สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 25.2

ตอนที่ 25.2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 25.2 แผนร้ายลับหลัง ท่านหญิงอันเล่อถูกทำร้าย (2)
บทที่ 25 แผนร้ายลับหลัง ท่านหญิงอันเล่อถูกทำร้าย (2)
โดย
Ink Stone_Romance
เมื่อพวกข้ารับใช้เดินเข้ามากล่าวว่าฮูหยินรองหลัวกับคุณชายสามแห่งจวนหลัวกั๋วกงมาขอเข้าพบ ตอนนั้น ก็ทำให้ชิงเถิงและคนอื่นๆ ตกใจจนหันมองหน้ากันอย่างทำตัวไม่ถูก

ฉู่สวินหยางลืมตามอง ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ร้อนแล้วพูดว่า “เชิญฮูหยินรองหลัวเข้ามาเถิด!”

หลัวเสียงเป็นผู้ชาย ย่อมเข้ามาส่วนในของท้ายเรือนไม่ได้อยู่แล้ว

แน่นอน นางเองก็ไม่มีอารมณ์ไปสนใจคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน

“เจ้าค่ะ ท่านหญิง!”

กล่าวจบข้ารับใช้ที่เข้ามาก็ออกไป ชิงเถิงเบ้ปาก ขมวดคิ้วเมื่อสัมผัสได้ถึงความผิดปกติแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านหญิงเจ้าคะ เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลหลัวแท้ๆ ฮูหยินรองหลัวยังมีอารมณ์มาหาพวกเราแบบนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ? ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มันช่างไม่ชอบมาพากลเอาเสียเลย”

เจี๋ยหงกับเฉี่ยนลวี่เองต่างหันหน้าสบตามองกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

“จะไปสนนางทำไม ไม่ว่านางคิดจะทำอะไร เราแค่รับไว้ให้หมดก็สิ้นเรื่อง” ฉู่สวินหยางหายใจไม่ยี่หระ ยัดสะดึง ลงไปข้างใต้เตียง จากนั้นลุกขึ้นขยับร่างกายไปมา “หาเสื้อผ้ามาให้ข้าเปลี่ยนที เราต้องรับแขกผู้มาเยือนให้เป็นอย่างดีหน่อย!”

ขนาดพวกข้ารับใช้ยังมองออกเลยว่าสองแม่ลูกสกุลหลัวนั้นมีเป้าหมายอื่นแฝงอยู่ คิดแล้วก็น่าสนุกดี แต่นางรู้สึกสงสัยยิ่งนักว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีไหนจัดการตนบ้าง

ฮูหยินรองหลัวมาเยือนวังบูรพาเป็นครั้งแรก นางย่อมรู้สึกตื่นเต้นกังวลอยู่บ้าง นางเดินหน้าตรงไม่หันซ้ายมองขวาตามข้ารับใช้เข้าไปด้านใน จนกระทั่งเจอฉู่สวินหยาง เมื่อเห็นอีกฝ่ายให้การต้อนรับนางเป็นอย่างดีถึงได้สบายใจขึ้น

ที่จริงแล้วฉู่สวินหยางไม่มีเรื่องพูดคุยอะไรกับนางเลยแม้แต่น้อย อีกอย่างฮูหยินรองหลัวถูกหลัวอวี่ก่วนกำชับมาก่อนหน้า ทำให้นางเองก็ไม่กล้าทำอะไรเกินเลยเช่นกัน เพราะฉะนั้นทั้งสองคนเพียงแค่ทักทายกันสองสามประโยคก่อนจะลุกขึ้นขอตัวลากันไป ทิ้งไว้เพียงของกำนัลราคาแพงเอาไว้ บอกว่าให้ฉู่สวินหยางเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณ

ฉู่สวินหยางสั่งให้ชิงเถิงออกไปส่งนางด้วยตนเอง

เมื่อนางออกไปแล้วจึงเปิดกล่องด้านบนสุดขึ้นดู กลับพบเข้ากับปิ่นปักผมสีมรกตที่งดงามที่สุดในตอนนี้

ส่วนกล่องด้านล่างที่เหลือนั้นเป็นผ้าแพรและเครื่องประดับ ดูท่าอีกฝ่ายเองก็ลงทุนไม่น้อย

“ท่านหญิงเจ้าคะ พวกสกุลหลัวคิดจะทำอะไรกันแน่?” เจี๋ยหงมองสิ่งของตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา

“ช่างพวกเขาเถอะ!” ฉู่สวินหยางเบ้ปาก โยนกล่องนั้นทิ้งแล้วผลักกล่องพวกนั้นออกไป “เจ้าเอาไปแบ่งให้น้องรองกับน้องสี่ ของพวกนี้ข้าไม่ได้ใช้หรอก”

นางไม่ชอบเอาสิ่งของพวกนี้มาติดไว้ให้หนักตัวมาตั้งแต่เด็กแล้ว นอกจากปิ่นปักผมคู่นั้นที่เหยียนหลิงจวินให้นางไว้ ช่วงนี้หากไม่ต้องออกงาน บนศีรษะของนางมีเพียงปิ่นปักผมอันนั้น ไม่มีสิ่งใดติดให้รกแม้แต่ชิ้นเดียว

เจี๋ยหงขานตอบ แล้วเดินถือของออกไปพร้อมเฉี่ยนลวี่

ฉู่สวินหยางมองแสงอาทิตย์ที่สาดส่องด้านนอกตัวเรือน จากนั้นมุมปากก็ยกยิ้ม

ฮูหยินรองหลัวได้มาเยี่ยมถึงที่แบบนี้ก็รู้สึกสบายใจ ถึงแม้นางจะทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่นางยังคงกังวลว่าจะมีคนคิดใช้เรื่องนี้เอาไปนินทากันต่อว่านางวางแผนรวมหัวกับฮูหยินใหญ่แซ่หลัวเพื่อปิดบังเรื่องของฮั่วชิงเอ๋อร์ ฮูหยินรองหลัวจึงถือโอกาสมาถึงที่นี่เพื่อปิดบังเรื่องนั้น? เมื่อเป็นแบบนั้นทำไมตนจะไม่ยอมรับมันหน่อยเล่า?

เมื่อฮูหยินรองหลัวเดินออกมาจากท้ายเรือนตอนนั้น บอกได้เลยว่านางรู้สึกโล่งอกสบายใจเป็นอย่างมาก นางเดินกลับไปรับหลัวเสียงที่นั่งดื่มชาอยู่ด้านหน้า ในขณะที่กำลังจะเดินออกไปนั้นได้บังเอิญเห็นขบวนรถม้าของฉู่ฉีเฟิงที่เพิ่งเข้าตรอกมาพอดี

“คารวะท่านอ๋องเจ้าค่ะ!” สองแม่ลูกรีบคำนับแล้วเปิดทางให้อีกฝ่าย

ฉู่ฉีเฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยไม่อาจสังเกตได้ ไม่เผยให้เห็นความผิดปกติใดออกมาทางสีหน้า เขากระโดดลงจากตัวม้าพยักศีรษะรับรู้ แล้วเดินตรงเข้าประตูจวนไปอย่างไม่สนใจไยดี

ฮูหยินรองหลัวยังคงยิ้มอยู่ เดิมทีนางเตรียมคำพูดจะทักทายเอาไว้แล้วแท้ๆ แต่กลับโดนปล่อยให้ยืนค้างอยู่หน้าประตูแบบนั้น ทำให้สองแม่ลูกทนไม่ไหวชักเปลี่ยนสีหน้า โดยเฉพาะหลัวเสียง ใบหน้าของเขานั้นมืดมนลงอย่างเห็นได้ชัด

ชิงเถิงลอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายจึงยิ้มพลางอธิบายขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าสถานการณ์สงครามระหว่างเมืองฉู่กับชายแดนทางเหนือนั้นไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก จวิ้นอ๋องของพวกข้าเลยไม่ว่างเท่าไร อย่างไรก็แล้วแต่ขอให้ท่านทั้งสองเดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ!”

“นั่นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว! ท่านจวิ้นอ๋องยังหนุ่มยังแน่น ซ้ำยังฉลาดเฉลียวปราดเปรียว เป็นถึงมือซ้ายมือขวา คอยช่วยเหลือองค์รัชทายาทอีก” ฮูหยินรองหลัวยิ้มแล้วพูดขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นช่างฝืนทนเสียเหลือเกิน “รบกวนเจ้าแล้ว ฝากขอบคุณท่านหญิงของพวกเจ้าด้วยแล้วกัน!”

“เจ้าค่ะ!” ชิงเถิงขานรับคำขอนั้นอย่างเกรงใจ “ข้าน้อยจะนำไปบอกให้ท่านหญิงรับทราบแน่นอน”

จากนั้นสองแม่ลูกสกุลหลัวไม่ได้พูดอะไรขึ้นอีก หลัวเสียงพยุงฮูหยินรองหลัวให้ขึ้นรถม้า ส่วนตัวเขาขึ้นไปนั่งบนหลังม้าคอยอารักขารถม้าคันนั้นด้วยตนเองแล้วบังคับม้าจากออกไป

ชิงเถิงหันหลังเดินกลับเข้ามา

หลัวเสียงหันหลังมองประตูวังบูรพาอันยิ่งใหญ่บานนั้น แววตาพลันมืดมิดขึ้นอย่างไม่รู้สึกตัว

การถูกปฏิบัติตัวอย่างเย็นชาเยี่ยงนี้ มันทำให้เขารู้สึกยากที่จะยอมรับได้เสียเหลือเกิน

เมื่อเป็นแบบนี้คำแนะนำของหลัวอวี่ก่วนนั้นดูจะไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่นิดเดียว หากทำตัวสนิทสนมผูกมิตรญาติดีกับวังบูรพาอย่างเปิดเผยแบบนั้น ไม่แน่มันอาจจะเกิดเรื่องที่ไม่จำเป็นขึ้นมาเยอะแยะก็ได้ เพราะฉะนั้นวิธีที่ใช้ตอนนี้เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดแล้ว

หลังจากนี้แค่รอให้แต่ละคนตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ถึงตอนนั้นท่าทีของคนพวกนี้คงเปลี่ยนไป

เดิมทีเขาไม่ได้ตื่นเต้นกับการอภิเษกสมรสกับวังบูรพาเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์วันนี้ไปมันทำให้เขาเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ส่วนฉู่อี้อันกับฉู่ฉีเฟิงจะรู้สึกอย่างไรตอนนี้คงไม่สำคัญ ไว้วันหลังหลังหากผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายต่างเกี่ยวข้องกันแล้ว ก็ไม่มีใครหน้าไหนกล้าคัดค้านได้หรอก

หลัวเสียงมั่นใจ เขาพาขบวนรถม้าเลี้ยวผ่านไปสองตรอกก็เห็นคนสนิทข้างกายที่เขาสั่งให้แฝงตัวอยู่ในบ้านสกุลหลัว เดินเข้ามายืนต้อนรับด้วยใบหน้าเหงื่อไหลไคลย้อยพลางพูดตะโกนขึ้นเสียงดังว่า “คุณชายสาม ฮูหยินรองหลัวขอรับ!”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลัวเสียงดึงบังเหียนม้าเอาไว้ ก้มหน้ามองอีกฝ่าย

“เมื่อครู่ฮองเฮามีรับสั่งให้นายท่านกั๋วกงกับฮูหยินใหญ่เข้าเฝ้าขอรับ”

ฮูหยินรองหลัวได้ยินเข้าก็ชะโงกศีรษะออกมา “รับสั่งตั้งแต่เมื่อใด?”

“พวกเขาเดินทางไปได้เกือบครึ่งชั่วยาม[1] แล้วขอรับ ดูท่าตอนนี้น่าจะใกล้ถึงวังแล้วด้วย” คนผู้นั้นพูดตอบ

ครอบครัวสกุลหลัวพูดอธิบายเรื่องราวของหลัวส่วงกับคนภายนอกอย่างไม่แน่ชัด ฮองเฮามีรับสั่งให้หลัวเหว่ยสองสามีภรรยาเข้าเฝ้าตอนนี้ แสดงว่าต้องถามถึงรายละเอียดเบื้องลึกเกี่ยวกับเรื่องนั้นแน่นอน

ในเวลาแบบนี้จะไม่ซ้ำเติมแผลเก่าหน่อยจะได้เยี่ยงไรเล่า?

ฮูหยินรองหลัวกัดฟัน หันไปคุยกับหลัวเสียงว่า “ไม่กลับจวนแล้ว เจ้าไปส่งแม่ที่วังที”

ความคิดของหลัวเสียงกับนางเห็นพ้องต้องกันพอดี อีกฝ่ายพยักหน้า จากนั้นสองแม่ลูกมุ่งหน้าไปยังวังหลวงทันที

————————————-

ณ วังโซ่วคัง

เมื่อฮูหยินรองหลัวมาถึง ก็ได้ยินหลัวฮองเฮากำลังโมโหเกรี้ยวกราดจนควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่พอดิบพอดี

“พวกเจ้าพูดมาเดี๋ยวนี้ วันนี้ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าก็ต้องอธิบายให้ข้าเข้าใจชัดเจนทุกเรื่อง เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเรื่อง

ของน้องชายเจ้ามันเกี่ยวข้องกับกองกำลังทหารของเมืองฉู่ เลยไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่งเพราะกลัวเรื่องจะวุ่นวาย ถึงคราวนี้ลูกชายในไส้ของตัวเองเลยโดนคนอื่นทำร้ายเข้า เจ้า…เจ้า…”

หลัวฮองเฮาพูดขึ้นอย่างรีบร้อนจนหายใจไม่ทัน

แม่นมเหลียงจึงรีบเข้ามาช่วยลูบท้องให้หายใจสะดวกยิ่งขึ้น

หลัวเหว่ยหน้าเสีย นั่งคุกเข่าตัวตรงอยู่ตรงนั้น เอ่ยปากพูดอย่างเฉยชาว่า “ทางศาลาว่าการพระนครได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้วพ่ะย่ะค่ะ การตายของส่วงเอ๋อร์นั้นทำให้กระหม่อมและฮูหยินรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ในเมื่อเรื่องราวมันเป็นแบบนี้คงช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเจ้าเด็กนั่นเมาสุราจนมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นกับแม่นางสกุลฮั่วเข้า เมื่อวานใต้เท้าเซียวแห่งศาลาว่าการพระนครได้มาส่งข่าวเรื่องนี้ให้กระหม่อมรับรู้ด้วยตนเอง นั่นถือว่าให้เกียรติสกุลหลัวของพวกเรามากแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หากยังดันทุรังไม่ยอมปล่อยเช่นนี้ ยิ่งจะทำให้คนอื่นเขาคอยนินทาเอาได้ ฮองเฮาอยู่ในวังเองก็จะลำบากไปด้วย กระหม่อมไม่อยากทำให้ฮองเฮาโมโหกับเรื่องไร้สาระพ่ะย่ะค่ะ”

เดิมทีหลัวฮองเฮาเองไม่ได้สนใจตระกูลพวกเรือนใหญ่อย่างพวกเขา ต่อหน้าทำเป็นโมโหเพราะการตายของหลัวส่วง แต่แท้จริงแล้วนางพูดถึงเรื่องนี้เพราะต้องการกำจัดความแค้นของฮั่วกังที่มีต่อหลัวอี้ชนิดถอนรากถอนโคนต่างหากเล่า

คำพูดของหลัวเหว่ยฟังดูแล้วรับรู้ถึงความเกรงอกเกรงใจ แต่แท้จริงนั้นกลับแฝงไปด้วยคำปฏิเสธกลายๆ เช่นกัน

เมื่อหลัวฮองเฮาได้ยินดังนั้น แววตาพลันมืดมนดุร้ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จ้องมองทั้งสองคนอย่างโหดเหี้ยม

“อยู่ดีไม่ว่าดีกลับออกไปดื่มเหล้าเมาสุราเละเทะจนเกิดเรื่องขึ้นกับชีวิตตัวเองแบบนี้เนี่ยนะ? เจ้าคิดว่าพูดแบบนี้ ข้าจะเชื่อคำพูดเจ้างั้นหรือ?” หลัวฮองเฮาพูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด โมโหจนใบหน้าแดงก่ำ

หลัวเหว่ยสองสามีภรรยาเองกัดฟันปิดปากแน่นไม่กล้าพูดอะไรมากความไปกว่านี้

ฮูหยินรองหลัวมองท่าทางพ่ายแพ้ของสองคนนั้น ก็รู้สึกดีอกดีใจขึ้นมาทันใด แต่ยังคงเก็บอารมณ์เอาไว้แสร้งทำหน้าเศร้าเสียใจพลางรับถ้วยชามาจากไฉ่เยว่ก่อนจะยื่นส่งให้หลัวฮองเฮา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฮองเฮาเพคะ ดื่มชาระงับโทสะสักหน่อยเถิดเพคะ!”

หลัวฮองเฮากำลังโมโหเลยไม่ได้ใส่ใจมองว่าคนคนนั้นคือผู้ใด ทำเพียงแค่รับถ้วยชามาดื่มเข้าไปให้ใจเย็นลง

————————————–

[1] ครึ่งชั่วยาม เท่ากับเวลาหนึ่งชั่วโมง

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท