เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ – ตอนที่ 142

ตอนที่ 142

หลังจากที่เย่เทียนเฉินฆ่าลั่วเฉิงกวงแล้วก็นอนต่อ ถูกคนคนนี้รบกวนทำให้อารมณ์ไม่ดีเอามากๆ

แต่เขาเพิ่งจะนอนลงไป รถสีดำคันหนึ่งก็จอดอยู่หน้าประตูสำนักความปลอดภัยสาธารณะแห่งเมืองหลวง มีบุคคลสองคนลงมาจากรถ คนหนึ่งคือชางหลาง อีกคนหนึ่งเป็นผู้ชายร่างผอม ร่างกายค่อนข้างสูงใหญ่ หน้าตาธรรมดาเป็นอย่างมาก ผิวค่อนข้างดำ ท่าทางเข้มงวดจริงจัง มองผิวเผินเป็นคนประเภทยิ้มยาก

“เย่เทียนเฉินถูกขังอยู่ข้างในเหรอ?” ชายร่างผมมองชางหลางแล้วเอ่ยถาม

“ใช่ครับ เฮยเมี่่ยน(หน้าดำ) เดี๋ยวเข้าไปแล้วผมจะพูดกับไอ้หนูนี่ ให้เขาไปกับพวกเรา คุณอย่าลงมือเชียว” ชางหลางพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง

“หึ ชางหลาง เสียทีที่คุณเป็นถึงหนึ่งในสามนักรบราชันแห่งประเทศจีน ขนาดเด็กรุ่นหลังก็ยังเก็บกวาดไม่ได้ น่าขายหน้าจริงๆ ฉันเฮยเมี่ยนไม่ได้มีความใส่ใจและพิถีพิถันขนาดนั้นหรอก!”

เฮยเมี่ยนพูดจบก็ไม่สนใจชางหลางอีก เดินตรงเข้าไปยังประตูของกรมความมั่นคงสาธารณะแห่งเมืองหลวง ดูเหมือนว่าแม้แต่ตำแหน่งของชางหลาง เขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง หากว่านี่ถูกคนอื่นเห็นเข้าจะต้องตกใจเป็นอย่างมาก จะต้องสงสัยว่าชายที่มีฉายาว่าเฮยเมี่ยนคนนี้เป็นใครกันแน่ ไม่เห็นสามราชันนักรบแห่งประเทศจีนอยู่ในสายตาเลย

ชางหลางเห็นเฮยเมี่ยนเดินเข้าไปก็รีบตามไป คนอื่นไม่รู้แต่เขารู้อย่างชัดเจน หากเฮยเที่ยนและเย่เทียนเฉินลงมือขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าตึกสำนักความปลอดภัยสาธารณะแห่งเมืองหลวงคงพังพินาศ ยิ่งไปกว่านั้นมีความเป็นไปได้มากว่าเย่เทียเฉินจะถูกอัดจนบาดเจ็บสาหัส หรือกระทั่งถูกฆ่า นี่เป็นครั้งแรกที่ชางหลางมีความรู้สึกและความคิดเช่นนี้

หากว่าเป็นคนอื่น ชางหลางคงไม่มีความคิดแบบนี้ ฝีมือของเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมาก เพียงพอที่จะสู้กับตนเองได้ คนธรรมดาทำอะไรเย่เทียนเฉินไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้คนที่ลงมือคือเฮยเมี่ยน ความสามารถของคนคนนี้นึกล้ำเกิดคาดเดา แม้ว่าความสามารถของเย่เทียนเฉินก็ลึกล้ำเกินคาดเดา แต่ในความคิดของชางหลาง ความสามารถของเย่เทียนเฉินคงจะสู้เฮยเมี่ยนไม่ได้

