หลังจากจัดการกับอารมณ์ต่างๆ ได้แล้ว ซู่ เหยียนอี้ก็เริ่มสะท้อนถึงท่าทีของเธอ เธอเชื่อเสมอว่าทุกอย่างที่เธอทำได้ถูกต้องและไม่ผิด ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองจึงไม่ได้เป็นสิ่งที่เธอจะทำบ่อยนัก อย่างไรก็ตามครั้งนี้เธอคิดว่าเธอน่าจะใจกว้างมากขึ้น
เธอเคยบอกว่าเธอต้องการที่จะปกป้องเขาและทำให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น เธอยังได้สัญญาว่าจะอยู่กับเขาให้ได้อย่างดีที่สุดและนั่นหมายความว่าเธอจำเป็นต้องยอมรับสถานะของเขาในฐานะสามีของเธอ บ้านของเธอก็เป็นบ้านของเขา นอกจากนี้เธอก็เข้าใจว่าเธอจำเป็นต้องเคารพความต้องการของเขาและอดทน ถ้าเขาอยากจะเก็บเสือเอาไว้ เช่นนั้นเธอก็จะยอมให้เขา
มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องของการมีสัตว์เลี้ยงอีกตัวในการที่จะดูแลต่อไปเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างเสือโคร่งขาวก็ค่อนข้างน่ารัก เมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอได้ไปเที่ยวเกาะส่วนตัวของตระกูลซู่และเห็นสัตว์ต่างๆมากมาย อันที่จริงแล้วพ่อของเธอก็แนะนำว่าเธอควรลองเลี้ยงมันดูบ้าง และถ้าชิน จี๋หนาน ต้องการเธอก็สามารถพาเขาไปที่นั่นได้
ตอนนี้ปัญหาคือแม้ว่าซู่ เหยียนอี้ ได้ตัดสินใจที่จะยอมรับสถานการณ์แล้ว แต่ชิน จี๋หนานก็ไม่สามารถบอกได้เพระการแสดงออกของเธอยังคงเยือกเย็นเกินไป
“ถ้าคุณไม่ชอบ ผมก็จะไม่เก็บมันเอาไว้” ชิน จี๋หนาน ยืนยันอย่างจริงจังด้วยความมุ่งมั่น
ซู่ เหยียนอี้ จะไม่เปลี่ยนใจเพื่อที่จะให้ความสำคัญกับคนอื่นและเธอจะไม่ใช้คำว่า “ถอยเพื่อความก้าวหน้า”และ “เห็นด้วยแม้จะไม่ต้องการ” ด้วยเช่นกัน
นั่นจึงทำให้เขารู้ว่าเธอได้คิดทบทวนทุกอย่างด้วยตัวเองและเห็นด้วยอย่างจริงใจที่จะเก็บเสือโคร่งเอาไว้ถ้าเขาต้องการ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความสนใจของตัวเองเช่นเดียวกับที่เธอบอกไว้ว่าบ้านของเธอก็เป็นบ้านของเขาและเธอต้องการแสดงให้เขาเห็นว่าเขายังมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจด้วย!
เป็นธรรมชาติที่เขาจะรู้สึกประทับใจมากเนื่องจากการพิจารณาของเธอ อย่างไรก็ตามเขายังคงไม่สามารถทนได้ ซู่ เหยียนอี้ เป็นผู้หญิงที่ไม่ควรต้องทนทุกข์ทรมานจากความไม่พอใจแม้แต่น้อย และมันก็ไม่ควรต้องมาจากเขา
ในขณะนี้เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกและการนึกถึงเขาจากเธอได้อย่างแท้จริง เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปมาก แต่ไม่ว่าเหตุผลอะไร เขาก็ทราบซึ้งมากและไม่ต้องการใช้ประโยชน์จากความใจดีของเธอ
“อะไร คุณกำลังจะบอกว่าถ้าฉันไม่ต้องการให้คุณทำอะไรบางอย่าง หรือทุกอย่าง คุณก็จะไม่ทำมัน?” เธอถามอย่างสงสัยพร้อมกับหัวคิ้วที่ยกขึ้น
ชิน จี๋หนานเป็นคนที่พึ่งพาตัวเอง และเธอเองก็เป็นคนที่จะเปลี่ยนความคิดของเธอถ้ามันจะเป็นการทำให้ตัวเธอเองได้ประโยชน์ ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจความคิดของเขาในการทำทุกอย่างที่เธอต้องการให้เขาทำและไม่ทำในสิ่งที่เธอไม่ต้องการให้เขาทำ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเขารักเธอ เธอก็ไม่เชื่อว่าเขาจะไปไกลขนาดนั้น
“ตราบเท่าที่คุณบอกไม่ให้ผมทำ แน่นอนจะไม่ทำมัน!” นี่คือการตอบสนองอย่างไม่ลังเลของเขา ทำไมเขาถึงจะไม่ทำมัน? เขาก็ถึงกับเข้าสู่วงการบันเทิงเพื่อประโยชน์ของเธอ
ซู่ เหยียนอี้ รู้สึกประหลาดใจกับคำตอบที่แน่วแน่ของเขา เนื่องจากปัญหานี้ทำให้ความสงสัยของเธอคลี่คลายลงไปอย่างรวดเร็ว และอีกครั้งเธอรู้ว่าเขารักเธอ แต่เธอก็ได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับความรักจากเขาในตอนที่เธอนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลในชีวิตที่ผ่านมาของเธอเท่านั้น ในชีวิตนี้การที่ได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้รักเธอจนถึงจุดที่เขาเต็มใจที่จะเปลี่ยนตัวเองโดยไม่สนใจอะไรเพื่อเธอ ทำให้เธอรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเป็นครั้งแรก
บางคนเชื่อว่าถ้าผู้ชายคนหนึ่งต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อที่จะไล่ตามใครสักคน มันไม่ใช่ความรัก อย่างไรก็ตาม แล้วถ้าผู้ชายคนนี้เต็มใจที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อเธอเช่นนี้? มันเรียกว่าอะไร อุดมการณ์หรือ? ไม่ว่าจะอย่างไร ความรักก็เกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ
“คุณไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงและสั่นพร้อมกับแหบเล็กน้อย เนื่องจากเธอรู้สึกซาบซึ้ง
“แต่ผมต้องการ”
จู่ๆ ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วพวกเขา พวกเขาจ้องมองกันและกันโดยไม่ได้มองออกไปทางอื่น ราวกับกลัวว่าจะพลาดอะไรบ้างอย่างไป
ซู่ เหยียนอี้ ถอนหายใจกับตัวเองและคิดว่าใครบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นเงอะงะและไม่สามารถพูดคำหวานๆ ได้? ไม่ใช่ว่านี้เป็นประเภทของคำหวานที่ดีที่สุดแล้วหรือ? แม้แต่เธอยังรู้สึกทราบซึ้งเพราะมัน
และนั่นก็คือตอนที่ซู่ เหยียนอี้ คนที่กำลังพยายามควบคุ่มตัวเองอยู่ แต่ในที่สุดมันก็พังลง
เธอเอื้อมมือออกไป ก่อนจะดึงผู้ชายตรงหน้าเข้ามาและเอนตัวเข้าไปหาเขา เมื่อริมฝีปากของเธอสัมผัสไปที่ริมฝีปากของผู้ขายตรงหน้า เขาก็เต็มไปด้วยอาการมึนงง
กลิ่นที่สะอาดและคุ้นเคยของเขาค่อยๆ ห่อหุ้มอยู่รอบๆ ตัวเธอ ความรู้สึกของริมฝีปากของเขาสัมผัสอยู่กับริมฝีปากของเธอเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ แต่ก็ไม่น่ารังเกียจ แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ความรู้สึกของความอบอุ่นที่เกิดขึ้น ดูเหมือนจะอยู่ในจิตใจของเธอและทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าโลกนี้แตกต่างจากที่เคย ในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น เธอรู้สึกเป็นนัย ๆ ได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง และถ้าการที่เธอจูบเขาและรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วมากในภายหลัง นั่นหมายความว่าเธอชอบเขาแล้วใช่ไหม … เธอชอบเขา
คล้ายกับที่เขาจูบนิ้วมือของเธอ เธอจูบลงไปที่ริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนโยนเหมือนแมลงปอที่ลอยอยู่เหนือน้ำ
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบเสือ ฉันแค่กลัวว่ามันจะลำบากในการดูแล มันไม่เป็นไรถ้าคุณต้องการจะเก็บมันไว้ “เธออธิบายหลังจากที่ดึงตัวเองออกมาแล้ว ไม่บ่อยนักที่เธออธิบายตัวเองกับคนอื่น
ในเวลานั้นเอง เสียงหุ่นยนต์ของระบบก็ดังขึ้นใจหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจขึ้นทันที
(ขอแสดงความยินดีกับการทำภารกิจลับสำเร็จ:การจูบคุณชิน!)
รางวัล:ยาแก้แพ้แอลกอฮอล์ x1 (จะมีภูมิคุ้มกันต่อแอลกอฮอล์เป็นเวลาสามวันหลังจากการบริโภค)
(รางวัลจะถูกเก็บไว้ในมิติพื้นที่โดยอัตโนมัติและสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา)
ซู่ เหยียนอี้ รู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย ภารกิจลับคือการเริ่มต้นการจูบหรือ? และรางวัลคือยาแก้แพ้แอลกอฮอล์? ทำไมเธอรู้สึกว่าระบบกำลังแสดงความยินดีกับเธออยู่?
ในขณะเดียวกันชิน จี๋หนานยังคงอยู่ในอาการมึนงง เมื่อเขาได้ยินคำถามของเธอ เขาก็จ้องมองไปที่เธออย่างว่างเปล่า ใบหน้าของเธออยู่ใกล้กับเขามากและเขาก็ไม่สามารถคิดถึงเรื่องอื่นได้
หลังจากช่วงเวลาอันยาวนาน เขาก็ได้สติมากพอที่จะพูดติดอ่างขึ้น “คะ– คุณเพิ่งจะพูดว่าอะไรนะ?”
“ฉันพูดว่า คุณสามารถเลี้ยงเสือได้ ฉันโอเคกับมัน ตราบใดที่มันไม่รบกวนฉัน “เธออดทนพูดซ้ำขึ้นอีก การแสดงออกของเธอเป็นไปอย่างปกติและไม่สามารถบอกได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่