“หนึ่ง ….”
ในขณะที่คำว่า ‘หนึ่ง‘ สิ้นสุดลง น้ำหนักบนร่างของนางก็หายไป
เฟิง เหย่เก้อร์ พลิกตัวกลับไปนอนข้างๆ โหลว ชิงอู๋ ก่อนจะถอนหายใจ ขึ้นเบาๆ “ศิษย์น้อง เจ้าช่วยทำเป็นไม่ฉลาดสักครั้งไม่ได้หรือ?”
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหมดหนทางที่ถูกมองออกได้อย่างง่ายดาย
“แต่ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ฉลาดหรือไม่ก็ตาม ศิษย์ก็ควรรู้ว่าเมื่อข้าตัดสินใจอะไรลงไปแล้วข้าจะไม่เปลี่ยนใจ” นางพลิกตัวลุกขึ้นนั่งและลุกขึ้นจากเตียง
โหลว ชิงอู๋ จุดเทียนทำให้ห้องสว่างขึ้นทันที
ข้างนอกเสียงของหลานป๋ายก็ดังขึ้น
“นายท่าน ทำไมท่านยังไม่เข้านอกอีกเจ้าค่ะ?”
“อีกสักพักข้าถึงจะเข้านอน เจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ”
การเคลื่อนไหวด้านนอกหยุดลง ในขณะที่โหลว ชิงอู๋ หันมา ดวงตาที่งดงามของนางมองไปทางเฟิง เหย่เก้อร์
ที่ได้ลุกขึ้นนั่งสักพักแล้ว หน้าตาที่หล่อเหลาของเขาที่มองไม่อาจเปรียบเทียบได้และดวงตาหงส์ของเขาก็ทำให้โหลว ชิงอู๋ต้องมองลงล่าง
“ศิษย์พี่ … ” มันคุ้มค่าแล้วหรือที่ต้องทำเช่นนี้?
“มันต้องเป็นเขาหรือ? เจ้าก็ได้ตรวจสอบการกระทำของเขาก่อนหน้านี้แล้ว เขาไม่จริงใจต่อเจ้า “
ในตอนแรก เขาจะไม่ได้คิดที่จะพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาดัง ๆ แต่หลังจากที่ได้พบกับนาง ดูเหมือนว่าหลักการก่อนหน้านี้ทั้งหมดของเขาได้ถูกทำลายลง
โหลว ชิงอู๋ ยังคงเงียบ
แสงเทียนข้างหูของนางทำให้มีเสียงเบา ๆ ขึ้น ก่อนที่เสียงที่ว่างเปล่าของนางดังออกมา
“…. ใช่”
“แต่ถ้าเจ้าชอบเขา ทำไมไม่ทำให้เขาเป็นฮ่องเต้?” นิ้วมือสิบนิ้วของเขาจับกันแน่นขึ้น ดวงตาของเฟิง เหย่เก้อร์ กำลังตั้งคำถาม
“…. วังหลังของฮ่องเต้ต่างก็เต็มไปด้วยหญิงงามถึงสามพันคน เช่นนั้นยอมไม่ดี” หลังจากที่เงียบไป โหลว ชิงอู๋ก็พบเหตุผลที่เหมาะสม
“ศิษย์พี่ของเจ้าจะแต่งงานกับเจ้าเท่านั้น”
ศิษย์น้อง ทำไมถึงเป็นข้าไม่ได้?
“ศิษย์พี่ก็คือศิษย์พี่ คนรักก็คือคนรัก ศิษย์เป็นเช่นนี้มันทำให้รู้สึกยากลำบาก”นางลดดงตาลงเพื่อซ่อนอารมณ์ในหัวใจของนางเอาไว้
นางยังคงไม่เต็มใจที่จะลากเขาลงไปกับนาง
ทำไมเขาถึงต้องดื้อรั้นเช่นนี้?
“แต่ถ้าข้าให้เจ้าแต่งงานกับคนอื่น เจ้าจะยิ่งทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับศิษย์คนนี้”
“….”
“มันต้องเป็นเขาเท่านั้นหรือ?”
“…. ใช่”
เฟิง เหย่เก้อร์เงียบเป็นเวลานานและไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา
ในอากาศที่ว่างเปล่า กลิ่นของไฟดูเหมือนจะห้อมล้อมไปทั่วหัวใจโหลว ชิงอู๋ เหมือนปีศาจที่พันไปรอบๆ หัวใจของนาง
มันเป็นราวกับความกระหายเลือดและคว้าไปที่หัวใจนาง
หลังจากผ่านไปสิบนาที เฟิง เหย่เก้อร์ก็ยกศีรษะขึ้น
พวกเราเพียงแค่อยู่คนละด้านของห้อง เขาเฝ้ามองนางอยู่ห่าง ๆ
เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรอยู่ระหว่างพวกเขา แต่มีบางอย่างที่ปิดกั้นความรู้สึกของความรักและความเกลียดชังเหล่านั้นเป็นพัน ๆชั้น
นางไม่สามารถออกไปและเขาก็ไม่สามารถก้าวเข้ามาได้
…. ขอโทษ
“เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว “เฟิง เหย่เก้อร์ยิ้ม แต่กลับเต็มไปด้วยความขมขื่น
เขาลุกขึ้นยืนจากที่นอน ดวงตาของเขาลดลง ในขณะที่เขาก้าวออกไปข้างนอก
เมื่อเขาเดินผ่านโหลว ชิงอู๋ ไปเขาก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น
“สิบวันต่อจากนี้ ข้าจะออกจากเมืองหลวง ถ้าก่อนหน้านั้น เจ้าเปลี่ยนความคิดของเจ้า ข้าก็จะอยู่ในเมืองหลวง … ข้าจะรอคำตอบของเจ้า “
มือโหลว ชิงอู๋ จับเข้ากันอย่างแน่นหนา ในขณะที่นางได้ยินประตูเปิดและปิดลง
ทั้งโลกกลับคืนสู้ความเงียบเหมือนก่อนหน้านี้ได้อย่างรวดเร็ด
แต่นางดูเหมือนจะเป็นคนเดียวในโลกที่โดดเดี่ยว
เมื่อหลายป๋าย เปิดประตูเข้ามาในวันต่อมา นางก็พบโหลว ชิงอู๋ นั่งอยู่บนม้านั่งยาวราวกับคนที่อยู่ในความสับสน
นางแข็งค้างไปครู่หนึ่ง “นานท่าน ท่านตื่นเช้าหรือท่านไม่นอนเลยทั้งคืน?”
มิเช่นนั้นแล้วทำไมผ้าห่มที่อยู่บนเตียงยังคงเรียบร้อยอยู่เช่นเดิม?
“หลายป๋าย” โหลว ชิงอู๋ ไม่ได้ตอบนาง
ตรงกันข้าม นางค่อยๆเงยหน้าขึ้น และสายตาของนางก็ให้คำตอบแก่หลานป๋ายแทน
“ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นคนแบบไหน?”