สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 1.1

ตอนที่ 1.1

ภาค 2 บทที่ 1 เล่ห์เหลี่ยม (1)
โดย
Ink Stone_Romance
ฉู่ฉีเหยียนบรรจงเลือกองครักษ์ยี่สิบนายอย่างพิถีพิถันแล้วออกจากจวน คนทั้งกลุ่มเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง ทว่าเพิ่งจะขี่ม้าผ่านตรอกที่อยู่ติดกันข้างๆ ก็เจอม้าเร็ววิ่งเข้ามาหาอย่างเร็วมาก

ฉู่ฉีเหยียนดึงบังเหียน

เหล่าองครักษ์รีบเตรียมพร้อมรับมือทันที

ครู่หนึ่งผู้นั้นก็ขี่ม้าเข้ามาใกล้ ยกมือทำท่าทางส่งสัญญาณ น้ำเสียงทุ้มต่ำกล่าว “ข้าเอง!”

บุรุษผู้นั้นคือหลี่หลินที่สวมใส่ชุดสั้นสีดำ

หลี่หลินควบม้าเข้ามาใกล้พร้อมรายงานว่า “ซื่อจื่อ เมื่อครู่ได้ข่าวจากนกพิราบสื่อสารว่า ท่านหญิงฉู่สวินหยางคุ้มกันรถม้าออกจากวังบูรพาด้วยตนเอง ดูจากทิศทางที่ไปน่าจะเลือกเดินทางออกจากประตูเมืองทางทิศตะวันออกขอรับ”

“หา? ฉู่สวินหยางอารักขาด้วยตนเองรึ?” ฉู่ฉีเหยียนยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วถอนหายใจแผ่วเบาพลางถามว่า “รถม้าคันนั้นมีลักษณะเช่นไร? เจ้าเห็นหรือไม่ว่าผู้ใดนั่งอยู่ในรถคันนั้น?”

“รถม้าคันนั้นธรรมดามาก แต่คุ้มกันอย่างแน่นหนา ข้าไม่ได้สังเกตว่าคนที่นั่งอยู่ในรถเป็นผู้ใด” หลี่หลินเล่าพลางนิ่งงันไปชั่วขณะแล้วลองถามว่า “ซื่อจื่อคิดว่าบนรถอาจจะเป็นทั่วป๋าอวิ๋นจีหรือขอรับ?”

“แล้วเจ้าคิดว่าเช่นไร?” ฉู่ฉีเหยียนถามกลับ สายตาเยือกเย็นมองไปยังท้องนภาไกล ตกอยู่ในภวังค์จิต

“ยากจะพูดขอรับ!” หลี่หลินพูด พลางวิเคราะห์อย่างตั้งใจว่า “หากท่านหญิงฉู่สวินหยางอารักขาด้วยตนเองจะต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดา หากนางอารักขาทั่วป๋าอวิ๋นจียิ่งเป็นไปไม่ได้แน่นอนขอรับ!”

แล้วอย่างไร? ฉู่สวินหยางเดาได้ว่าเขาจะลงมือจัดการทั่วป๋าอวิ๋นจี ถึงได้ลงมือคุ้มกันด้วยตนเองรึ?

ฉู่ฉีเหยียนหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อน และค่อยๆ หลับตาลง

ท่ามกลางราตรี ไอความร้อนที่เขาหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาจับตัวเป็นหมอกขาวในชั่วพริบตาและปิดบังใบหน้าที่เย็นชา ทำให้สีหน้าของเขาแลดูคลุมเครือปนลึกลับ

เขานิ่งเงียบไม่พูดจา เพียงแต่นิ้วมือเคาะแส้ม้าในมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับกำลังคิดไตร่ตรองอยู่

ผู้ติดตามทั้งหมดต่างก้มหน้าหลับตารอยู่ข้างๆ

ท่ามกลางความเงียบสงัดที่ค่อยๆ ผ่านพ้นไปทีละน้อย

รออยู่นานมาก ในที่สุดหลี่หลินก็เหมือนอดทนไม่ไหวจึงลองเอ่ยปากถามอีกครั้งว่า “ขณะนี้นางน่าจะใกล้ออกจากเมืองแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดเลยนะขอรับ!”

เพื่อปกป้องพันธมิตรอย่างทั่วป๋าไหวอัน ตอนแรกฉู่ฉีเหยียนคิดวางแผนฉวยโอกาสกำจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่นี้ระหว่างทางที่ทั่วป๋าอวิ๋นจีกลับโม่เป่ย

ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ยังค่อนข้างราบรื่น ฮ่องเต้เกิดโมโหคิดจะฆ่านาง

เมื่อเป็นเช่นนี้…

แทนที่จะแอบลงมือสังหารนางอย่างเงียบๆ มิสู้เปลี่ยนมาใช้ประโยชน์จากนางสักครั้ง!

“ในเมื่อวังบูรพาวางเดิมพันกับนาง เรื่องนี้มีความสำคัญยิ่งนัก จะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยนางนะขอรับ” หลี่หลินเห็นเขานิ่งเงียบจึงยิ่งร้อนใจกล่าวต่อว่า “ท่านหญิงสวินหยางปลอมตัวออกจากวังกลางดึก นางอารักขารถม้าคันนั้นจะต้องมีอุบายอะไรอีกเป็นแน่!”

ครึ่งชั่วยามก่อน ทหารและองครักษ์ลับที่ทำตามคำสั่งลอบสังหารของฮ่องเต้ออกจากเมืองไปอย่างรวดเร็วและตามไปจัดการคณะทูตโม่เป่ยที่ออกจากเมืองหลวงแล้ว

เป็นไปไม่ได้ที่วังบูรพาจะไม่คำนึงถึงเรื่องนี้

องครักษ์และองครักษ์ลับถูกส่งไปพร้อมกัน ฮ่องเต้คิดจะลอบสังหารนาง จึงไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาแม้แต่น้อย…

ทั่วป๋าอวิ๋นจีไม่มีทางที่จะติดตามไปพร้อมกันกับคณะทูตกลุ่มนั้น

ดังนั้น…

ฉู่สวินหยางถึงได้คุ้มกันนางออกจากเมืองหลวงด้วยตนเองรึ?

หากเป็นเช่นนั้นจริง และหยุดนางไว้ได้ก่อนที่นางจะออกจากเมืองหลวง ทั้งยังจับได้ทั้งฉู่สวินหยางและทั่วป๋าอวิ๋นจี ถ้ามีหลักฐานมัดตัวแน่นหนาคงดิ้นไม่หลุด ตอนนี้ฮ่องเต้กำลังโกรธ จะทำให้ทั้งวังบูรพาได้รับความเดือดร้อนก็ง่ายมาก

“เจ้าคิดว่า…ฉู่สวินหยางกล้าเสี่ยงอันตรายทำความผิดร้ายแรงใหญ่หลวงเช่นนี้รึ?” ฉู่ฉีเหยียนค่อยๆ ลืมตาขึ้น

หลี่หลินไม่แน่ใจ เพียงแต่ขมวดคิ้วแน่นชั่วขณะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ

ฉู่ฉีเหยียนก็เหมือนไม่คิดจะรอคำตอบของหลี่หลินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ขณะที่พูดก็ส่ายศีรษะเบาๆ พลางยิ้มว่า “นิสัยนางเชื่อถือไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ใช้กลวิธีเล่นละครตบตาหลอกลวง”

หากว่ากันตามเหตุผลแล้ววิธีนี้เสี่ยงเกินไป มันสมองเช่นนางแยกไม่ออกหรือว่าทำเช่นนี้ส่งผลทั้งดีและร้าย?”

แต่นางอาจจะไม่คิดเช่นนี้…

นางคงเดาว่าคนจะนึกว่านางคงไม่กล้าทำเช่นนี้ จึงเลือกใช้วิธีนี้!

“เช่นนั้นซื่อจื่อ…” หลี่หลินหายใจเข้าลึก ในใจลังเล “เราจะตามไปหรือเฝ้ารอดูก่อนหรือขอรับ?”

ฉู่ฉีเหยียนเหลือบตามองอย่างครุ่นคิด ทันใดก็คิดขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง แล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นัยน์ตาเป็นประกาย หันไปถามหลี่หลินว่า “คนกลุ่มนั้น นอกจากฉู่สวินหยางและองครักษ์วังบูรพาของนาง ยังมีใครอีกหรือไม่?”

หลี่หลินขมวดคิ้วตั้งใจนึกอย่างจริงจัง ส่ายศีรษะพลางพูด “ไม่มีขอรับ! ที่เห็นมีเพียงผู้ที่อยู่ข้างกายองค์รัชทายาทและคังจวิ้นอ๋องที่ข้าคุ้นหน้า”

ฉู่ฉีเหยียนได้ฟังแล้วก็ยิ้มเยาะเย้ยตรงมุมปาก

หลี่หลินมองดูพลางถอนใจเฮือก ละอองหมอกที่ปกคลุมในใจก็ค่อยๆ หายไป เสียงทุ้มต่ำเอ่ย “ซื่อจื่อจะบอกว่าใต้เท้าเหยียนหลิงจวิน…”

“ตั้งแต่เขามาเมืองหลวง เมื่อใดก็ตามที่ฉู่สวินหยางกระทำสิ่งใดเขาจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว เรื่องใหญ่เช่นนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงาไม่แปลกใจบ้างหรือไง?” ฉู่ฉีเหยียนพูดด้วยสายตาแหลมคมแวววับ

หลี่หลินไม่กล้าปล่อยปละละเลย รีบสั่งให้คนไปตรวจสอบ

ฉู่ฉีเหยียนไม่วู่วาม เขาหยุดม้าอยู่ที่มุมถนน และรอคอยอย่างสบายใจ

ไม่นานก็มีนกพิราบบินมาส่งข่าว

หลังจากหลี่หลินดึงกระดาษออกมาจากกระบอกไม้ไผ่และอ่านแล้ว สีหน้าก็ยิ่งจริงจังขึ้นมามากขึ้นว่า “ซื่อจื่อ คาดไว้ไม่มีผิด วันนี้ยามพลบค่ำมีคนเห็นใต้เท้าเหยียนหลิงกับท่านหญิงสวินหยางอยู่ด้วยกันแถวๆ ประตูวังทางทิศใต้ หลังจากนั้นทั้งสองคนก็จากไปพร้อมกันขอรับ”

ฉู่ฉีเหยียนเม้มปากเบาๆ นิ่งเงียบ

หลังจากนั้นไม่นานก็มีจดหมายลับส่งมาอีกครั้ง

หลี่หลินอ่านจบแล้วก็เปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “แล้วก็ครึ่งชั่วยามก่อน รถม้าของหมอหลวงเฉินกับทหารองครักษ์ออกไปนอกเมือง บอกว่าไปซื้อยาสมุนไพรที่เมืองข้างๆ”

ฉู่ฉีเหยียนไม่ตัดสินใจ หลี่หลินคิดแล้วคิดอีกพูดว่า “หรือท่านหญิงสวินหยางจะเป็นแค่ตัวหลอก จริงๆ แล้วใต้เท้าเหยียนหลิงพาคนคุ้มกันทั่วป๋าอวิ๋นจีหนีไปก่อนแล้ว?”

หลี่หลินยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าโอกาสที่จะเป็นไปได้มีมากขึ้น ความจริงครั้งนี้ฮ่องเต้ต้องการจะเอาชีวิตทั่วป๋าอวิ๋นจี แต่ฉู่สวินหยางเข้าไปปกป้องนางด้วยตัวเอง เช่นนั้นแล้วความเสี่ยงที่รับผิดชอบช่างมากยิ่งนัก

“พวกเขาเพิ่งออกไปได้ประมาณครึ่งชั่วยามแล้ว ตอนนี้จะตามไปอย่างไรก็ไม่ทัน!” หลี่หลินพูด เขาพูดจบก็สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเตรียมตามเหยียนหลิงจวินไป

“ไม่ต้องรีบร้อน!” ฉู่ฉีเหยียนพูดพลางยกมือรั้งเขาไว้

หลี่หลินสีหน้างงงวย สายตาฉงนมองไปยังฉู่ฉีเหยียน

“รอต่อไป!” ฉู่ฉีเหยียนพูดสายตาลึกลับเย็นยะเยือก พูดอย่างเย็นชา “ให้หน่วยสอดแนมที่อยู่ใกล้กับวังบูรพาอย่าเพิ่งถอยออกมา คอยจับตามองทุกฝีก้าว!”

“ขอรับ!” แม้ว่าในใจหลี่หลินจะมีข้อสงสัยหลายประการ แต่กลับไม่ลังเลในคำสั่งฉู่ฉีเหยียนแม้แต่น้อย รีบปล่อยให้นกพิราบส่งข่าวกลับไปรายงาน เขาอดไม่ไหวที่จะถามว่า “ซื่อจื่อ ข้าโง่เขลานัก ท่านจะปล่อยใต้เท้าเหยียนหลิงกับท่านหญิงสวินหยางไปเช่นนั้นหรือ? แต่หาก…”

“ไม่มีคำว่าแต่…!” ฉู่ฉีเหยียนเอ่ยอย่างมั่นใจและเย็นชาเล็กน้อย กล่าวชัดถ้อยชัดคำ “คนที่ข้ารออยู่…ก็คือฉู่ฉีเฟิง!”

หลี่หลินอึ้งไป สีหน้างุนงงไปชั่วขณะ

“เรื่องนี้เป็นเรื่องวังบูรพา แม้เป็นเรื่องส่วนตัวของฉู่สวินหยาง แต่ฉู่ฉีเฟิงไม่แยแสแลเหลียวตั้งแต่ต้นจนจบ เจ้าไม่คิดว่าเขาน่าสงสัยมากหรือ?” ฉู่ฉีเหยียนถาม

หลี่หลินคิดตาม เผลอสูดเอาลมเย็นเข้าไป “ซื่อจื่อสงสัยว่านี่เป็นกลลวงที่พวกเขาวางแผนไว้เช่นนั้นหรือ? ไม่ว่าจะเป็นใต้เท้าเหยียนหลิงหรือท่านหญิงสวินหยางก็เป็นแค่ตัวหลอก เพื่อดึงความสนใจของพวกเรา ความจริงแล้ว…คนที่กำลังพาทั่วป๋าอวิ๋นจีหลบหนีก็คือคังจวิ้นอ๋องหรือขอรับ?”

ฉู่ฉีเหยียนหัวเราะเยาะไม่แสดงความเห็นใด

ความสัมพันธ์สองพี่น้องระหว่างฉู่ฉีเฟิงและฉู่สวินหยางลึกซึ้งเช่นนั้น จะเป็นไปได้อย่างไรว่าจนถึงตอนนี้จะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้? เรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้ทั้งหมด ฉู่สวินหยางเป็นคนออกหน้า คงจะทำให้เขารู้สึกละอายใจ…

เพียงแต่ฉู่สวินหยางกำลังสู้กับเขาเพียงลำพัง!

หากไม่เอาเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหล่านี้มาประติดประต่อเสียใหม่ ฉู่ฉีเหยียนคงต้องถูกสองพี่น้องคู่นี้ปิดหูปิดตาหลอกให้เขาตายใจไปแล้ว

หลี่หลินไม่กล้าวางใจ รีบสั่งการให้ติดตามอีกครั้ง กำชับให้คอยสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของวังบูรพาอย่างเข้มงวด

หลังจากใช้เวลาประมาณหนึ่งเค่อความพยายามก็ไม่สูญเปล่า กลางอากาศก็มีเสียงนกพิราบกระพือปีกตัวหนึ่งบินมาจากทางวังบูรพาใกล้เข้ามา

หลี่หลินไม่นิ่งนอนใจรีบนำจดหมายลับที่อยู่ในกระบอกไม้ไผ่ออกมาอ่าน หลังจากที่อ่านจบเขาก็ถอนหายใจอีกครั้งพลางกล่าว ”ซื่อจื่อ คังจวิ้นอ๋องพาคนออกจากเมืองไปแล้วอย่างที่คิดจริงๆ ขอรับ!”

———————————————-

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท