“แม่ครับ ผมกับหรูเสวี่ยเป็นแค่เพื่อนธรรมดาๆ ไม่ได้เป็นแบบที่พวกแม่คิด แล้วเมื่อกี้เชี่ยนเหวินก็เข้าใจผิด เมื่อกี้ไม่ทันได้ระวังก็เลย…” เย่เทียนเฉินพูดขัดคำพูดของหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ เขาไม่อยากถูกแม่และน้องสาวเข้าใจผิดต่อไป หากปล่อยไว้นานจนคนในบ้านเห็นด้วย จะต้องซวยแน่
“เทียนเฉิน เด็กคนนี้นี่ แม่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย ลูกกับหรูเสวี่ยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแม่ก็ดีใจแล้ว ส่วนเรื่องของวัยรุ่นอย่างพวกลูก แม่จะไม่ยุ่ง แล้วก็คงยุ่งไม่ได้ด้วย ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ!” หลัวเยี่ยนก็พูดขัดคำพูดของเย่เทียนเฉินเช่นกัน
“แม่ครับ ความหมายของผมก็คือ…”
“เอาล่ะ แม่รู้แล้ว ปล่อยมันไปเถอะ ลูกกินอิ่มแล้วแต่พวกเรายังหิวอยู่นะ!”
หลัวเยี่ยนไม่ให้โอกาสเย่เทียนเฉินพูดต่อไปอีก เธอย่อมมองความคิดของลูกชายออก และรับรู้ความรู้สึกของฉีหรูเสวี่ยด้วย จึงไม่อยากให้ลูกชายพูดต่อไป ประการแรกก็เพราะไม่อยากให้ฉีหรูเสวี่ยต้องอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย ไม่อยากทำให้เด็กสาวที่ทั้งเฉลียวฉลาดรู้ความและทั้งหน้าตาสวยงามคนนี้ต้องปวดใจ ประการที่สองก็เพราะรู้ว่า ในตอนนี้เย่เทียนเฉินผู้เป็นลูกชายยังไม่มีความรู้สึกอะไรกับฉีหรูเสวี่ย ไม่มีความรักหนุ่มสาวอะไรเลย รวมกับที่ลูกชายมีอีคิวต่ำมาโดยตลอด ดังนั้นหลัวเยี่ยนจึงต้องการให้โอกาสลูกมากๆ หน่อย ความรู้สึกจะต้องได้รับการบ่มเพาะ รักแรกพบก็เป็นแค่เรื่องเล่าขานเท่านั้น
“นี่…”
“เชี่ยนเหวิน ลูกกับพี่ไปรับผิดชอบจัดโต๊ะอาหาร แม่กับหรูเสวี่ยนจะไปลองรองเท้า!” หลัวเยี่ยนพูดกับฉีหรูเสวี่ยด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นหลัวเยี่ยนและฉีหรูเสวี่ยเดินขึ้นไปชั้นสองด้วยกัน เย่เทียนเฉินก็รู้สึกอับจนคำพูด เขาคิดจะอธิบายให้ชัดเจน อยากอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับฉีหรูเสวี่ยให้ชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดแบบนี้ต่อไป ไหนเลยจะรู้ว่าแม่และน้องสาวอีกทั้งยังมีฉีหรูเสวี่ย จะไม่ให้โอกาสเขาได้พูดเลย จะไม่ให้เขารู้สึกจนใจได้อย่างไร
“จบแล้ว จบสิ้นแล้ว!” เย่เทียนเฉินทอดถอนใจ นั่งลงบนโซฟา แล้วพูดขึ้นพลางส่ายหน้า
ตอนนี้เอง เย่เชี่ยนเหวินยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา เดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน มองขึ้นไปที่ชั้นสองด้วยท่าทางลึกลับ จากนั้นจึงพูดเสียงเบาว่า “พี่ เมื่อกี้พี่จูบกับพี่หรูเสวี่ยใช่ไหม? พี่นี่กล้าจริงๆ อีคิวต่ำขนาดนี้แต่กลับใจกล้า แถมยังมีโอกาสกุมหัวใจสาวงามได้อีก!”
เย่เทียนเฉินมองเย่เชี่ยนเหวินผู้เป็นน้อง เด็กคนนี้ยังคงมีท่าทางเหมือนกับใต้เท้าตัวน้อย คิดที่จะมาถามเรื่องในม่านมุ้ง เมื่อครู่ก็เป็นเพราะเธอปากมาก พอเห็นเหตุการณ์ในห้องครัวของตนกับฉีหรูเสวี่ยก็รีบเอาไปบอกแม่ ทำให้แม่ไม่ยอมฟังตนอธิบายจนเข้าใจผิดกันไปใหญ่
“เด็กคนนี้นี่ ปกติพี่ชายดูแลเธอไม่ดีหรือไง? ทำไมพอถึงเวลาสำคัญก็ขายพี่ได้ล่ะ? ท่าทางวันข้างหน้าเธอคงไม่มีค่าขนมอะไรแล้ว แล้วก็อย่ามาหาพี่ด้วยพี่จนมาก!” เย่เทียนเฉินมองเย่เชี่ยนเหวินผู้เป็นน้อง จงใจพูดหยอกล้อออกมา
เย่เชี่ยนเหวินชะงักไป รีบเดินไปนั่งข้างเย่เทียนเฉิน ดึงแขนเย่เทียนเฉินอย่างไม่สบอารมณ์ มองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดันแล้วกล่าวขึ้นว่า “พี่ ตอนพี่ไม่พูดก็ยังดี แต่พอพูดแล้วทำให้หนูและแม่ไม่พอใจมาก หึ!”
“ไม่พอใจมาก? นี่ เงินค่าขนมที่ใช้ทุกเดือนไม่พอหรือไง เงินพวกนั้นก็เป็นเงินที่พี่สนับสนุนให้เธอไม่ใช่เหรอ? เธอยังมาไม่พอใจพี่อีก บนโลกนี้ยังมีความยุติธรรมอยู่ไหม?” เย่เทียนเฉินมองท่าทางน่ารักของผู้เป็นน้องแล้วกล่าวขึ้นด้วยท่าทางรับไม่ได้
“พี่ พี่ยังกล้าพูดอีกว่าเป็นเงินสนับสนุนที่พี่มอบให้หนูทุกเดือน มีครั้งไหนบ้างที่หนูกินแกลบจนแทบจะทนไม่ไหวจนต้องหน้าด้านไปขอจากพี่ พี่ถึงจะให้? มีหลายครั้งที่พี่ให้หนูมาแค่หยวนสองหยวน พี่ยังเป็นประธานกรรมการเครือไห่หวางที่สง่าผ่าเผยอยู่หรือเปล่า? ที่สำคัญก็คือพี่เป็นถึงประธานกรรมการ อย่างน้อยก็มีค่าถึงร้อยล้านละมั้ง? แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยซื้อของขวัญให้หนูและแม่เลย จะเกินไปแล้ว หึ!” เย่เชี่ยนเหวินทำแก้มป่องอย่างน่ารัก มองไปยังเย่เทียนเฉินผู้เป็นพี่อย่างดุดันแล้วกล่าวขึ้น
แน่นอนว่าเย่เชี่ยนเหวินไม่ได้ไม่พอใจพี่ชายเพราะความขี้เหนียวของเขาจริงๆ เพียงแต่อยากจะหยอกล้อกันเล่นเท่านั้น ทำให้พี่มีอีคิวเพิ่มมากขึ้นสักหน่อย ความจริงจนถึงตอนนี้เย่เทียนเฉินก็เปลี่ยนไปมาก แต่เพราะเรื่องในสมัยก่อนทำให้หลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่และเย่เชี่ยนเหวินน้องสาวรู้สึกไม่วางใจ ดังนั้นจึงคิดจะให้เขาหาแฟนให้เร็วสักหน่อย หากจะให้ดีก็ให้รีบแต่งงานเร็วๆ เมื่ออยู่ในมุมที่ต่างออกไปจะต้องมีความคิดต่างออกไปแน่นอน
“นี่นะเหรอ ความจริงเรื่องซื้อของขวัญให้คน พี่ก็ไม่เคยทำสักครั้งจริงๆ ก่อนหน้านี้มีแต่คนอื่นมอบของขวัญให้พี่ พี่ชายหล่อล้ำไร้คู่แข่งแบบนี้เลยคิดถึงเรื่องพวกนี้น้อยมาก ครั้งนี้เป็นเพราะปากของเธอที่ไปพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดกับแม่ พี่เลยตัดสินใจจะหักเงินค่าขนมเธอ…”
“พี่ พี่จะแย่เกินไปแล้ว…” เย่เชี่ยนเหวินได้ยินพี่ชายพูดว่าจะหักเงินค่าขนมของเธอก็รีบส่งเสียงออกมา
“พี่ยังพูดไม่จบเลย จะรีบไปไหน…แต่เพราะปัญหาที่เธอมาพูดกับพี่นี้ก็เป็นความจริง พี่ไม่เคยซื้อของขวัญให้เธอกับแม่เลยจริงๆ ถือว่าพี่ทำไม่ถูก ดังนั้นถือว่าทำผลงานชดเชยความผิด พี่จะเพิ่มเงินค่าขนมให้เธอสักหน่อยก็แล้วกัน…” เย่เทียนเฉินพูดแล้วหัวเราะฮี่ๆ
“จริงเหรอคะ? พี่ พี่นี่เยี่ยมจริงๆ!” เย่เชี่ยนเหวินอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มเย่เทียนเฉินครั้งหนึ่ง หาได้ยากนักที่พี่ชายคนนี้จะใจกว้าง ทำให้เธอรู้สึกดีใจมาก
บนโลกนี้เกรงว่ามีเพียงเย่เชี่ยนเหวินคนเดียวที่สามารถวุ่นวายกับเย่เทียนเฉินได้ และสามารถข่มขู่เย่เทียนเฉินได้แบบนี้ สำหรับครอบครัวเย่เทียนเฉินรู้สึกหวงแหนมากเป็นเท่าตัว ในช่วงเวลาที่อยู่ดาวสิ้นโลก เขาเป็นเด็กกำพร้า ความโดดเดี่ยวและความเดียวดายเช่นนั้น ในตอนที่คุณพบเจอกับรสชาติต่างๆ ของชีวิตก็ไม่มีใครที่จะร่วมแบ่งปันความรู้สึกไปกับคุณ ทำให้รู้สึกหวาดกลัว ทำให้รู้สึกสิ้นหวัง กระทั่งทำให้รู้สึกไม่มีความหมายพี่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
“แน่นอนว่าพูดจริง พี่ชายของเธอเคยโกหกเธอที่ไหนกัน?” เย่เทียนเฉินพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“ฮี่ๆ แน่นอนว่าไม่เคย งั้นพี่คิดว่าทุกเดือนจะเพิ่มเงินค่าขนมให้หนูเท่าไหร่เหรอ?” เย่เชี่ยนเหวินถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“อืม…เรื่องนี้น่ะเหรอ ดูจากการเงินในตอนนี้ ดูจากระดับการใช้เงินของเธอในยามปกติ ดูจากพฤติกรรมช่วงนี้ของเธอ ดูจากความวุ่นวายแต่ละอย่างที่เธอทำกับพี่ ท่านประธานตัดสินใจว่า…จากเดิมทีที่เคยให้เงินค่าขนมเดือนละร้อยหยวน ตอนนี้จะให้…ร้อยห้าหยวน”
เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของเย่เทียนเฉิน เย่เชี่ยนเหวินก็แทบทรุด เดิมทีเธอก็เกาะความหวังไว้เต็มอก เห็นว่าไม่ง่ายเลยกว่าพี่พี่ชายขี้งกคนนี้จะใจกว้างขึ้นมาสักครั้ง คิดไปว่าจะเพิ่มเงินค่าขนมให้เธอเท่าไหร่ พูดไปพูดมา จนพูดถึงเรื่องนี้ สุดท้ายก็เพิ่มให้แค่ห้าหยวน…ด้วยสภาพเศรษฐกิจในตอนนี้ เงินห้าหยวนซื้อไม่ได้แม้แต่ไอศครีมด้วยซ้ำ…
ที่สำคัญก็คือคำพูดสุดท้ายของเย่เทียนเฉินทำให้เย่เชี่ยนเหวินรู้สึกราวกับตกสวรรค์มาถึงนรก พูดกันครึ่งวันแต่ก็เพิ่มให้เธอแค่ห้าหยวน…พี่ชายคนนี้ขี้เหนียวถึงที่สุดจริงๆ ทำให้เธอรู้สึกอยากร้องไห้โดยไร้น้ำตา
“พี่ พี่นี่แย่จริงๆ เฮ้อ…”
เย่เชี่ยนเหวินโวยวาย ใช้หมอนบนโซฟาตีเย่เทียนเฉิน แทบจะคลั่งไปแล้ว เย่เทียนเฉินกลับหัวเราะออกมาครั้งใหญ่ ความจริงเขาก็ไม่ได้มีแนวคิดอะไรกับธนบัตรพวกนี้มากมาย เพียงแต่นิสัย “ประหยัดและขี้เหนียว” มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงห้าหยวนเลย ต่อให้เป็นห้าร้อยล้าน ขอเพียงเย่เทียนเฉินเอาออกมาได้ หากน้องสาวต้องการเขาก็จะมอบให้ ในใจของเย่เทียนเฉินครอบครัวย่อมสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด
ตอนนี้เองหลัวเยี่ยนและฉีหรูเสวี่ยเดินลงมาจากคฤหาสน์ชั้นสองเห็นเย่เทียนเฉินและเย่เชี่ยนเหวินทะเลาะกันอยู่ในห้องโถงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา โดยเฉพาะฉีหรูเสวี่ยที่เห็นว่าเย่เทียนเฉินที่ในยามปกติมีความหัวโบราณเล็กน้อย ในตอนนี้กำลังทะเลาะกับน้องสาวอย่างเบิกบานใจ เหมือนกับเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ในใจรู้สึกอยากจะใกล้ชิดกับเขาจริงๆ คิดว่าหากตนเองสามารถอยู่ด้วยกันกับเย่เทียนเฉินได้จะดีมากแค่ไหนกัน
เมื่อครู่ที่อยู่ในห้องบริเวณชั้นสอง หลังจากที่หม่อมหน้าเปลี่ยนไปสวมรองเท้าที่ฉีหรูเสวี่ยซื้อให้เธอ ก็พูดคุยกับฉีหรูเสวี่ยมากมาย ลอบถามจนรู้ว่า ฉีหรูเสวี่ยที่สวยและฉลาดคนนี้ ฉีหรูเสวี่ยที่ตนรู้สึกดีด้วยคนนี้ หลงรักลูกชายของตนเข้าจริงๆ นี่ทำให้ในใจของหลัวเยี่ยนยินดีมาก คิดไม่ถึงว่าลูกชายจะมีวาสนาเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เป็นคนไม่มีอีคิวเลยแม้แต่น้อย และแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เข้าใจเรื่องความรักจนทำให้หลัวเยี่ยนรู้สึกกังวลว่าลูกชายจะหาเมียไม่ได้ช่วยชีวิต ตอนนี้ผู้หญิงดีๆ อย่างฉีหรูเสวี่ยก็ชอบลูกชายของเธอแล้ว เธอที่เป็นแม่จะไม่ดีใจได้อย่างไร?
ดังนั้นหลัวเยี่ยนจึงพูดจาแฝงความนัยกับฉีหรูเสวี่ยมากมาย บอกเธอว่าตอนนี้เย่เทียนเฉินยังติดเล่นอยู่มาก ถึงแม้จะเป็นผู้ชายแต่บางครั้งก็ยังซุกซนยิ่งกว่าผู้หญิงมากนัก ถ้าอายุมากกว่านี้อีกสักหน่อยก็คงจะเคร่งขรึมขึ้นมาบ้าง จะอย่างไรตอนนี้เย่เทียนเฉินก็ยังเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งอยู่ ส่วนฉีหรูเสวี่ยอายุมากกว่าเขาสองปี ย่อมมีบ้างที่นิสัยแตกต่างกัน
“หรูเสวี่ย หนูดูสองพี่น้องคู่นี้สิ วันๆ ทำบ้านกลายเป็นสนามเด็กเล่นไปหมดแล้ว!” หลัวเยี่ยนหัวเราะ พูดพลางส่ายหน้า
“คุณน้าคะ หนูอิจฉาพวกเขาจริงๆ บางครั้งใช้ชีวิตธรรมดาสักหน่อยก็ไม่เห็นจะมีอะไรไม่ดี!” ฉีหรูเสวี่ยพูดอย่างจริงจัง
หลัวเยี่ยนพยักหน้า เธอเองก็เป็นผู้หญิงที่ออกมาจากตระกูลใหญ่ ย่อมเข้าใจว่าฉีหรูเสวี่ยพูดความจริง ยิ่งเป็นตระกูลใหญ่กฎเกณฑ์ก็ยิ่งมาก หากไม่มีกฎเกณฑ์ก็ไม่ได้ แต่เมื่อมีกฎเกณฑ์ก็จะเป็นการปิดกั้นธรรมชาติของคน ยิ่งไปกว่านั้นในตระกูลใหญ่มีแต่ความหน้าไหว้หลังหลอก มีหลายคนที่ถูกลาภยศสรรเสริญครอบงำจนตามืดบอด จะมีความสุขกว่าแบบนี้ได้อย่างไร?
“พวกลูกสองพี่น้องอย่าทะเลาะกันได้ไหม บอกให้ตั้งโต๊ะกินข้าว แล้วตอนนี้พวกลูกทำอะไรกันอยู่?” หลัวเยี่ยนแสร้งทำเป็นโกรธ เดินลงมาจากชั้นบนพลางเอ่ยปากขึ้น
“แม่คะ พี่ชายแกล้งหนู ถึงกับจะเพิ่มเงินค่าขนมให้หนูแค่เดือนละห้าหยวนเอง!” เย่เชี่ยนเหวินทำแก้มป่องอย่างน่ารัก ใช้หมอนบนโซฟาตีไปที่เย่เทียนเฉินอย่างแรงแล้วเอ่ยขึ้น
“นี่ เธอไม่เคารพพี่ชายเอาซะเลย ปากมากไปฟ้องแม่ทุกเรื่อง พี่เพิ่มเงินให้เธอห้าหยวนก็ไม่เลวแล้ว…” เย่เทียนเฉินหลบพลางกล่าวรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เอาล่ะๆ ลูกสองคนไม่กลัวฉีหรูเสวี่ยหัวเราะเยาะเอาหรือไง อายุเท่าไหร่แล้วยังทะเลาะกันอีก รีบเตรียมกินข้าวเถอะ!” หลัวเยี่ยนส่ายหน้า บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มปลาบปลื้มออกมา หญิงชายคู่นี้นำความสุขมาให้เธอไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ได้เลี้ยงมาเสียเปล่าจริงๆ!
……………….