ในประเทศจีน คนส่วนใหญ่รู้จักแต่สามนักรบราชันแห่งประเทศจีน ดูเหมือนคนที่ตำแหน่งไม่สูงจะไม่รู้ว่าเหนือกว่าสามนักรบราชันแห่งประเทศจีน ยังมีความแตกต่างระหว่างทัพฟ้าแลพทัพดินอยู่ และไม่ได้เกินจริงเหมือนสามสิบหกทัพฟ้าเจ็ดสิบสองทัพดิน แต่ก็มีตัวตนที่แบ่งแยกเช่นนี้อยู่จริงๆ นักรบราชันเช่นชางหลาง เป็นระดับขุนพลของทัพดิน ส่วนเฮยเมี่ยนเป็นระดับขุนพลของทัพฟ้า ระดับทัพฟ้าย่อมเหนือกว่าระดับทัพดินแน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้ตำแหน่งทางราชการของเฮยเมี่ยนไม่ได้สูงไปกว่าชางหลาง แต่ก็ไม่เห็นชางหลางอยู่ในสายตา สาเหตุที่สำคัญที่สุดสาเหตุหนึ่งก็คือ ขุนพลระดับทัพฟ้าล้วนปฏิบัติภารกิจที่เป็นความลับระดับสูงสุดของประเทศ คุ้มครองความปลอดภัยของผู้นำขั้นหนึ่งแห่งประเทศ จินตนาการได้เลยว่าร้ายกาจขนาดไหน

หากต้องการเป็นขุนพลระดับทัพฟ้าแล้ว มีระดับการคัดเลือกที่เคร่งครัดเป็นอย่างมาก จะมีด่านเฉพาะต่างๆ ให้คุณฝ่าเข้าไป หากฝ่าไปได้ก็จะเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า หากผ่านไปไม่ได้จุดจบมีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือความตาย

ตามที่ชางหลางรู้ ทุกปีจะมียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยต้องการกลายเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า แต่ในสิบปีมานี้ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ผ่านด่านไปได้ พวกเขาตกตายไปทั้งหมด ตายในระหว่างทางที่ฝ่าด่าน กระทั่งไม่มีคนเห็นว่าด่านสุดท้ายคืออะไร ดังนั้นจึงไม่มีคนได้เป็นขุนพลระดับทัพฟ้าแล้ว เรื่องที่เหล่าขุนพลประเทศจีนที่มีความแตกต่างระหว่างทัพฟ้าและทัพดิน ก็ถูกคนลืมเลือน

ชางหลางเคยคิดอยากจะฝ่าด่านหลายครั้ง คิดอยากจะเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า ยกระดับความสามารถของตน ตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในสามนักรบราชันแห่งประเทศจีน กล่าวได้ว่าเป็นตัวตนที่มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ทัพดิน ในฐานะพี่เป็นเกิดมาเป็นคนที่มีฝีมือต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างพวกเขา ใครบ้างที่ไม่คิดจะก้าวไปอีกขั้นแล้วไปถึงจุดสูงสุด? เพียงแต่น่าเสียดายทุกครั้งที่ชางหลางต้องการฝ่าด่าน จะถูกหยางอี้หยุดเอาไว้ เขาเป็นลูกน้องคนสนิทของหยางอี้ หยางอี้ยอมไม่อยากให้ชางหลางไปเสี่ยงอันตราย

การฝ่าด่านทัพฟ้า ย่อมไม่ใช่การฝ่าด่านเล่นๆ อย่างแน่นอน มีกฎเกณฑ์และลำดับชั้นที่เคร่งครัด พูดให้กระจ่างก็คือ ในกลุ่มของพวกเขาขุนพลระดับทัพฟ้า มีกฎเกณฑ์เป็นของตัวเอง คนนอกไม่อาจสอดมือเข้าไปได้ นอกจากระดับผู้นำขั้นหนึ่ง เนื่องจากผู้นำระดับขั้นหนึ่งมอบสิทธิ์ขาดให้พวกเขา ใครคิดจะฝ่าด่านเข้าไปเพื่อเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า มีเพียงเหยียบย่างเข้าสู่ประตูด่านเท่านั้น นอกจากการฝ่าด่านให้สำเร็จแล้ว ที่เหลือก็มีเพียงทางเดียวเดียวนั่นก็คือความตาย ไม่มีใครสามารถสอดมือเข้าไปช่วยได้ ดังนั้นจึงไม่มีคนระดับนั้น การไปฝ่าด่านเพื่อคิดจะเป็นขุนพลทัพฟ้า คงเบื่อชีวิตแล้วจริงๆ

เฮยเมี่ยนเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า ถึงแม้ว่าความสามารถของเขาอาจจะไม่นับว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ของทัพฟ้า แต่ก็เพียงพอที่จะภาคภูมิใจ สามารถเป็นขุนพลระดับทัพฟ้าได้ มีใครบ้างที่ไม่โดดเด่น? ย่อมไม่เห็นคนธรรมดาคนหนึ่งอยู่ในสายตาจริงๆ โดยเฉพาะได้ยินมาว่าเย่เทียนเฉินยังอายุน้อย ในสายตาของเฮยเมี่ยนย่อมไม่มีความสำคัญเลยแม้แต่น้อย

“ฉันมาพาตัวเย่เทียนเฉินไป นี่คือเอกสารดำเนินการ!” เฮยเมี่ยนพูดแล้วส่งกระดาษเอกสารแผ่นหนึ่งให้ตำรวจหน่วยรบพิเศษที่ยืนอยู่ตรงประตูทั้งสองคน

ตำรวจหน่วยรบพิเศษทั้งสองอ่านแล้วก็ทำความเคารพเฮยเมี่ยนอย่างเคร่งครัด จากนั้นจึงจากไป เฮยเมี่ยนเองก็ไม่เกรงใจ ใช้เท้าถีบประตูให้เปิดออก ในตอนที่เย่เทียนเฉินเพิ่งคิดจะนอน ก็ได้ยินเสียงคนถีบประตู ครั้งนี้เขาโกรธขึ้นจริงๆ แล้ว แม่งเอ๊ย จะให้คนนอนหรือเปล่าเนี่ย?

“เย่เทียนเฉิน ไปกับฉันซะ!” เฮยเมี่ยนเดินเข้าไปในห้อง มองเย่เทียนเฉินที่กำลังหลับอยู่บนเตียงแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา

เย่เทียนเฉินลุกขึ้นจากเตียงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขารู้สึกได้ถึงไอสังหาร เป็นไอสังหารที่เย็นยะเยือก ไอสังหารประเภทนี้ไม่ใช่ตนเองเป็นคนปล่อยออกมา แต่เป็นไอสังหารที่ต้องผ่านการฆ่าคนมานานหลายปีจึงจะก่อเกิดรูปลักษณ์ขึ้นมาได้ เย่เทียนเฉินสรุปได้ในทันทีว่า คนตรงหน้าที่รูปร่างเหมือนถ่านหินคนนี้จะต้องฆ่าคนบ่อยอย่างแน่นอน ดังนั้นบนร่างกายจึงมีกลิ่นอายเช่นนี้ระเบิดออกมา

“ตอนนี้ฉันจะนอน ไม่ว่าง!” เย่เทียนเฉินไม่พอใจเฮยเมี่ยน คนคนนี้ถีบประตูเข้ามาแล้วยังทำท่าทางราวกับจะกินคน คิดว่าจะทำให้เขาตกใจหรือไง? บิดาไม่ทำเช่นนั้นหรอก

เฮยเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร แล้วก็ไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาให้มากความ มีอะไรไม่ระมัดระวังนิดหน่อยก็จะลงมือ คนที่มาถึงตำแหน่งอย่างพวกเขาได้ย่อมไม่มีความอดทนที่จะพูดกับคนอื่นแล้ว อีกทั้งเย่เทียนเฉินยังเป็นแค่นักโทษที่ทำความผิดเท่านั้น ถึงกับการต่อต้านเลยหรือ?

“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ไปกับฉันซะ ไม่งั้นฉันจะหักขาทั้งสองของแก แล้วโยนแกขึ้นไปบนรถซะ!” เฮยเมี่ยนพูดเสียงเข้ม

“งั้นเหรอ? อาศัยแกเนี่ยนะ แกคิดว่าแกเกิดมาดำแล้วจะเจ๋งหรือไง? พี่ชายไม่ว่าง!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย

เย่เทียนเฉินไม่รู้ว่า คำพูดประโยคนี้ของเขาเกือบจะทำให้เฮยเมี่ยนโกรธจนตายอยู่แล้ว สิ่งที่เฮยเมี่ยนเกลียดที่สุดก็คือมีคนพูดว่าเขาดำ ต่อให้เขาดำจริงๆ ก็ไม่มีใครกล้าพูด ต่อให้เป็นในหมู่ขุนพลระดับทัพฟ้า ก็มีไม่กี่คนที่กล้าพูดคำนี้

“ไอ้หนูรนหาที่ซะแล้ว!”

กร๊อบๆๆ! กำปั้นของเฮยเมี่ยนกำแน่นจนเกิดเสียงดัง ในขณะที่จะลงมือ เย่เทียเฉินก็ลุกขึ้นจากเตียงในชั่วพริบตา เขารู้สึกได้ว่าไอ้ดำคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนถึงขั้นวิปลาส ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าลำพองใจ

“หยุดมือ! เย่เทียนเฉิน ไปกับฉันซะ!” ชางหลางวิ่งเข้ามาขวางเอาไว้ตรงกลางระหว่างพวกเขาสองคนแล้วพูดขึ้น

เย่เทียนเฉินเห็นชางหลางเดินเข้ามาแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอย่างสงสัย “ไอ้ดำนี่มันเป็นใคร? พวกเราจะไปไหน?”

“แก…” เฮยเมี่ยนโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองคนไม่รู้จักกาละเทศะอย่างเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยม

“ไปกับพวกเราเถอะ เบื้องบนตัดสินใจจัดการเรื่องตระกูลฉินและตระกูลลั่วทั้งคืน ไอ้หนูครั้งนี้นายทำความผิดใหญ่หลวงจริงๆซะแล้ว…” ชางหลางพูดอดไม่ได้ที่จะถอนใจออกมา

“หือ? ไม่ใช่ต้องการยิงประหารผมอย่างลับๆ เหรอ?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามไปด้วยรอยยิ้ม

“ดูแล้วแกก็รู้จักตัวเหมือนกันสินะ หรือจะให้ฉันอัดหัวแกให้ระเบิดตอนนี้เลย?” เฮยเมี่ยนพูดแล้วหัวเราะเสียงเย็น

“ไสหัวไปซะ แกคิดว่าแกดำแล้วจะพูดจามั่วซั่วได้เหรอ? แกคิดว่าแกดำแล้วก็จะอัดฉันได้เหรอ? แกคิดว่าแกดำแล้วพี่ชายจะกลัวแกเหรอ?” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่สบอารมณ์

ผัวะ!

เฮยเมี่ยนถูกเย่เทียนเฉินกระตุ้นความโกรธแล้วจริงๆ เขาปล่อยมันออกไปในระยะที่ห่างจากเย่เทียนเฉินเพียงสามเมตร เย่เทียนเฉินขยับวูบ หมัดของเฮยเมี่ยนปล่อยถูกอากาศ แต่กำแพงข้างหลังของเย่เทียนเฉิน ถูกซัดอย่างแรงจนเป็นรูหมัด เย่เทียนเฉินเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ปล่อยหมัดผ่านอากาศถึงกับมีพลังคุกคามรุนแรงขนาดนี้ ฝีมือของไอ้ดำนี่แข็งแกร่งจริงๆ คิดอยากจะสู้กับเขา อย่างน้อยต้องกระตุ้นพลังพิเศษเขตจอมราชันขั้นสูงสุดออกมาในตอนเริ่มต้น กระทั่งต้องทะลวงไปถึงระดับจักรพรรดิ ถึงจะสามารถเอาชนะเฮยเมี่ยนได้

“เฮยเมี่ยนอย่าลงมือ ฉันจะพูดกับเขาเอง!” ชางหลางรีบเข้ามาขวางเบื้องหน้าเฮยเมี่ยน เขากลัวว่าพวกเขาสองคนจะลงมือขึ้นมาจริงๆ แบบนั้นก็ซวยจริงๆ แล้ว

เย่เทียนเฉินมองเฮยเมี่ยนปราดหนึ่งแล้วลงมาจากเตียง สวมเสื้อผ้าของตนเอง เดินยิ้มไปยังเฮยเมี่ยน เฮยเมี่ยนกลับมองเย่เทียนเฉินอย่างเย็นชา ส่วนชางหลางรีบเข้ามาหยุดเย่เทียนเฉินเอาไว้แล้วพูดว่า “ไอ้หนูนายยังคิดจะหาเรื่องอีกเหรอ ไปกับฉันซะ อย่าสร้างปัญหาอีก!”

“ไม่ต้องรีบไป ผมคนนี้เป็นคนมีหลักการ นั่นก็คือหาคนอื่นต่อยผมหมัดหนึ่ง ผมก็จะคืนให้มัดหนึ่ง ไม่งั้นจะรู้สึกไม่สบอารมณ์!” เย่เทียนเฉินพูดพลางมองไปยังเอยเมี่ยนยิ้มๆ

“ไอ้หนูนาย…”

“รอให้ผมคืนหมัดให้เขาซะก่อนแล้วผมก็จะไปกับพวกคุณ!” เย่เทียนเฉินพูดขัดคำพูดของชางหลาง

“งั้นเหรอ? แกยังคิดจะต่อยฉันคืน? ไม่กลัวตายเลยจริงๆ!”

สำหรับท่าทางของเย่เทียนเฉินนั้นเป็นสิ่งที่เฮยเมี่ยนคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ชีวิตนี้ยังมีคนพูดว่าจะต่อยตนเองคืนหนึ่งหมัดอีก กล้ามาหาเรื่องตนเองอย่างไม่สบอารมณ์แบบนี้ ช่างเหนือความคาดหมายของเขาอยู่บ้างจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงทั้งโลก แค่ภายในประเทศคนที่กล้าหาเรื่องคนระดับทัพฟ้า ก็สามารนับได้ด้วยมือข้างเดียว ตอนนี้กลับมีเย่เทียนเฉินเพิ่มขึ้นมาอีกคน

ตู้ม!

เย่เทียนเฉินไม่พูดอะไรมาก กำหนดขวาแน่น รีดเร้นพลังพิเศษขอบเขตจอมราชันขึ้นมาในพริบตา ต่อยออกไปยังเฮยเมี่ยน ไม่มีการลอบโจมตี และไม่มีกระบวนท่าใดๆ มีเพียงหมัดซึ่งหน้านี้เท่านั้น

เดิมทีเฮยเมี่ยนที่ไม่สนใจ เห็นเย่เทียนเฉินซัดหมัดที่รวดเร็วสายฟ้ามาทางตนเอง อย่างไรก็ตามเขารู้สึกได้ว่าพลังของหมัดนี้แข็งแกร่งขนาดไหน พลันตกตะลึง ในขณะเดียวกันก็ขมวดคิ้ว พร้อมทั้งปล่อยหมัดออกไปเช่นเดียวกัน…

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

Status: Ongoing

ผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้ามาเกิดใหม่ในร่างของ ‘เย่เทียนเฉิน’

หน่วยรบพิเศษผู้ไม่เอาถ่าน ระหว่างกำลังปฏิบัติภารกิจคุ้มกันตัวผู้บัญชาการสาวหานเจี๋ยกลับประเทศ

แม้การเกิดใหม่ครั้งนี้จะทำให้พลังระดับเทพเจ้าลดเหลือเพียงระดับราชัน

แต่ขณะที่เผชิญหน้ากับกองกำลังผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่ได้รับมอบหมายให้มาสังหารคนทั้งคู่

เย่เทียนเฉินในร่างใหม่ได้ใช้ความสามารถจากการดูดซับพลังปราณ แสดงฝีมือการต่อสู้อันเป็นเลิศออกมา

สร้างความประหลาดใจให้ทั้งศัตรูและมิตรสหายโดยทั่วกัน

ประตูสู่การเป็นสุดยอดนักรบเปิดออกแล้ว!

แต่เย่เทียนเฉินคนใหม่ยังต้องไล่สะสางปัญหาที่ร่างเดิมก่อเอาไว้เสียก่อน

ไม่ว่าจะเป็นการล้างแค้นญาติพี่น้องผู้ชั่วช้า รับมือกับคู่แข่งทางการเมืองของบิดา

หรือกอบกู้ชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลจากความอัปยศในอดีต

ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อจะได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอันอบอุ่นเสียที

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท