สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 9.3

ตอนที่ 9.3

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 9 เดิมพันชีวิต (3)
บทที่ 9 เดิมพันชีวิต (3)
โดย
Ink Stone_Romance
เขาเป็นบัณฑิตที่เคร่งครัดคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นคนที่นายใหญ่สกุลเหยาอบรมสั่งสอนมากับมือ ปกตินั้นก็ปฏิบัติตนตามระเบียบแบบแผนมาโดยตลอด ถึงแม้จะออกไปสมาคมข้างนอก แต่ส่วนมากก็เป็นมิตรสหายที่มีนิสัยคล้ายคลึงกัน เมื่อวานจึงถือโอกาสที่เป็นเทศกาลสารทจีนไปชื่นชมทัศนียภาพริมแม่น้ำฮู่สุยกับสหาย ต่อมาก็พบกับกลุ่มของเจิ้งเหวินคังที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เขายากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญจึงขึ้นไปบนเรือ ทั้งยังดื่มไปสองแก้ว ใครจะคาดคิดว่าตกสู่หลุมพรางผู้อื่นเข้าแล้ว

“เจ้าเด็กคนนี้เรียนจนโง่เสียแล้ว อยู่สถานศึกษาฮั่นหลินก็ตั้งสองปี ความรู้สติปัญญาน่ะหรือก็เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน ไฉนกลับไม่พัฒนาความคิด!” ฮูหยินแซ่เหยาด่าอย่างเจ็บใจที่อบรมลูกได้ไม่ดีพอ

นายใหญ่สกุลเหยานั้นเป็นคนไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ลูกหลานตัวเองไม่กี่คนถึงแม้ล้วนแต่รับราชการ ทว่าส่วนมากก็มักจะทำงานสบายที่ได้เบี้ยหวัดเยอะๆ ดังนั้นสกุลเหยาแม้ว่าจะมีเกียรติ แต่เมื่อมาคิดดูดีๆ ก็กลับดูเหมือนสกุลธรรมดาทั่วไปอยู่บ้าง

เหยาจิ่นเซวียนเผยสีหน้าละอายใจ เมื่อถูกแม่ตัวเองสั่งสอน ในใจก็รู้สึกเสียใจยิ่งกว่าเดิม

เขากับฉู่เยว่หนิงเป็นเพียงมิตรภาพที่ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยทั้งนั้น แท้ที่จริงตั้งแต่เด็ก ฮูหยินเหยาก็เคยบอกกับเขาก่อนแล้วว่าในอนาคต ทั้งสองคนจะต้องแต่งงานกัน เพราะรู้ว่าจะมาเป็นฮูหยินของเขาในภายภาคหน้า ดังนั้นตั้งแต่เด็กจนโตเขาก็เอาใจใส่นางเป็นพิเศษ ฉู่เยว่หนิงเป็นหญิงสาวที่น่าเอ็นดูและเฉลียวฉลาด แม้ชายหญิงจะนิสัยแตกต่าง โอกาสที่ทั้งสองคนพบเจอกันก็มีไม่มาก ทว่าในใจของเขานั้นกลับมีภรรยาตัวน้อยคนนี้อยู่ตั้งนานแล้ว เวลานี้วันแต่งงานก็ล้วนกำหนดไว้แล้ว ทว่ากลับเกือบทำเรื่องเลวร้ายลงไป เขาไม่มีหน้าจะไปอธิบายกับฉู่เยว่หนิงอีกแล้ว

“อาหญิง…” ในใจที่ยุ่งเหยิงนั้นลังเลไปชั่วครู่ จิ่นเซวียนกัดฟันฝืนใจกล่าวกับฮูหยินใหญ่ “หนิงเอ๋อร์นาง…เป็นอย่างไรบ้างหรือขอรับ?”

เขากล่าวอย่างระมัดระวัง ทั้งยังแฝงด้วยความเคร่งเครียดอยู่บ้าง

ฮูหยินใหญ่ที่เห็นสีหน้ากดดันของเขา ใจที่กักเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้อยู่สามส่วนก็สลายไปทันที

“ได้ยินว่าปู่ของเจ้าก็ลงโทษตามกฎของสกุลแล้ว บทเรียนครั้งนี้ขอให้เจ้าจำไว้ให้ดี อย่าคุกเข่าอีกเลย ยืนขึ้นเถิด!”

ฮูหยินใหญ่กล่าวพลางถอนหายใจ

เหยาจิ่นเซวียนจัดแจงชุดคลุมก่อนจะลุกขึ้นยืน

ฮูหยินแซ่เหยานั้นยังคงมีความตึงเครียดอยู่บ้าง จิบชาก่อนจะกล่าวขึ้น “น้องหญิง เมื่อครู่พี่ได้พบองค์รัชทายาท กับเรื่องนี้เขาได้พูดอะไร…”

“เรื่องผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้แล้วไปเถิด ถ้าจะให้พูดก็เป็นเพียงแค่เรื่องน่าตกใจที่ไม่ได้เป็นเหตุร้ายอันใดก็เท่านั้นเอง” ฮูหยินใหญ่กล่าว “จิ่นเซวียนเป็นหลานของพวกเรา เพียงแค่จากนี้ไปเขาจะดูแลเอาใจใส่หนิงเอ๋อร์ ข้าก็พร้อมที่จะให้อภัย”

ฮูหยินเหยาเมื่อได้ฟังเช่นนี้จึงค่อยวางใจ

เหยาจิ่นเซวียนตอนบ่ายยังต้องกลับไปทำงานที่สถานศึกษาฮั่นหลิน จึงจำต้องกล่าวลาล่วงหน้าไปก่อน ทิ้งให้ฮูหยินแซ่เหยาและฮูหยินใหญ่ปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน จวบจนใกล้เวลาอาหารเย็นจึงค่อยลุกขึ้นบอกลาแยกย้ายกันไป

เมื่อส่งฮูหยินแซ่เหยาไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าฮูหยินใหญ่ก็เจื่อนลงเล็กน้อย

หรูโม่เดินเข้ามานวดขมับให้นางก่อนกล่าว “ท่านหญิงยังคงคิดถึงเรื่องเมื่อวานอยู่หรือเจ้าคะ?”

ฮูหยินใหญ่ยิ้มราบเรียบ ไม่ได้พูดอันใดออกมา

ฉู่เยว่หนิงเป็นลูกสาวสุดที่รักของฮูหยินใหญ่ มีคนวางแผนโยนเรื่องให้นาง ฮูหยินใหญ่จะไม่ยอมรามือกับเรื่องนี้อย่างง่ายๆ แน่นอน

หรูโม่รู้ดีว่าในใจนางคิดสิ่งใดจึงถอนหายใจพลางกล่าว “จะว่าไปแล้วท่านหญิงใหญ่ก็เลอะเลือนเหลือเกิน ไม่มีสกุลเหลยคอยหนุนหลัง ยังลงมือกับสกุลพี่น้องอย่างไม่รู้จักพอดี ไม่รู้จักหนักเบาเกินไปแล้ว”

คนแซ่เหลยนั้นตายด้วยน้ำมือของฉู่ฉีฮุย เขาจึงถูกถอดยศหมดอำนาจ สกุลเหลยก็แล่นเรือไปตามลม ตัดขาดฉู่ฉีฮุยที่มีโทษฆ่าแม่ตัวเองอย่างทันที อีกทั้งยังพยายามยกเลิกงานแต่งของฉู่เยว่เหยียนและเหลยซวี่อยู่ฝ่ายเดียว

ถ้าพูดตามเหตุผล เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นเพราะการหาเรื่องใส่ตัวของสองแม่ลูกแซ่เหลย ก็ไม่รู้ว่าฉู่เยว่เหยียนคิดอย่างไร จึงได้ระบายความโกรธเรื่องนี้กับวังบูรพาอย่างเปิดเผย

พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของฮูหยินใหญ่ก็ประกายความเยียบเย็น กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ในเมื่อนางไม่อยากได้สกุลนี้แล้ว ข้าก็จะฝืนใจเป็นคนดี ช่วยนางตัดขาดความสัมพันธ์ให้ถึงที่สุดเอง!”

สองแม่ลูกแซ่เหลยชอบมักใหญ่ใฝ่สูง แต่ไหนแต่ไรนางก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับพวกเขา ครั้งนี้ผู้อื่นกลับเหยียบจมูกขึ้นหน้าไม่ให้เกียรตินาง หากนางยังถอยอีกก้าว นั่นก็ปล่อยให้ตนเองเสียเปรียบเกินไปแล้ว

ในขณะที่ฮูหยินใหญ่พูดก็โบกมือให้หรูโม่ ก่อนจะกระซิบที่หูนางสองประโยค

หรูโม่ฟังอย่างถี่ถ้วน จากนั้นจึงพยักหน้าตอบรับอย่างจริงจัง

เรือนจิ่นฮว่า

ฉู่สวินหยางไม่ได้ออกไปไหนทั้งวันเพราะคลุกตัวอยู่แต่ในห้องเย็บปักถักร้อยอย่างตั้งอกตั้งใจ

กี่เดือนแล้ว ลายปักดอกไม้ที่นางเย็บแล้วเย็บอีก จนมาถึงวันนี้ก็ยังดูไม่ออกว่าเย็บเป็นสิ่งใดกันแน่

ชิงหลัวเผยสีหน้าไร้อารมณ์มองดูนางปักเย็บอย่างช้าๆ ราวกับว่านางนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย เมื่อเห็นฉู่สวินหยางทำท่าทีเก้ๆ กังๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นจึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ “ท่านหญิง เรื่องนั้นท่านก็ปล่อยไปเช่นนี้ไม่สนใจแล้วหรือเจ้าคะ? มอบอำนาจให้ฮูหยินใหญ่จัดการเพียงผู้เดียว?”

จากการตรวจสอบของเจี่ยวลิ่ว เรื่องเกิดขึ้นเป็นเพราะฉู่เยว่เหยาปลุกปั่นให้เจิ้งเหวินคังทำลายงานแต่งของฉู่เยว่หนิง เพื่อต้องการที่จะสร้างความลำบากให้แก่วังบูรพา

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นทำเรื่องเลอะเลือนเช่นนี้ ก็เพราะเรื่องของชายารองเหลยและฉู่ฉีฮุย จึงมองวังบูรพาที่วางแผนใส่ร้ายแม่และพี่ชายเป็นดั่งศัตรู

“ไม่ใช่ว่าเจ้าอธิบายเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้ฮูหยินใหญ่เข้าใจไปแล้วหรอกหรือ?” ฉู่สวินหยางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “หลังจากนั้นก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว ให้นางคิดไปทำไป ไม่ใช่สักแต่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนแต่ให้ข้าแก้ไข ข้ามีเวลาว่างขนาดนั้นที่ไหนกัน”

ในขณะที่นายบ่าวคุยกันสองคน ก็พบกับชิงเถิงที่ประกายแววตาดีอกดีใจจับกระโปรงวิ่งเข้ามาจากด้านนอก กล่าวอย่างเจ้าเล่ห์ “ท่านหญิง บ่าวเพิ่งได้ฟังข่าวใหญ่มาเจ้าค่ะ”

“อือ?” ฉู่สวินหยางที่ไม่เคยให้โอกาสนางอุบไว้ เพียงแต่ตอบรับอย่างลวกๆ

“มีคนบอกว่าการตายของจางอวิ๋นเจี่ยนเกี่ยวข้องกับท่านหญิงอันเล่อเจ้าค่ะ” ชิงเถิงยื่นปาก ความเบิกบานใจไม่ได้ลดน้อยลงเลย “เวลานี้หัวถนนท้ายถนนต่างก็เล่าลือกันทุกหนทุกแห่ง พูดกันอย่างไม่ขาดปาก คนสกุลจางได้ยินข่าวลือก็ร้อนรนใจ รีบปิดจวน ใช้เครื่องมือลงทัณฑ์ไต่สวนบ่าวในเรือนของท่านหญิงอันเล่อและจางอวิ๋นเจี่ยนทีละคน ไม่ทราบเหมือนกันว่าข่าวลือนั้นเป็นจริงหรือไม่ แต่ฮูหยินสกุลจางนั้นดูแลประคบประหงมจางอวิ๋นเจี่ยนดุจแก้วตาดวงใจ หากถูกสกุลจางค้นหาหลักฐานมาได้ เรื่องนี้ก็คงถึงฝ่าบาทเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าอย่างไรก็ต้องมีคำอธิบายที่เป็นเรื่องเป็นราวให้กับฝ่าบาท”

“อะไรคือไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือไม่?” ฉู่สวินหยางเมื่อฟังจบก็แย้มยิ้มออกมา วางมือจากการเย็บปัก เลื่อนไปเด็ดดอกไม้จากกระถางด้านข้างขึ้นมาเล่น “เป็นฉู่หลิงอวิ้นนั่นแหละที่ลงมือฆ่าจางอวิ๋นเจี่ยน”

“หา?” ชิงเถิงอ้าปากค้าง เห็นได้ชัดว่าไม่คาดคิดกับคำตอบแบบนี้จึงอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางออกไป

ฉู่หลิงอวิ้นเป็นคนที่มั่นคงและแน่วแน่ หากได้วางแผนอะไรแล้ว ก็ยากที่ผลลัพธ์จะเปลี่ยนแปลง

ชาติที่แล้วนางมีเหยียนหลิงจวิน ชีวิตที่ผ่านไปแต่ละวันล้วนสุขกายสบายใจ ไม่มีสักวันที่ใบหน้าจะไม่แฝงด้วยความหวานซึ้ง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคชะตากำหนดไว้หรือไม่ ชาตินี้ถึงแม้จะถูกตัวเองสอดมือทำลายโอกาสที่จะพบรักกับเขาถึงสองครั้ง แต่ก็ยังทำให้นางชอบพอกับเหยียนหลิงจวินได้อีกครั้ง

การคะนึงหาอย่างห้ามไม่อยู่เช่นนี้ สำหรับนางแล้วไม่สามารถจะทนรับได้

และนางยังต้องแต่งเข้ากับสกุลที่ร่ำรวย

ตั้งแต่เริ่มฉู่สวินหยางก็เดาออกแล้วว่าทิศทางของเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่ตกใจแม้แต่น้อย

ใครใช้ให้จางอวิ๋นเจี่ยนกล้าวางแผนกับนางเล่า สมควรที่ตายแล้ว

คำพูดพวกนี้ นางไม่ได้อธิบายให้กับสาวใช้สองคนนั้นฟัง แต่อย่างไรก็ตามในใจของชิงเถิงกลับมีความรู้สึกศรัทธาบางอย่างในตัวของท่านหญิงคนนี้ ถึงแม้นางจะไม่พูดถึงเหตุผล สำหรับชิงเถิงแล้ว คำพูดของฉู่สวินหยางล้วนแต่น่าเชื่อถือ

ทุกคำที่พูดออกมาไม่มีแม้แต่คำโกหก เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็ลอบถอนหายใจออกมา

“ทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมาผู้ที่ปกครองแต่ละราชวงศ์ล้วนแต่ยึดความกตัญญูเป็นหลัก ลูกฆ่าพ่อ ภรรยาฆ่าสามี คนเหล่านี้เป็นคนอกตัญญูที่มีโทษมหันต์ หากสกุลจางเอาเรื่องขึ้นมา ฝ่าบาทก็ไม่อาจจะละเลยได้ ท่านหญิงอันเล่อนั้นมีชื่อเสียงด้านความฉลาดและงดงาม เหตุใดนางจึงคิดไม่ถึงจุดนี้ กลับคิดตื้นๆ แล้วทำเรื่องเช่นนี้ออกมา?” ชิงหลัวนั้นเมื่อเทียบกับชิงเถานับว่ายังมองเรื่องราวได้ยาวไกลมากกว่า

“นางคิดไม่ได้ตรงไหน เห็นได้ชัดว่านางยังคิดการณ์ไกลได้กว่านี้เสียอีก” ฉู่สวินหยางแย้มยิ้ม มุมปากโค้งขึ้นแฝงความเสียดสี ดวงตาทั้งสองข้างของนางดำดิ่งลึก สะท้อนกับแสงแดดที่ส่องเข้ามาจากหน้าต่าง เกิดเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ทำให้คนไม่กล้าสบสายตาที่เย็นยะเยือกนั้น “สกุลจางเดิมทีก็ถูกจัดไว้ในตำแหน่งที่น่าอึดอัด อีกทั้งไม่กี่ปีมานี้ยังตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าฝ่าบาทจะดูเหมือนให้เกียรติพวกเขา ทว่าความเป็นจริง กลับไม่สนใจอะไรพวกเขาทั้งนั้น ครั้งนี้ถ้าพวกเขาไม่โวยวายเก็บเรื่องนี้เงียบก็แล้วไป แต่หากจะเอาเรื่องขึ้นมาจริงๆ…”

ขณะที่ฉู่สวินหยางพูด ก็หรี่ตาลงทันที ท่าทางเช่นนั้นคล้ายกับสุนัขจิ้งจอกที่ขี้เซาตัวหนึ่ง

————————————

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท