ไม่ว่าเจ้าบ้าคนนี้จะรักเธอหรือไม่ แต่จะอย่างไรฉีหรูเสวี่ยก็รักผู้ชายคนนี้ และต้องการจีบให้ได้ จะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อให้ได้ใจเขามา!
นี่เป็นการตัดสินใจในใจของฉีหรูเสวี่ย เรียกได้ว่าเธอเองก็เป็นผู้หญิงที่มีความรักนวลสงวนตัวและความเอียงอายเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่ฉีหรูเสวี่ยที่ได้รับการศึกษาในระดับสูงจากต่างประเทศเข้าใจถึงเหตุผลข้อหนึ่งได้อย่างลึกซึ้ง ชีวิตคนนัั้นสั้นมาก ยากที่จะหาคนที่สามารถทำให้ตัวเองใจเต้นได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่จะต้องรับภาระมากกว่าผู้ชายมาก ช่วงเวลาเบ่งบานก็มีประมาณสิบปีเท่านั้น ถ้าไม่ไล่ตามความสุขของตน จะรออะไรอีก?
ตั้งแต่ตอนที่เย่เทียนเฉินบุกเข้าไปที่ตระกูลฉินเพียงลำพังเพื่อช่วยตนออกมาจากกองเพลิงครั้งนั้น หัวใจอันเย็นชาของฉีหรูเสวี่ยก็หลอมละลาย เธอค่อยๆ พบว่า ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหนที่ในใจของตนเองเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเย่เทียนเฉินไปอย่างลึกล้ำ ตอนนี้รู้สึกว่าคนๆ นี้แม้จะดูอันธพาลไปบ้างในบางครั้ง และดูเหมือนเทพแห่งความตายในบางครั้ง แต่ความจริงก็น่ารักมาก ต่อให้เขาไม่มีสไตล์และอีคิวต่ำ แต่กลับสามารถแสดงด้านที่เป็นสุภาพบุรุษออกมาในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดได้ ฉีหรูเสวี่ยรู้ว่าบางทีตนเองอาจจะถูกความรักบดบังสายตา แต่เธอก็เป็นคนที่มีนิสัยดื้อรั้น เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้วก็จะพยายามเต็มที่ ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
ในตอนนี้หลัวเยี่ยนกำลังทักทายอยู่กับฉีหรูเสวี่ยอย่างเป็นมิตร สาเหตุประการแรกก็คือผู้มาเยือนเป็นแขก ประการที่สองก็คือในใจของหลัวเยี่ยนยังหวังว่าฉีหรูเสวี่ยจะมาเป็นลูกสะใภ้ของเธอได้ นอกจากฉีหรูเสวี่ยจะสามารถรับแขกเบื้องหน้าเข้าครัวเบื้องหลังได้แล้ว ฉีหรูเสวี่ยยังเป็นผู้หญิงที่มีทุกอย่างครบครัน จะต้องคลอดลูกชายออกมาได้แน่นอน ในจุดนี้หลัวเยี่ยนให้ความสำคัญมาก ไม่ใช่ว่าเธอมีความคิดล้าหลังอะไร แต่คนที่มาจากตระกูลใหญ่จะมากจะน้อยต่างก็หวังจะมีลูกชายมาสืบทอดกิจการทั้งนั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือ ช่วงเวลาที่ฉีหรูเสวี่ยอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเย่ เข้ากันได้ดีกับหลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินเป็นอย่างมาก ผู้หญิงทั้งสามคนมักจะไปเดินช็อปปิ้งและคุยเล่นกัน ความรู้สึกเช่นนี้หายากจริงๆ
“หรูเสวี่ย อย่าเกรงใจไปเลย รีบมานั่งเถอะ พอมาถึงก็ต้องให้หนูไปทำอาหาร รู้สึกไม่ดีจริงๆ เชี่ยนเหวิน เด็กคนนี้นี่ นับวันก็ยิ่งใช้ไม่ได้…” หลัวเยี่ยนพูดกับฉีหรูเสวี่ยด้วยรอยยิ้ม
“คุณน้าคะ คุณอย่าได้เกรงอกเกรงใจกับหนูเกินไปเลย ครั้งนี้หนูมาเยี่ยมพวกคุณ มาขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รับก่อนหน้านี้ หนูเอาของขวัญมาให้คุณน้ากับน้องเชี่ยนเหวินด้วยค่ะ ซื้อรองเท้ามาให้คุณคู่หนึ่ง คุณน้าลองสวมดูเถอะว่าพอดีหรือเปล่า?” ฉีหรูเสวี่ยพูดพลางหยิบกล่องรองเท้าออกมา จากนั้นจึงส่งไปให้หลัวเยี่ยน
“นี่…จะรับไว้ได้ยังไง?”
หลัวเยี่ยนรู้สึกไม่ดีอยู่บ้างจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงว่ารองเท้าคู่นี้ที่ฉีหรูเสวี่ยมอบให้เธอ อย่างน้อยก็มีราคาเกือบหมื่น น้ำใจของเด็กคนนี้ทำให้เธอซาบซึ้งมาก ทุกวันนี้ผู้เยาว์ที่ว่านอนสอนง่ายและรู้ความแบบนี้หาไม่ง่ายเลยจริงๆ
“แม่คะ แม่อย่าเกรงใจไปเลย พี่สาวหรูเสวี่ยไม่ใช่คนนอกอะไร อีกอย่างพี่สาวหรูเสวี่ยก็มีน้ำใจยิ่งกว่าคนขี้เหนียวของพวกเราอีก เป็นถึงประธานคณะกรรมการแห่งเครือไห่หวังที่สง่าผ่าเผยแท้ๆ แต่ไม่เคยซื้อของแบบนี้ให้พวกเราเลย จะขี้เหนียวเกินไปแล้ว มีพี่ชายที่ขี้เหนียวแบบนี้หนูรู้สึกเหมือนกับจมลงในความมืดที่ไร้ก้นบึ้งจริงๆ …” เย่เชี่ยนเหวินพูดถึงตอนสุดท้ายก็ทำท่าทางอยากจะร้องไห้ออกมา ทำให้หลัวเยี่ยนและฉีหรูเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ บางครั้งตอนที่เย่เทียนเฉินและเย่เชี่ยนเหวินหยอกล้อขึ้นมาก็ทำให้ผู้คนอยากจะหัวเราะจริงๆ
“เชี่ยนเหวิน อย่าพูดกับพี่ชายของลูกแบบนี้เลย พี่ชายของลูกคนนี้อีคิวต่ำ ทำเรื่องอะไรก็มักจะหยาบกระด้างไปบ้าง ไม่ใช่ว่าลูกไม่รู้สักหน่อย…” หลัวเยี่ยนมองเย่เชี่ยนเหวินแล้วพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
“รู้แล้วค่ะ รู้แล้วค่ะ หนูไม่พูดถึงลูกชายสุดที่รักของแม่แล้ว มีแค่ลูกสาวอย่างหนูคนเดียวที่มีชีวิตรันทด ไม่มีใครรัก…” เย่เชี่ยนเหวินทำหน้าทะเล้นใส่หลัวเยี่ยน พูดออกมาแล้วหัวเราะฮี่ๆ
“คุณน้าคะ อย่ามัวแต่ไปพูดกับน้องเชี่ยนเหวินอยู่เลย ลองสวมรองเท้าดูว่าพอดีหรือเปล่า ดูว่าคนชอบหรือเปล่า หนูจะได้เอาไปเปลี่ยน!” ฉีหรูเสวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
“ได้ งั้นน้าจะไปลองดู หนูก็คุยเล่นกับเชี่ยนเหวินไปก่อน!” หลัวเยี่ยนเองก็พูดด้วยรอยยิ้ม
“ช่างเถอะ พี่สาวหรูเสวี่ยมาหาพี่ สาวน้อยชีวิตรันทดคนนี้จะไปกินมันฝรั่งทอดเติมเต็มความหิวและไปดูทีวีสักหน่อย!” เย่เชี่ยนเหวินพูดออกมาด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชี่ยนเหวิน ฉีหรูเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง เธอมาหาเย่เทียนเฉินโดยเฉพาะจริงๆ ของขวัญที่ซื้อมาให้หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินก็ทำตามมารยาทเท่านั้น เธอมาหาเย่เทียนเฉินเพราะคนคนนี้หลังจากที่แยกย้ายกันที่ตระกูลฉินเมื่อครั้งที่แล้วก็ไม่ได้มาหากันอีกเลย โทรศัพท์ก็ไม่ยอมโทรมา ดังนั้นฉีหรูเสวี่ยจึงอดไม่ได้ที่จะวิ่งมาหาเย่เทียนเฉินถึงบ้านตระกูลเย่
“เด็กคนนี้นี่…หรูเสวี่ย อย่าไปฟังเด็กคนนี้พูดเลย เทียนเฉินจะต้องอยู่ในห้องครัวแอบกินอาหารอยู่แน่นอน หนูไปช่วยนะดูเขาหน่อย อย่าให้เขากินหมด ไม่งั้นพวกเราจะไม่มีอะไรกิน…” หลัวเยี่ยนแสร้งพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ได้ค่ะคุณน้า หนูรับประกันเลยว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ!” ฉีหรูเสวี่ยพูดอย่างเบิกบานใจ ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว
เมื่อเห็นฉีหรูเสวี่ยเดินเข้าไปในห้องครัวอย่างดีอกดีใจ หลัวเยี่ยนที่ถือกล่องรองเท้าเตรียมจะเดินขึ้นไปรอที่ชั้นบนก็รีบเดินเข้าไปหาลูกสาวของตน และในเวลาเดียวกันนี้เย่เชี่ยนเหวินก็วางถุงมันฝรั่งทอดในมือลงไปรวมตัวกับแม่อย่างกระตือรือร้น
หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินทำท่าทางเหมือนกับเป็นโจร แอบมองเงาร่างสูงเพรียวของฉีหรูเสวี่ยอย่างระมัดระวัง คอยสังเกตสถานการณ์ในห้องครัว แต่ละคนต่างก็มีท่าทางลึกลับ ทั้งน่าตลกและแปลกประหลาดมาก
“เชี่ยนเหวิน พี่สาวหรูเสวี่ยของลูกมาเมื่อไหร่ มาทำอะไร?” หลัวเยี่ยนถามเสียงเบา
“แม่คะ ไม่ใช่ว่าแม่ถามมาทั้งที่รู้อยู่แล้วเหรอ? เห็นได้ชัดว่าพี่สาวหรูเสวี่ยมาหาพี่ชาย นี่เป็นการจู่โจมด้วยความรัก ทำให้หนูคาดไม่ถึงเลยจริงๆ คนที่ไม่มีสไตล์และอีคิวต่ำอย่างพี่จะมีผู้หญิงสวยอย่างพี่สาวหรูเสวี่ยมาชอบได้ ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วละมั้ง?” เย่เชี่ยนเหวินพูดด้วยท่าทางจริงจัง
“เด็กคนนี้นี่พูดอะไรกัน ไม่อนุญาตให้พูดถึงพี่ชายของลูกแบบนี้ ลูกว่าพี่สาวหรูเสวี่ยของลูกจะทำสำเร็จไหม? พี่ชาของลูกจะรักพี่สาวหรูเสวี่ยไหม?” หลัวเยี่ยนถามออกมาอย่างเป็นกังวล
เย่เชี่ยนเหวินมองไปยังคุณแม่ ทำท่าทางอวดแบ่งเอากับใต้เท้าตัวน้อย เหมือนตัวเองเป็นกูรูด้านความรัก วิเคราะห์ออกมาด้วยท่าทีเคร่งขรึมจริงจังว่า “นี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ด้วยมาตรฐานของพี่ชาย เขาชอบผู้หญิงก้นใหญ่ ก่อนหน้านี้ในห้องของเขาก็ติดรูปผู้หญิงก้นใหญ่เอาไว้เต็มไปหมด ถ้าพูดถึงก้นของพี่สาวหรูเสวี่ยแล้ว ก็คงไม่มีปัญหาอะไร ใหญ่พอ แต่ปัญหาในตอนนี้คือ ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะมีผู้หญิงมาติดพันพี่ไม่น้อย เช่นพี่เฟยเฟย แล้วยังมีพี่อวี่สวิ๋น โดยเฉพาะสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงหลิ่วหรูเหมยคนนั้น…”
“แม่ขอให้ใครก็ได้ในตัวเลือกสามลำดับแรกมาเป็นลูกสะใภ้ของแม่ แต่ไม่ชอบให้หลิ่วหรูเหมยมาอะไรกับพี่ชายลูก” หลัวเยี่ยนพูดออกมาอย่างจริงจัง
“แม่คะ หนูรู้ว่าแม่มีอคติกับหลิ่วหรูเหมยเพราะเรื่องเมื่อปีนั้น หนูเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่แม่อย่าทำท่าทางเหมือนจะไปฆ่าคนตายได้หรือเปล่า?” เย่เชี่ยนเหวินพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เชี่ยนเหวิน ความจริงพวกลูกผิดกันหมดแล้ว แม่ไม่ใช่คนที่ใจแคบ เรื่องเมื่อปีนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่อันดับแรก การที่พี่ชายของลูกไปแอบดูหลิ่วหรูเหมยอาบน้ำก็เป็นเรื่องไม่ถูกต้องแล้ว ได้รับการลงโทษนิดหน่อยก็เป็นสิ่งที่สมควร ไม่ใช่เพราะเรื่องเมื่อปีนั้นที่ทำให้แม่ไม่อยากให้พี่ชายของลูกกับหลิ่วหรูเหมยไปมาหาสู่กัน แต่เป็นเพราะบนโลกนี้ยิ่งเป็นผู้หญิงที่สวยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความยุ่งยากมากเท่านั้น เป็นไปได้มากว่าจะกระตุ้นให้มีการฆ่าฟันเกิดขึ้น คำว่านารีเป็นเหตุก็มีที่มาแบบนี้แหละ!” หลัวเยี่ยนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง…งั้นก็หวังว่าพี่ชายกับหลิ่วหรูเหมยจะไม่ได้ไปมาหาสู่อะไรกัน จะได้ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”
ในยามปกติสองพี่น้องเย่เทียนเฉินและเย่เชี่ยนเหวินก็มันจะเล่นอะโวยวายกันอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสองพี่น้องลึกล้ำมาโดยตลอด ในเวลาสำคัญแบบนี้เย่เชี่ยนเหวินย่อมไม่อยากให้พี่ชายของตนเกิดเรื่อง
“ดังนั้นแม่หวังว่าพี่ชายของลูกจะรีบแต่งงานให้เร็วสักหน่อย ถ้าเป็นแบบนั้นไม่เพียงแต่ทำให้ความปรารถนาของแม่สำเร็จไปหนึ่งเรื่อง แล้วยังทำให้พี่ชายของลูกดึงดูดปัญหาให้มันน้อยลงด้วย!” หลัวเยี่ยนพูดพลางพยักหน้า
“วางใจเถอะ ในเมื่อแม่ชอบพี่สาวหรูเสวี่ยขนาดนั้น หนูเองก็รู้สึกว่าถ้ามีพี่สาวหรูเสวี่ยมาเป็นพี่สะใภ้ก็คงไม่เลว งั้นพวกเราก็จับคู่ให้พี่ชายกับพี่สาวหรูเสวี่ย ให้พี่ชายที่มีอีคิวต่ำคนนี้ได้ใช้สมองบ้าง!” เย่เชี่ยนเหวินพูดแล้วยิ้มออกมาอย่างน่ารักมีชีวิตชีวา
“เด็กคนนี้นี่ วันๆ เอาแต่คิดเรื่องแปลกๆ แม่ว่า ลูกไปดูเถอะว่าพี่สาวหรูเสวี่ยซื้ออะไรให้ลูก?” หลัวเยี่ยนเป็นผู้หญิงที่ฉลาด แต่ในยามปกติก็เป็นแม่บ้านทั่วไป ไม่ได้แสดงความโดดเด่นออกมาก็เท่านั้น
“แม่คะ แม่จะฉลาดเกินไปแล้ว ถูกแม่เดาออกหมดเลย ดูเถอะ มันคือนี่…” เย่เชี่ยนเหวินแกว่งเครื่องประดับสีเงินในมือขวาต่อหน้าหลัวเยี่ยนอย่างลำพองใจ เป็นเครื่องประดับที่กำลังนิยมและทันสมัยมาก สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างดี
“เครื่องประดับเงินแบบนี้อย่างน้อยก็ราคาหมื่นสองหมื่น ลูกระวังหน่อยนะอย่าทำพัง…” หลัวเยี่ยนกล่าวเตือน ถึงแม้ว่าตระกูลเย่จะไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่ตลอดมาก็ประหยัดจนชิน ดังนั้นเมื่อเห็นฉีหรูเสวี่ยมอบของขวัญที่ล้ำค่าเช่นนี้ให้เย่เชี่ยนเหวิน หลัวเยี่ยนก็ยังคงรู้สึกแปลกๆ
“อะไรคะ? รองเท้าคู่นั้นของแม่นำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศส อย่างน้อยก็ต้อง…” เย่เชี่ยนเหวินพูดฟังยกนิ้วขึ้นมาห้านิ้ว
หลัวเยี่ยนชะงักไปเล็กน้อย พูดกับเย่เชี่ยนเหวินอย่างเคร่งขรึม “ของขวัญที่หรูเสวี่ยมอบให้พวกเรา ถ้าพวกเราไม่รับเอาไว้ก็จะเป็นการทำให้คนอื่นเขาเสียหน้า แต่ลูกจำไว้ว่าจะต้องดูแลให้ดี ต่อให้เรื่องของพี่สาวหรูเสวี่ยแล้วพี่ชายของลูกไม่ประสบผลสำเร็จ ของพวกนี้พวกเราก็ต้องอย่าไปอยากได้ เข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้วค่ะคุณแม่ เข้าใจแล้ว!” เย่เชี่ยนเหวินพูดออกมาพลางยิ้มหวาน
ตอนนี้เองภายในห้องครัว เย่เทียนเฉินที่กำลังกินเนื้อตุ๋นหม้อใหญ่อย่างมีความสุขอยู่นั้นยิ้มไม่ขาดปาก ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่าฝีมือการทำอาหารของฉีหรูเสวี่ยยอดเยี่ยมมากจริงๆ เนื้อตุ๋นหัวไชเท้านี้ ได้กลิ่นก็หอม ยิ่งกินก็ยิ่งหอม โดยเฉพาะเนื้อวัว ที่ทำได้ปราณีตมาก เคี้ยวง่ายไม่เหนียวเลยสักนิด น้ำซุปก็ทำให้สดชื่น มีความสุขจริงๆ
เมื่อกลับมาถึงบ้านเย่เทียนเฉินย่อมไม่ระมัดระวังตัวมากเกินไป และไม่ได้ใช้พลังพิเศษแห่งการรับรู้ ที่นี่เป็นบ้านของเขา แน่นอนว่าการที่เขาไม่ทำแบบนี้สาเหตุสำคัญเป็นเพราะความคิดของเขาจดจ่ออยู่กับเนื้อตุ๋นหัวไชเท้า ดังนั้นกระทั่งฉีหรูเสวี่ยเดินมาถึงด้านหลังของเขาแล้วเขาก็ยังไม่รู้ ยังคงลิ้มรสเนื้ออย่างมีความสุขต่อไป
……………