สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 5.3

ตอนที่ 5.3

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 5 ข้าอนุญาตให้เจ้าทอดทิ้งข้าได้ทุกเมื่อ! (3)
บทที่ 5 ข้าอนุญาตให้เจ้าทอดทิ้งข้าได้ทุกเมื่อ! (3)
โดย
Ink Stone_Romance
เหยียนหลิงจวินรออยู่ตรงนั้น เขายื่นมือออกไปหนึ่งข้างให้นางจับไว้

ฉู่สวินหยางขึ้นเรือมา กวาดมองไปรอบด้าน ฉู่เยว่หนิงกับฮั่วชิงเอ๋อร์สองคนกำลังเริงร่าพูดเย้าแหย่กันอยู่ที่หัวเรือ

“ทำไมมีแค่พวกนางสองคนล่ะ?” ฉู่สวินหยางเอ่ยถาม

“พี่รองของเจ้าบอกว่าไม่สบายเลยไปพักที่ห้องโดยสาร ฉู่หลิงอวิ้นก็ลงไปที่ห้องโดยสารด้วยเหมือนกัน”

เหยียนหลิงจวินตอบ พลางออกแรงดึงตัวนางเข้ามา แล้วจูงนางวิ่งไปยังท้ายเรือ

“เจ้าทำอะไรน่ะ?” ฉู่สวินหยางถลกกระโปรงวิ่งตามเขาไป พูดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตระหนกตกใจ ในระหว่างที่วิ่งอยู่ ก็เอาแต่กลัวว่าเสียงกระทบนั้นมันจะดังจนทำให้ฉู่หลิงอวิ้นและคนอื่นที่อยู่ด้านล่างตกใจ ทำให้วิ่งไปก็กลัวไป

เหยียนหลิงจวินหันกลับมายิ้มให้ เอาแต่ยิ้มไม่พูดอะไร อุบเรื่องสำคัญไว้ไม่ยอมพูดออกมา

ฉู่สวินหยางก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เลยยิ้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ปล่อยให้เขาทำตามใจไป

เหยียนหลิงจวินจูงนางมาถึงท้ายเรือ ทางเรือฝั่งนั้นก็มีระเบียงส่วนที่ยื่นออกมาเหมือนกัน ทว่าคับแคบกว่าส่วนหัวเรือเล็กน้อย แต่ในเวลากลางคืนที่ไร้เสียงผู้คนเยี่ยงนี้ บรรยากาศที่นี่จึงยิ่งเงียบสงบและสวยงามกว่าที่เคยเป็น

“บรรยากาศหัวเรือกับท้ายเรือนี่ต่างกันลิบลับจริงเชียว!” ฉู่สวินหยางคิดว่าเขาพาตนมาที่เงียบสงบไร้เสียงคนตรงนี้เพื่อนั่งชมทิวทัศน์ เลยยิ้มหัวเราะขึ้นอย่างมีความสุข พูดพลางก็สะบัดมือเขาออกแล้วเดินไปที่ขอบเรือ

คิดไม่ถึงว่าเหยียนหลิงจวินจะไม่ยอมปล่อยมือออก แต่กลับเป็นคนจูงนาง พานางไปด้านหลังของอาคารเล็กๆ หลังหนึ่งตรงนั้น ยกมือดึงไม้รูปร่างแปลกประหลาดตรงนั้นลงมา

เสียงไม้กระทบเสียดสีกันดังขึ้น จากนั้นตรงหน้าก็มีบันไดที่พับเก็บเอาไว้อยู่ ค่อยๆ ขยายออกมาลงมาถึงพื้นระเบียง

ฉู่สวินหยางชายตามองเขา ยิ้มแล้วถามว่า “ทำอะไรน่ะ?”

“ข้างบนสวยดีนะ!” เหยียนหลิงจวินพูด ลากตัวนางให้เดินขึ้นบันไดไปด้วยกัน

“ไม่ไปหรอก!” ฉู่สวินหยางกลอกตามองเขา สะบัดมือเขาทิ้ง แล้วเดินกลับไปทางหางเรือ “ไปยืนอยู่บนที่สูงแบบนั้นทำไม? ตรงนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่!”

