สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 8.3

ตอนที่ 8.3

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 8 เขาต้องตาย (3)
บทที่ 8 เขาต้องตาย (3)
โดย
Ink Stone_Romance
จื่อซวี่เดินเข้ามาจากด้านหลังและขวางทางนางไว้พอดี พลางเอ่ยหน้าเศร้าว่า “ฮูหยิน อย่างไรก็รีบหาคนมาช่วยพาตัวคุณชายขึ้นมาเถอะเจ้าค่ะ คนตาย…”

“นางชั่ว!” ฮูหยินจางตบหน้านางไปหนึ่งที แล้วเอ่ยด้วยเสียงและสีหน้าเคร่งเครียดว่า “เจ้ากล้าสาปแช่งลูกชายข้า ข้าจะตบปากเจ้า!”

บนหน้าจื่อซวี่เป็นรอยฝ่ามืออย่างชัดเจน เห็นนางท่าทางโมโหร้ายดูน่ากลัว แต่ก็ยังกัดฟันเอ่ย “ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อครู่ ซื่อจื่อก็เดินผ่านจากด้านนอกเข้ามาเห็นพอดี แต่ดึงตัวคุณชายขึ้นมาไม่ทัน ต่อให้ข้ากล้ามากแค่ไหนก็ไม่กล้าพูดจามั่วซั่วตามใจชอบหรอกเจ้าค่ะ”

ฮูหยินจางอึ้งไป แล้วค่อยๆ หันไปมองลูกชายคนโตที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าตกใจทีละนิด

จางอวิ๋นอี้ใจสั่นระรัว แต่เวลานี้เขาขี่หลังเสือแล้วลงยาก…

ฉู่หลิงอวิ้นผลักจางอวิ๋นเจี่ยนตกน้ำต่อหน้าเขา ก็เพื่อให้เขาเป็นพยานให้นาง ตอนนี้เขาถึงเพิ่งเข้าใจทุกอย่างว่าทำไมเมื่อคืนนางถึงได้ทำเรื่องแบบนั้นกับเขา

นี่…

เป็นกับดักอย่างแน่นอน

จางอวิ๋นอี้มองใบหน้าของหญิงสาวที่ยังงดงามเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรกตรงหน้า ในใจกลับรู้สึกเย็นวาบไปชั่วครู่ แล้วถึงพยักหน้าว่า “ขอรับ…”

หากเขาไม่ยอมรับ เขาแน่ใจว่าต่อไปฉู่หลิงอวิ้นต้องเผยเรื่องเมื่อคืนออกมาและลากเขาเข้าไปพัวพันด้วยอีกแน่ ว่าร่วมมือกับคนร้ายวางแผนฆ่าน้องชายเพื่อแย่งน้องสะใภ้มาเป็นของตนเอง ถึงตอนนั้นเขาก็หมดทางแก้ตัว

พอถึงเวลานั้นเขาคงปกป้องตำแหน่งซื่อจื่อไว้ไม่ได้ และไม่แน่ว่ากระทั่งชีวิตก็ยากที่จะรักษาเอาไว้ได้ ชื่อเสียงจวนติ้งเป่ยโหวก็จะเสื่อมเสียไปด้วย ผลร้ายที่จะตามมานั้น…

เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด

“ท่านแม่ ข้าผิดเองขอรับ ข้าดึงตัวน้องรองขึ้นมาไม่ทัน!” คิดมาถึงตรงนี้ จางอวิ๋นอี้ก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขารีบหันไปเอ่ยกับคนใช้ที่รายล้อมอยู่เต็มเรือนทั้งน้ำตาว่า “มัวอึ้งทำอะไรกันอยู่? ยังไม่ช่วยคนอีก?”

ที่บอกว่าช่วยคนในเวลานี้ ที่จริงแล้วก็เพียงแค่งมศพขึ้นมาเท่านั้น

“ลูกข้า…” ฮูหยินจางได้ยินก็หลอกตนเองไม่ได้อีกต่อไปในที่สุด ร่างกายโงนเงนจวนจะล้ม นางกรีดร้องเสียงเศร้าจะถลาเข้าไปริมสระน้ำ แต่ขยับได้เพียงก้าวเดียวก็หกล้มหงายหลังไปต่อหน้าต่อตา

“เร็ว รีบพยุงท่านแม่เข้าไปเร็วเข้า!” ฉู่หลิงอวิ้นเอ่ยอย่างรีบร้อน

เหมือนเกิดความโกลาหลไปทั้งเรือน เหล่ายามรักษาการณ์คิดหาวิธีงมศพของจางอวิ๋นเจี่ยนขึ้นมาจากน้ำ พวกบ่าวรับใช้ก็ช่วยกันประคองฮูหยินจางเข้าไปในห้องอุ่น

ตอนที่จางอวิ๋นอี้ออกมาจากห้องนั้นยังมีข้าวของวางระเกะระกะไปทั่ว แต่เวลานี้ที่ทุกคนเข้าไปอีกครั้งกลับถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว ไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิง

จางอวิ๋นอี้รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเป็นอย่างมาก แต่กลับพูดอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงฝืนใจอดกลั้นเอาไว้

สาวใช้ประจำตัวฮูหยินจางรีบไปเชิญหมอในจวนมาอย่างรวดเร็ว หมอตรวจชีพจรให้ฮูหยินจาง บอกแค่ว่ามีเรื่องกระทบจิตใจถึงได้เป็นลมล้มพับไป เพียงชั่วครู่ก็ฟื้นคืนสติกลับมา

“ลูกชายข้า…ลูก…” ฮูหยินจางที่เพิ่งฟื้นขึ้นมากลับนอนร้องไห้อยู่บนเตียงปานจะขาดใจตาย

จางอวิ๋นอี้ยืนมองอย่างกระวนกระวายอยู่ข้างๆ อยากจะปลอบใจ แต่ก็กลัวโดนจับได้จนพูดไม่ออก

บรรยากาศแห่งความทุกข์ เศร้าสลด และอ้างว้างปกคลุมทั่วทั้งห้อง

ไม่นานนักจางติ่งโหวติ้งเป่ยที่เตรียมตัวพร้อมไปเข้าเฝ้าแล้วก็รีบเข้ามาเช่นกัน

ถึงแม้จางอวิ๋นเจี่ยนจะไม่ได้เรื่องได้ราว แต่เขาก็มีกันแค่สองคนพี่น้อง สีหน้าเขาย่ำแย่มาก ทันใดนั้นก็ตีหน้าเคร่งขรึมด่าทุกคนที่อยู่ในห้องรวมทั้งฉู่หลิงอวิ้นอย่างสาดเสียเทเสียทันที แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หอบหายใจไม่หยุด

คนนอกเรือนส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย ใช้เวลาหนึ่งชั่วยามกว่าๆ ถึงจะงมศพของจางอวิ๋นเจี่ยนขึ้นมาจากน้ำเย็นยะเยือกได้

ฮูหยินจางลุกขึ้นวิ่งไปที่ประตูอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

“เป็นอย่างไรบ้าง?” พอเห็นลูกชายนอนหน้าขาวซีดและแข็งทื่อไปทั้งตัวอยู่ตรงนั้น ฮูหยินจางก็หน้าซีดเผือดล้มลงไปบนพื้นทันที นางโอบจางอวิ๋นเจี่ยนที่เนื้อตัวเย็นเฉียบไปทั้งตัวร้องไห้โหยหวน “ลูกข้า…เจ้าเป็นอะไรไป? เจ้าอย่าทำให้แม่ตกใจสิ ฟื้นขึ้นมา…ลูก…ฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”

เสียงร่ำไห้ด้วยความเสียใจดังอย่างต่อเนื่อง

จางอวิ๋นอี้เพียงแต่รู้สึกว่าเสียงนี้ทรมานตนเองจนคล้ายจะประสาทเสีย จึงเดินไปโอบบ่านางและปลอบใจว่า “ท่านแม่ นี่เป็นโชคชะตา ท่าน…”

“โชคชะตาอะไรกัน? เขาเป็นน้องชายเจ้านะ!” ฮูหยินจางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ลืมร้องไห้ไปชั่วขณะ และผลักเขาออกไป

แล้วนางก็หันไปมองฉู่หลิงอวิ้น และด่าทออย่างเดือดดาลจนน้ำลายกระเซ็นว่า “นางผู้หญิงสารเลว ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า ถ้าไม่เพราะดวงซวยของเจ้าทำร้ายเจี่ยนเอ๋อร์ ไม่งั้นเขาจะ…ไม่งั้นจะ…”

นางพูดไปก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมาอีก

จางอวิ๋นอี้กับจางอวิ๋นเจี่ยนสองพี่น้องถือว่าผูกพันกันไม่น้อย ในเมื่อจางอวิ๋นอี้บอกเองว่าจางอวิ๋นเจี่ยนก้าวพลาดตกน้ำไป แน่นอนว่าฮูหยินจางก็ไม่ได้สงสัยสาเหตุการตายของลูกชาย แต่นางกลับยังพาลโกรธฉู่หลิงอวิ้นด้วยเรื่องนี้

หากไม่เพราะตอนนั้นนางผู้หญิงชั่วนี่ยั่วยวนลูกชาย จนลูกชายถูกซูหลินทำร้ายถึงขั้นพิการ ถ้าลูกชายยังเป็นคนปกติล่ะก็ จะก้าวพลาดจนจมน้ำตายแบบนี้ได้อย่างไร?

ดังนั้นต้นตอของเรื่องชั่วทั้งหมดนี่ก็คือผู้หญิงคนนี้!

นางผู้หญิงสารเลวนี่!

ยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกเคียดแค้น จึงเช็ดน้ำตาทันที นัยน์ตาทอประกายกร้าวมองฉู่หลิงอวิ้นอีกรอบว่า “เจ้าไสหัวไปซะ อย่าให้ข้าเห็นเจ้าอีก ตระกูลจางของข้าไม่มีสะใภ้ไร้ยางอายเช่นเจ้า เจ้าไปให้พ้นหน้าข้าซะ ต่อไปนี้ไม่ว่าเจ้าจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวกับคนตระกูลจางทั้งนั้น”

จางอวิ๋นอี้ตื่นตกใจ

ฉู่หลิงอวิ้นที่อยู่ข้างๆ เผยสีหน้าโกรธจัดและทำอะไรไม่ถูก นางชะงักไปชั่วครู่ แล้วขมวดคิ้วมองจางติ่ง

“ท่านโหว[1] ข้าก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้กับคุณชายเหมือนกัน ท่านคงไม่โทษว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเหมือนกันใช่หรือไม่?”

จางติ่งมีท่าทีเฉยชาต่อสะใภ้อย่างฉู่หลิงอวิ้นที่สุด ตอนแรกฮูหยินจางเอาแต่พร่ำบอกว่าลูกชายถูกทำร้ายเพราะ

ฉู่หลิงอวิ้น อย่างไรก็ต้องให้นางแต่งงานเพื่อมาดูแลลูกชายต่อหลังจากนี้

แต่ตอนนี้ลูกชายตายไปแล้ว และยังฐานะนั้นของฉู่หลิงอวิ้นอีก…

ยังจะเลี้ยงดูนางให้อยู่ในบ้านต่อหรือ?

จางติ่งตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เพียงแค่เขาขยับสายตา จางอวิ๋นอี้ก็รู้ความคิดของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง จึงรีบเอ่ยว่า “ท่านพ่อ เพิ่งจะเกิดเรื่องกับน้องรองขึ้น ศพยังไม่แข็งด้วยซ้ำ อย่างไรรอให้เรื่องนี้ผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้วค่อยจัดการก็ยังไม่สาย”

เวลานี้สำหรับคนตระกูลจางคนอื่นแล้ว ฉู่หลิงอวิ้นเป็นเหมือนพระพุทธรูปที่ต้องรีบขนออกไปจากบ้าน แต่คำพูดของจางอวิ๋นอี้ก็มีเหตุผลเหมือนกัน จางติ่งลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วก็พยักหน้า เขาถอนใจด้วยความเศร้า แล้วออกไปสั่งให้คนใช้แจ้งข่าวเตรียมจัดงานศพ

ฮูหยินจางสั่งให้คนย้ายศพจางอวิ๋นเจี่ยนออกไปทั้งน้ำตา

เพียงครู่เดียว คนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ออกไปจากเรือนนี้หมด เหลือแค่คนที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองฝ่ายอย่างฉู่หลิงอวิ้นและจางอวิ๋นอี้

“เจ้าวางแผนร้ายเอาไว้ก่อนแล้วใช่หรือไม่?” เวลานี้จางอวิ๋นอี้อารมณ์เย็นลงแล้วไม่น้อย เส้นเลือดปูดโปนเต็มหน้าผาก แทบจะตวาดเสียงดังอย่างโกรธจัด

“ถ้าใช่แล้วอย่างไร? ถ้าไม่ใช่แล้วอย่างไร?” ฉู่หลิงอวิ้นย้อนถาม พลางมองเขาอย่างไม่แยแส

“เจ้า…” จางอวิ๋นอี้เห็นท่าทางของนางแล้วก็พูดอะไรไม่ออก เขายิ่งไม่กล้าโต้เถียงเสียงดังอยู่ด้วย เพราะเกรงว่าคนอื่นจะได้ยินเข้า เดินไปเดินมาไม่กี่ก้าว ท้ายที่สุดก็ยังหันหน้าแดงก่ำกลับไปชี้หน้าฉู่หลิงอวิ้น เขาก้มหน้าลงตวาดถามว่า “เจ้าไม่กลัวเรื่องหลุดออกไปหรือ…”

“เช่นนั้นจึงต้องรบกวนให้ซื่อจื่อช่วยรับผิดชอบเรื่องนี้แทนข้ามากหน่อยอย่างไรเล่า!” ฉู่หลิงอวิ้นเอ่ย แล้วกลับไปนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ “มีเจ้าเป็นพยาน ก็ไม่มีใครสงสัย พวกเราก็ควรดีใจด้วยกันไม่ใช่หรือ?”

จางอวิ๋นอี้ถูกนางดักทางได้อีกรอบ แก้มเขาสั่นอยู่ไม่กี่ครั้ง สุดท้ายก็จนด้วยคำพูดจนได้

ในที่สุดพอสงบสติอารมณ์ได้ เขาก็นั่งลงรินชาให้ตนเองเกินครึ่งถ้วยเหมือนกัน แล้วถอนหายใจอย่างหมดอาลัยตายอยากว่า “อันที่จริงแบบนี้…สำหรับอวิ๋นเจี่ยนแล้วก็ถือว่าพ้นทุกข์ไปเสียที”

ฉู่หลิงอวิ้นหัวเราะเยาะในใจ และไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ

จางอวิ๋นอี้ตั้งสติอย่างรวดเร็ว จนท้ายที่สุดก็ปรับอารมณ์ให้สงบนิ่งและหันไปมองนาง แล้วลองเอ่ยว่า “ท่านหญิง ท่านแม่ทำไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น คำพูดเมื่อครู่เจ้าอย่าได้เก็บใส่ใจ ข้าจะกลับไปเตือนนาง…”

เขาเอ่ยพลางยื่นมือไปจะจับมือของฉู่หลิงอวิ้น

ฉู่หลิงอวิ้นขมวดคิ้วและหลบอย่างเย็นชา

จางอวิ๋นเจี่ยนเห็นนัยน์ตาของนางฉายแววรังเกียจ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในชั่วพริบตา

ฉู่หลิงอวิ้นที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยิ้มเย็นยะเยือกว่า “เจ้าก็ไม่ถึงกับโง่นัก มาถึงขั้นนี้แล้ว จะหลอกตนเองไปทำไม? พวกเราพูดกันตรงๆ เลยไม่ดีกว่าหรือ? เจ้าคิดว่าข้าก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไปเพื่ออะไร? จางอวิ๋นอี้ เจ้าก็คงรู้อยู่แก่ใจใช่หรือไม่?”

จางอวิ๋นอี้ถูกนางยั่วยุจนหน้าเปลี่ยนสีเดี๋ยวดำเดี๋ยวขาวไม่หยุด เขาจ้องนางเขม็ง นานทีเดียวกว่าจะส่งเสียงลอดไรฟันออกมาไม่กี่คำ “เจ้าคิดว่าสำเร็จแล้วจะถีบหัวส่งข้างั้นหรือ? เจ้าไม่กลัวข้าเปิดโปงเรื่องออกไปรึ?”

หญิงสาวที่หน้าตางดงามเพียงนี้อย่างฉู่หลิงอวิ้น ในเมื่อเขารับผิดชอบเรื่องที่วางแผนทำร้ายน้องชายของตนเองแทนนางแล้ว จะใจกว้างขนาดปล่อยนางไปอีกรึ? ถึงแม้ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่จะโดนข่มขู่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยแอบมีใจให้…

พอจางอวิ๋นเจี่ยนตาย ชาตินี้ฉู่หลิงอวิ้นก็ต้องหวังพึ่งเขาแล้วไม่ใช่หรือ?

แต่นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะคิดแผนแบบนี้ออกมาได้

“เปิดโปงอะไร?” ฉู่หลิงอวิ้นไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดคุกคามของเขาแม้แต่น้อย ทั้งยังยิ้มเสียด้วย

วางแผนฆ่าสามีตนเอง! หากเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้หลุดออกไป ฉู่หลิงอวิ้นต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่นางกลับไม่กลัวงั้นหรือ?

จางอวิ๋นอี้ไม่แน่ใจว่าที่นางเยือกเย็นถึงขนาดนี้เป็นเพราะเสแสร้งแกล้งทำรึเปล่า จึงเกิดความรู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมา

ฉู่หลิงอวิ้นเหลือบตามองเขา แล้วครุ่นคิดพลางย้อนถามว่า “เมื่อคืนเป็นคืนเดือนมืดที่ไม่มีแสงจันทร์ อีกทั้งยังลมพัดแรง เจ้าแน่ใจว่าคนที่อยู่ในห้องเป็นข้าจริงๆ หรือ?”

จางอวิ๋นอี้อึ้งไป

จื่อซวี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังฉู่หลิงอวิ้นตัวสั่นเทาไปทั้งตัว และรีบเงยหน้ามองนางทันที

————————————————————-

[1] โหว เป็น 1 ใน 6 บรรดาศักดิ์ของขุนนางในราชสำนักจีน อันประกอบไปด้วย อ๋อง กง โหว ป๋อ จื่อ และหนาน โดยโหวมีฐานะเทียบเท่ากับตำแหน่งพระยาของไทย

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท