหญ่แบบนี้ของพี่เขยได้ไม่ใช่หรอ?
นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับความสุขทั้งชีวิตของพี่ใหญ่อีก
แมทธิววางแผนในใจ และก็ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรอีก ปล่อยให้ไอราลากตนเองไปที่ห้องทำงานของรมิดา
รมิดาเห็นไอราเข้ามาคนเดียว เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าอุดอู้ “ไม่ไปพักผ่อนรอประกาศผ่าตัด วิ่งวนไปทั่วอะไร?”
“หนูก็แค่เข้ามาดูว่าแผนการผ่าตัดที่พวกแม่กำหนดให้หนูคืออะไร”
“คืออะไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับแก ออกไป!”
รมิดาตอนนี้เห็นลูกสาวคนนี้ก็โมโหไม่ไหว
นี่พ่อแม่ยังไม่พูดเลยนะ ก็ไปอยู่ด้วยกันกับกานต์เจ้าเด็กบ้านั่นแล้ว ยังถูกพวกเขาเห็นเข้าอีก ช่างแทงใจจริงๆ
ไอราไม่กล้าพูดอะไร แมทธิวกลับเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีข้อห้ามเลยแม้แต่น้อย “แม่ แม่อย่าทำแบบนี้กับพี่ใหญ่ผม พี่ใหญ่ผมก็อัดอั้นตันใจเหมือนกันนะ”
“มันอัดอั้นตันใจบ้านแกสิ”
รมิดาเป็นเช่นนี้กับลูกของตนเองมาโดยตลอด กลับทำให้ณิตาอึ้งเล็กน้อย
แมทธิวรีบเอ่ยขึ้นในทันทีว่า “จริงๆ พี่กานต์เสื่อมสมรรถภาพ พี่ผมกำลังกลัดกลุ้มอยู่นะ เดี๋ยวแม่ทำการผ่าตัดให้พี่ใหญ่เสร็จก็ดูหน่อยว่าจะดูให้พี่กานต์หน่อยได้หรือเปล่า เรื่องใหญ่ทั้งชีวิตของผู้ชายเลยนะ”
ไอราได้ยินคำพูดนี้ก็มึนงงไปเลย
พี่กานต์เสื่อมสมรรถภาพ?
แมทธิวพูดจาซี้ซั้วอะไรอยู่
เธอเตะแมทธิวพร้อมกับเอ่ย “แกพูดซี้ซั้วอะไร?”
แต่ท่าทางที่อายจนกลายเป็นความโกรธในเวลานี้ของไอราในสายตาของแมทธิวเหมือนกำลังปิดบังอยู่
เขาหลบอย่างฉุกละหุก เอ่ยว่า “พี่ใหญ่ พี่อย่าอาย ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ปิดบังอาการป่วยไม่ให้หมอรักษาไม่ดีนะ อีกอย่าง แม่เราเก่งการแพทย์แผนจีน ไม่แน่อาจจะรักษาพี่กานต์ให้หายก็ได้นะ”
“แกยังพูด!แกไอ้เจ้าความรู้น้อย”
ในขณะที่ไอราพูดก็จะไปตีแมทธิว กลับถูกรมิดาห้ามเอาไว้
“ทะเลาะอะไร?คนที่จะต้องผ่าตัดเดี๋ยวนี้แล้ว ไม่มีจิตสำนึกเลยใช่ไหม? ไสหัวกลับไปพักผ่อน”
คำพูดนี้ของรมิดาออกมา ไอราก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกเป็นธรรมดา หลังจาที่ถลึงตาใส่แมทธิวอย่างรุนแรงทีหนึ่งก็ออกจากห้องทำงานไป
กานต์ทางนี้ออกมาจากห้องน้ำไม่เห็นไอรา เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้คงจะรู้ตัวช้าอายไปแล้ว ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าหลบแอบย่อยคนเดียวอยู่ที่ไหน
คิดถึงฉากนั้นเมื่อสักครู่นี้ เขาไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้ายังไงถึงจะดีจริงๆ
และก็โชคดีที่เป็นไอรา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาจะต้องทิ่มให้ฝ่ายตรงข้ามตาบอดแน่ๆ
แต่ว่าฉากนี้ก็ยังคงน่าทำตัวไม่ถูกเป็นอย่างมาก
กานต์ก็ไม่ได้รีบร้อนไปหาไอรา ถึงอย่างไรตอนนี้ที่นี่ก็ถูกคุ้มกันจนน้ำระบายไม่ออก ก็คงไม่เกิดเรื่องง่ายๆหรอก
เขารินน้ำเย็นให้กับตัวเองกรอกลงไปด้วยความรวดเร็ว คลื่นความร้อนที่ระอุขึ้นภายในร่างกายถึงได้ผ่อนคลายลงมาหน่อย
หลังจากที่ตกตะกอนอยู่สักพัก กานต์เตรียมความพร้อมในใจจากนั้นถึงได้เปิดประตูห้องเดินออกไป ก็เห็นรมิดาเดินหันหน้าเข้ามาทางนี้
“กานต์ เธอออกมากับฉัน ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ”
ถูกว่าที่แม่ยายเรียกชื่อ กานต์จะมากจะน้อยก็รู้สึกตื่นเต้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เดินตามฝีก้าวรมิดาออกไป
รมิดาพากานต์มาถึงสวนดอกไม้ที่ด้านหลังโรงพยาบาล เลือกสถานที่เงียบสงบไร้ผู้คนแห่งหนึ่งหยุดลง
กานต์เห็นสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบอดไม่ได้ที่จะชะงักเล็กน้อย
หรือว่าการผ่าตัดของไอราความเสี่ยงมากเกินไป?
ดังนั้นเธอถึงได้พาตนเองมาคุยในที่คนน้อยแบบนี้?
ใจของกานต์ตกไปที่ตาตุ่มในชั่วขณะ
“คุณน้ารมิดา การผ่าตัดของไอราทำยากหรอครับ?”
รมิดาเห็นภายในดวงตาของกานต์ล้วนคือความกังวล คิดถึงเรื่องที่ลูกชายคนเล็กบอกว่ากานต์เสื่อมสมรรถภาพ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจเล็กน้อย
น่าเสียดายร่างกายที่ดูดีขนาดนี้
หากลูกสาวจะอยู่กับเขาจริงๆ ไม่ใช่ว่าจะต้องเฝ้าเรือนหอไปตลอดทั้งชีวิตหรอ?
ในใจของรมิดารู้สึกแย่เป็นอย่างมาก
เดิมทีก็ไม่พอใจกับเรื่องที่ไอราตามจีบกานต์ ตอนนี้ได้ยินว่ากานต์ยังไม่ได้ รมิดาก็ยิ่งมองกานต์ไม่ขึ้น
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย คำบางคำยากที่จะเอ่ยปากจริงๆ แต่คิดถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเอง เธอจำเป็นต้องเอ่ยขึ้นเบาๆว่า “มีโรคก็ต้องรักษา ปิดบังหมอไม่ยอมรักษาน่ะไม่ดี รอหลังจากที่การผ่าตัดของไอราเสร็จสิ้น เธอมาที่ห้องทำงานฉัน ฉันจะตรวจเธอดีๆ รักษาได้ก็ต้องดีเป็นธรรมดา หากรักษาไม่ได้…”
คำที่เหลือเธอไม่ได้พูด กลับแสดงออกถึงความหมายที่ลึกซึ้ง
กานต์มึนงงไปหมด เขาคนที่อวดว่าตัวเองฉลาดคิดไม่ถึงว่าจะไม่เข้าใจความหมายที่อยู่ในคำพูดของรมิดา
ตรวจร่างกายเขา?
เขามีอะไรน่าตรวจกัน?