มีคนชมทิวทัศน์อยู่ริมแม่น้ำนี้เยอะแยะ ขึ้นไปยืนบนที่สูงแบบนั้น ได้กลายเป็นภาพให้คนอื่นเขามองซะมากกว่า

ฉู่สวินหยางอดไม่ได้ที่พูดพึมพำออกมา…

คนคนนี้กลายเป็นคนที่ทำเรื่องเอาแต่ใจพึ่งพาไม่ได้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? ก่อนหน้าที่ได้เจอกัน นางยังคิดอยู่เลยว่าเขาเป็นพวกวิกลจริต หรือว่าที่ผ่านมาเขาแกล้งทำมาตลอด?

นางเดินก้าวออกไปอย่างเหม่อลอยจนก้าวเท้าพลาด ตัวของนางกำลังล้มลงกลางอากาศ แต่ถูกอีกฝ่ายอุ้มรับไว้ในอ้อมกอดได้ทัน

“นี่…” ฉู่สวินหยางเอ่ยขึ้นเสียงเบา พลางจับแขนเสื้อเหยียนหลิงจวินไว้แน่น พยายามเงยศีรษะขึ้น แต่เมื่อเงยขึ้นมาแล้วกลับสบตาเขาสายตาอันเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง

ทั้งสองคนสบตามองกัน

ในแววตาของเขาสะท้อนภาพยามค่ำคืนให้เห็น ทั้งยังส่องแสงประกายวิบวับราวกับเพชรนิลจินดา ในสายตาที่ลึกซึ้งยังแฝงไปด้วยความบริสุทธิ์ เมื่อแสงส่องขึ้นมาก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกดูดวิญญาณหลุดออกจากร่าง

ฉู่สวินหยางตกใจขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงลมโบกพัดลอยมา เขาไม่ถามความสมัครใจของนาง เพียงแค่อุ้มนางวิ่งขึ้นไปบนจุดที่สูงที่สุดของเรืออย่างรวดเร็ว

พื้นที่บนนี้ไม่ได้กว้างมากนัก เป็นแค่ระเบียงสี่เหลี่ยมเล็กๆ

น่าจะเตรียมมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะตรงนั้นมีพรมขนแกะปูเอาไว้รออยู่

เหยียนหลิงจวินอุ้มนางไป

ฉู่สวินหยางตกใจจนร้องออกมา กลัวว่าพวกฉู่เยว่หนิงที่อยู่ตรงระเบียงหัวเรือจะเห็นเข้า เลยพยายามมุดหน้าลงในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่ลดละ

ปกติแล้วนางเป็นคนฉลาดจะตาย แต่บางครั้งก็ตื่นเต้นจนทำอะไรโง่ๆ ลงไป ทำให้คนอดขำออกมาไม่ได้

เหยียนหลิงจวินพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนแล้ว เขาก็ก้มหลังวางตัวนางลงบนพรมขนแกะ ทำให้ครึ่งตัวบนของเขาคร่อมอยู่บนตัวนาง เขายิ้มหวานมองหน้าอีกฝ่าย

ใบหน้าของฉู่สวินหยางแดงก่ำ เม้มปากแน่น มองเขาด้วยสีหน้าสงสัย ลังเลอยู่นานไม่รู้จะพูดคำใดออกมาดี

ในขณะเดียวกันนั้นเองเหยียนหลิงจวินก็ขยับคันชักเก็บบันไดนั้นกลับเข้าที่เดิม ทำให้พื้นที่เล็กๆ ตรงนี้แยกสัดส่วนลอยตัวอยู่ด้านบนอย่างโดดเดี่ยว

เขายกแขนเท้าศีรษะเอาไว้ข้างหนึ่ง ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มที่กำลังยิ้มอยู่นั้น ค่อยๆ เขยิบเข้าใกล้ใบหน้าแดงก่ำของนาง

ฉู่สวินหยางโดนเขาจ้องมองจนทำตัวไม่ถูก จึงก้มหน้าหลบสายตาของอีกฝ่าย พูดขึ้นเหมือนกำลังไม่พอใจอยู่ว่า “เดี๋ยวพอฉู่หลิงอวิ้นเห็นว่าเจ้าไม่อยู่ นางต้องมาตามหาตัวเจ้าให้วุ่นแน่ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา ข้าจะคอยดูว่าท่านจะแก้ปัญหานี้อย่างไร!”

“ถ้านางตามหาข้าเจอ ก็หมายความว่านางก็เจอเจ้าด้วยนะ?” เหยียนหลิงจวินยิ้มอย่างไม่สนใจ พลางม้วนปอยผมที่ตกอยู่บนพื้นของนางเล่น แล้วแนบชิดอิงกายลงไป ปลายจมูกของทั้งสองคนชนกัน เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “จะหาโอกาสได้เจอเจ้าสักครั้งหนึ่งช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน อุตส่าห์ได้พบกันแล้ว ยังมีคนตามมาเป็นขบวนแบบนี้ พวกเรามาช่วยกันคิดหาวิธีแก้ไขหน่อยดีหรือไม่ วันหลังจะได้ไม่ต้องลำบากอีก”

ฉู่สวินหยางตกใจชะงักขึ้นเล็กน้อย สีหน้าของนางสับสน

เหยียนหลิงจวินเห็นว่านางหลุดทำอะไรบื้อๆ ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้อีกแล้ว จึงยิ้มหัวเราะออกมาอย่างสดใส จากนั้นก้มหน้าลงประทับจูบบนริมฝีปากของนาง

ร่างกายฉู่สวินหยางแข็งทื่อไปเกือบทั้งตัว

ลมหายใจอันอบอุ่นของเขารินรดลงบนใบหน้า ค่อยๆ ผสมผสานเข้ากับลมหายใจของตน ค่อยๆ ลิ้มรสสิ่งล้ำค่าตรงหน้าอย่างระมัดระวัง

ร่างกายของฉู่สวินหยางเกร็งแน่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา นางกลั้นหายใจ ปล่อยให้เขาเป็นผู้เริ่มความสุขอันสวยงามและไร้เดียงสาให้กับนางที่เพิ่งเคยได้สัมผัสกับความรัก

เขาใจเย็นกับนางเสมอ ถึงแม้ว่าความรู้สึกต้องการของเขาจะเอ่อล้นออกมามากเพียงใด เขาก็ยังคงค่อยๆ ชักจูงนางอย่างอ่อนโยน ค่อยๆ ให้นางได้สัมผัสกับความสุขอันสวยงามที่สร้างไว้สำหรับนางเพียงผู้เดียว จากนั้นก็ค่อยๆ ปล่อยให้ความรู้สึกนั้นซึมซับลงไปในสายเลือดหลอมรวมกันลงเข้าไปในไขกระดูก ใช้เวลาทั้งชีวิตจดจำและรักษามันเอาไว้อย่างดี

ความคิดในหัวของฉู่สวินหยางสับสนกันไปหมด นึกถึงความรู้สึกเมื่อครั้งก่อนที่เขาได้สัมผัสริมฝีปากนั้นอย่างไม่รู้ตัว คิดไปก็หน้าแดงขึ้นลามไปจนถึงใบหู ใบหน้ารูปไข่นั้นแดงขึ้นอย่างไม่อาจห้ามเอาไว้ได้

“คิดอะไรอยู่น่ะ!” เหยียนหลิงจวินกะพริบตา เห็นนางเหม่อลอยไปไกล จึงเอ่ยถามขึ้นเสียงแหบแห้งอย่างไม่พอใจ

ฉู่สวินหยางสบสายตาเข้ากับเขา นอกจากความเขินอายที่มีอยู่แล้ว นางแกล้งทำเป็นเข้มแข็ง ถลึงตามองแล้วพูดออกมาอย่างโหดเหี้ยมว่า “อ้อมมารอบใหญ่เพื่อพาข้ามาที่นี่เองรึ ข้าคิดว่าเจ้าจะมีเรื่องเร่งด่วนจะคุยกับข้าเสียอีก”

“เมื่อครู่สิ่งที่ข้าจะบอกก็คือเรื่องเร่งด่วนอันนั้นนั่นแหละ!” เหยียนหลิงจวินเอ่ยขึ้นพลางทำสีหน้าตามน้ำไปกับนาง

“เรื่องอะไรล่ะ? เมื่อวานเจ้าไปพบฉู่หลิงอวิ้นมารึ?” ฉู่สวินหยางถาม

ตอนนี้นางไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรือแล่นมาถึงกลางแม่น้ำแล้วหรือเปล่า แต่ยังคงได้ยินเสียงดนตรีระคนเสียงผู้คนหัวเราะค่อยๆ ดังขึ้นแล้วเงียบหายไปเป็นบางช่วง คิดว่าน่าจะแล่นสวนทางกับเรือลำอื่นกระมัง

นางกลัวว่าจะมีใครมองเห็นเข้า จึงไม่กล้าขยับตัวซี้ซั้ว จึงนอนหงายอยู่ตรงนั้น อาบแสงจันทร์ไปอย่างใจลอย

“บังเอิญเจอกันตอนที่ไปหาหลัวฮองเฮาตอนนั้นน่ะ” เหยียนหลิงจวินไม่ได้ปิดบังนาง พูดถึงนางคนนั้นทีไรเขาเองก็รู้สึกหงุดหงิดเหมือนกัน

“อย่างไรนะ?” ทว่าฉู่สวินหยางกลับรู้สึกดีใจขึ้นเล็กน้อย หัวเราะแล้วยันตัวให้ลุกขึ้นมา จ้องมองใบหน้าของเขา พูดเยาะเย้ยแกล้งเขาว่า “ครั้งนี้นางสารภาพความในใจกับเจ้าอย่างเปิดเผยเลยรึ?”

นางลุกขึ้นนั่ง แต่เหยียนหลิงจวินกลับเอนตัวนอนลง เขายังคงยิ้มมุมปากมองหน้านางไม่หยุด

ไม่แสดงท่าทีเห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกมา เพียงแค่ยื่นมือออกไปลูบผมของนาง แล้วพูดว่า “เรื่องแบบนี้น่ารำคาญชะมัด เรามาทำแบบที่พูดเมื่อครู่กันเถอะ มาคิดหาวิธีตัดขาดแก้ปัญหานี้อย่างถาวรกัน รีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียดีกว่า?”

ฉู่สวินหยางรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีทางทำดีกับฉู่หลิงอวิ้นหรอก แต่ท่าทีคลุมเครือของเขาแบบนี้มันก็ยังทำให้นางไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกอยู่ดี สีหน้าของนางมืดคล้ำลง พูดเสียงกระเง้ากระงอดว่า “ฆ่านางทิ้งงั้นเหรอ? ฉู่ฉีเหยียนอาจจะทนได้นะ แต่คู่สามีภรรยาแห่งจวนอ๋องหนานเหอก็ไม่แน่ ถึงเวลานั้นไม่ยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่งั้นเหรอ? ในเมื่อตัวเจ้าเองก็ไม่ได้เกลียดนาง ก็ทนไปทั้งอย่างนั้นแหละ ข้าว่านางคงหมดใจกับเจ้าไปเอง เจ้าคอยดูแลอยู่เคียงข้างแบบนี้ ข้าคงเป็นคนที่พอมีประโยชน์สำหรับเจ้าอยู่สินะ”

ปกติแล้วนางไม่มีทางพูดหึงหวงเช่นนี้แน่

“เฮ้อ…” เหยียนหลิงจวินหัวเราะพลางส่ายหัวขึ้นอย่างไม่เข้าใจ เขาใช้ฝ่ามือรองศีรษะของนางเอาไว้ บดคลึงริมฝีปากของนาง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ถึงแม้เจ้าจะยอม แต่ถ้าข้าไม่เอาด้วยล่ะ สู้ทำแบบนี้ดีกว่า…เจ้าร่วมมือกับข้า จัดการเรื่องนี้ให้มันเสร็จในครั้งเดียวไปเลยดีหรือไม่?”

“อะไร?” ฉู่สวินหยางเอนกายพิงไปบนตัวเขา ถามขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อย

เหยียนหลิงจวินพลิกตัวขึ้น วางตัวนางลงบนพรมขนแกะ

ฉู่สวินหยางเอื้อมมือโอบคอของเขาไว้ กะพริบตา แล้วมองเขาอย่างสบายใจ

“ขนาดน้องสี่ของเจ้า นางยังหมั้นแล้วเลยนะ!” เหยียนหลิงจวินพูดขึ้น อ้าปากทำท่าจะกัดจมูกของนาง

“แล้วมันอย่างไรเล่า?” ฉู่สวินหยางเบนหน้าหนี ทำให้ริมฝีปากของเขาประทับลงที่ขมับของนางเข้าอย่างจัง เขาจึงค่อยๆ เขยิบเขยื้อนไปเรื่อยๆ ไม่รู้เมื่อไรก็เขยิบจนมาถึงริมฝีปากของนาง จึงประกบเข้ากับกลีบปากอันนุ่มนวลของนาง

——————————–

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท