สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 26.1

ตอนที่ 26.1

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 26.1 เจ้าทำข้าเสียนิสัยหมดแล้ว! (1)
บทที่ 26 เจ้าทำข้าเสียนิสัยหมดแล้ว! (1)
โดย
Ink Stone_Romance
ข้ารับใช้สองคนนั้นอารักขาอยู่ด้านนอกตัวเรือน ริมฝีปากของจื่อเหวยดำคล้ำ หันมองเข้าไปด้านในตัวเรือนเป็นพักๆ ส่วนจื่อซวี่กลับเม้มปากแน่นยืนหลบมุม แสงจันทร์สาดส่องทอดเป็นเงาดำ ปกคลุมสีหน้าและแววตาของนางไว้ได้หลายส่วน

แต่ในเวลานั้นเอง ดวงตาของนางกลับส่องประกายขึ้นเล็กน้อยอย่างน่าประหลาด

เดิมทีนางคิดว่าตัวเองจะหวาดกลัวกับเหตุการณ์ตรงหน้า แต่แท้จริงแล้วตนกลับรู้สึกดีใจที่มันเกิดขึ้นด้วยซ้ำไป

ในสายตาของฉู่หลิงอวิ้น ข้ารับใช้ต่ำต้อยอย่างนางมันเป็นแค่ดอกหญ้าที่ไร้ค่า แต่สุดท้ายแล้วเป็นอย่างไรเล่า? ตัวนางที่เย่อหยิ่งจองหองป่าวประกาศว่ายิ่งใหญ่ทัดฟ้าคนนั้น วันนี้กลับมีจุดจบเยี่ยงนี้…

พระเจ้ามีตาจริงๆ

สองคนที่อยู่ในเรือนส่งเสียงดังกันจนถึงเช้าตรู่ เสียงดังโหวกเหวกมีการเคลื่อนไหวตลอดคืน แต่ตั้งแต่เริ่มจนจบก็ได้ยินแต่เสียงหอบหายใจหนักๆ ของชายหนุ่มหลังจากสุขสมกามารมณ์

ตัวฉู่หลิงอวิ้นเอง เดิมทีนางพยายามขัดขืนอย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายคงยอมแพ้ไป เลยไม่มีเสียงร้องใดออกมาให้ได้ยิน

เสียงประตูเปิดออก จางอวิ๋นเจี่ยนจัดแจงสวมใส่เสื้อผ้า พลางเดินออกมาจากในเรือนด้วยสีหน้าแววตาพึงพอใจ

สาวรับใช้ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกพลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันที พวกนางกลั้นหายใจระแวดระวังภัยป้องกันตัวขึ้นมา

ทว่าจางอวิ๋นเจี่ยนกลับสาวเท้าก้าวออกไปด้านนอกอย่างไม่แยแส ฉู่หลิงอวิ้นยังคงหวาดกลัวอยู่ นางไม่กล้าแตะต้องเขาเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะเขาได้รับการยืนยันเรื่องนั้นแล้ว ตอนที่เขาเข้ามาหานาง อารมณ์ของเขาโมโหฉุนเฉียว แต่ทว่าตอนนี้ กลับจากออกไปด้วยความรู้สึกพึงพอใจอย่างไม่แยแส

จื่อซวี่เห็นเขามีความรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเห็นเขาปรายตามองมา นางก็รีบก้มศีรษะลงไม่กล้าสบสายตา

จางอวิ๋นเจี่ยนมองนางทีหนึ่ง ริมฝีปากกระตุกยิ้มแล้วเดินออกไป

ตอนนั้นบ่าวรับใช้สองคนถึงค่อยโล่งอกถอนหายใจออกมา จากนั้นรีบวิ่งเข้าไปยังด้านใน เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้ว ก็เห็นสภาพเละเทะที่ราวกับเพิ่งผ่านศึกหนัก

อุปกรณ์ของตกแต่งภายในห้องถูกเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปเกือบทั้งหมด โต๊ะล้มลง ถ้วยชากับกระถางธูปล้มระเนระนาดกระจายเต็มพื้น

ฉู่หลิงอวิ้นยังนอนกึ่งเปลือยท่อนบนอยู่บนพื้น ลำตัวเต็มไปด้วยรอยจ้ำสีแดงไม่ก็รอยฟกช้ำทั่วร่าง บ้างก็เป็นรอยแผล บ้างก็เป็นรอยตราประทับที่ถูกเหล็กร้อนจี้ใส่ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดวงตาเบิกโพลงเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน น้ำตาเหือดแห้ง ร่างกายแน่นิ่งไม่ไหวติงราวกับท่อนไม้ก็ไม่ปาน ริมฝีปากถูกกัดจนเลือดออกหยดไหลรินลงบนพื้นไม่หยุด

หากไม่เห็นแววตาที่เคียดแค้นโกรธเกรี้ยวของนาง สภาพแบบนี้ ถ้าบอกว่าตายไปแล้วคงไม่ได้กล่าวเกินจริงเลย

“ท่านหญิงเจ้าคะ?” จื่อเหวยก้มหัวเรียกนาง

บ่าวรับใช้ทั้งสองคนไม่มีใครร้องไห้เลย พวกนางเพียงแค่เปล่งเสียงเรียกนางอย่างระมัดระวังเท่านั้น

ฉู่หลิงอวิ้นไม่ส่งเสียงขานตอบ นางเอาแต่เพ่งตาถลึงมองคานห้องอย่างเลื่อนลอยไม่ละสายตาไปไหน

จื่อเหวยรออยู่สักพัก แต่เมื่อเห็นนางไม่ส่งเสียงตอบรับ จื่อเหวยเลยหันไปสบสายตามองจื่อซวี่ แล้วหยิบเสื้อผ้ามาคลุมตัวฉู่หลิงอวิ้นเอาไว้ แล้วช่วยกันพยุงตัวนางให้ลุกขึ้นมา

ฉู่หลิงอวิ้นไม่ได้ปฏิเสธการช่วยเหลือนั้น นางแน่นิ่งเป็นขอนไม้ให้พวกเขาทั้งสองอุ้มพยุงเดินเข้าไปในห้องนอน

เหตุการณ์นี้ไม่มีใครคนไหนกล้าพูดถึง บ่าวทั้งสองคนเองก็ก้มหน้าไปตักน้ำมาช่วยเช็ดทำความสะอาดให้นางอย่างไร้สุ้มเสียง

ที่จางอวิ๋นเจี่ยนทำไปทั้งหมดก็เพื่อแก้แค้น เขาอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่นางโดนกระทำเช่นนี้ก็ตามที แต่ครั้งนี้นางมีระดูโลหิต นางถูกกระทำจนร่างกายแทบฉีกขาด เจ็บปวดทรมานอย่างหนักจนรู้สึกเฉยชาแทบไร้ความรู้สึก

หากเรื่องที่นางเคยประสบพบเจอในอดีต เรียกว่าเป็นอุบัติเหตุโชคร้ายและจุดเปลี่ยนในชีวิตของนางล่ะก็

งั้นเหตุการณ์ครั้งนี้…

คงทำให้นางรู้สึกสัมผัสได้ถึงนรกอย่างถ่องแท้

แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ…

เรื่องนี้มันยังไม่จบสิ้น!

จางอวิ๋นเจี่ยนผู้ไม่เกรงกลัวแม้แต่ความตาย นางจะเอาอะไรมาสู้กับเขาได้เล่า?

บนโลกใบนี้ไม่มีคนน่ากลัวหรอก แต่คนที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่สนแม้กระทั่งชีวิตตัวเองนั่นแหละที่น่ากลัวที่สุด

ตั้งแต่นางเกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่หลิงอวิ้นสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังอย่างถ่องแท้ ร่างกายของนางสั่นระริกตลอดเวลา

จื่อเหวยที่กำลังช่วยนางเช็ดตัวอยู่ตกใจจนรีบคุกเข่า พูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า “ข้าน้อยทำให้ท่านหญิงเจ็บใช่ไหมเจ้าคะ? ข้าน้อยจะระวังให้มากขึ้นเจ้าค่ะ!”

ฉู่หลิงอวิ้นดึงสติกลับมาพลางตะโกนอย่างเดือดดาล “ออกไป! ออกไปให้หมด! พวกเจ้าทั้งหมดไสหัวออกไปซะ!”

สีหน้าอารมณ์อันดุร้ายขึงขังของนางในตอนนั้นมันน่าหวาดกลัวและโหดเหี้ยมเหลือเกิน ปากพูดพลางกวาดถ้วยน้ำชาบนโต๊ะหล่นลงพื้นกระจัดกระจาย น้ำเสียงนั้นแหบแห้งจนทำให้คนที่ได้ยินกลัวขนหัวลุก

ข้ารับใช้ทั้งสองคนเลยจำเป็นต้องถอยออก รีบลุกขึ้นแล้วออกไปอย่างทุลักทุเล

เมื่อประตูห้องปิดลง พวกนางก็ได้ยินกรีดร้องของฉู่หลิงอวิ้นดังขึ้นเสียงร้องลั่น จากนั้นตามมาด้วยเสียงปาข้าวของโครมครามดังขึ้นไม่หยุด

ทหารองครักษ์ที่อยู่ห่างออกไปสองตัวเรือนได้ยินเข้าก็รีบวิ่งเข้ามา แต่กลับโดนจื่อเหวยไล่กลับไป

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตั้งแต่มาที่นี่ท่านหญิงของพวกตนก็ไม่สบอารมณ์แต่แรกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนต่างก็ชินชากับเหตุการณ์พวกนี้จนระอา เมื่อพวกทหารองครักษ์ได้ยินดังนั้นก็ไม่ถามอะไรให้มากความ เห็นว่าไม่ได้เกิดเรื่องร้ายอะไรก็แยกย้ายจากออกไป

ฉู่หลิงอวิ้นตวาดระบายอารมณ์ออกมาเสียงดัง โยนทุ่มของในห้องจนเละเทะ กลาดเกลื่อนเต็มพื้นไปหมด

เจิ้งเยียนอยู่ที่นี่ต่อนานไม่ได้ หลังจากที่นางไปจุดธูปขอขมาแก้บนเสร็จตอนเช้า นางก็อยู่พักที่นี่ต่อแค่เย็นวันนั้นวันเดียว จากนั้นวันรุ่งขึ้นก็ต้องเตรียมตัวออกเดินทางกลับเมืองหลวง

ตอนกลางคืนในวันเดียวกันนางแวะเข้ามาเยี่ยม แต่กลับโดนจื่อเหวยบอกปัดปฏิเสธไปว่าฉู่หลิงอวิ้นไม่ค่อยสบาย เลยไม่ให้นางเข้าไปด้านใน ตอนนั้นเจิ้งเยียนสงสัยเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็กลับไปโดยไม่ได้ถามอะไรให้มากความ

ทว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นแห่งความฝันอันโหดร้ายของฉู่หลิงอวิ้นก็ว่าได้

ครั้งที่จางอวิ๋นเจี่ยนมาหานาง เขามาด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวโมโหต้องการจะแก้แค้น มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น เขาทำเป็นพูดไปว่าตัวเองมีคนหนุนหลังอยู่ ทว่าฉู่หลิงอวิ้นยังปักใจเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง ตอนที่เขาไปหาเรื่องนางตอนนั้น ที่จริงเขายังแอบหวาดกลัวอยู่ด้วยซ้ำไป แต่เรื่องกลับตาลปัตร เมื่อกลับมาเขาเลยรีบไปจัดการเตรียมการให้คำพูดพวกนั้นเป็นเรื่องจริง

อีกอย่างหลังจากที่มาวัดก่วงเหลียนแห่งนี้แล้ว เขายังค้นพบข้อดีของสถานที่นี้อีกหนึ่งอย่าง ทำให้เวลาเบื่อๆ เขาเลยแวะเวียนมาที่นี่อยู่บ่อยครั้ง

ชื่อเสียงฉู่หลิงอวิ้นดีงามในสายตาผู้คน ทั้งยังมีฐานะสูงศักดิ์ขนาดนั้น ทำให้ที่ผ่านมาเขาไม่แม้แต่จะกล้าคิด ถึงแม้ว่าตอนนั้นสถานะของเขาจะเป็นถึงซื่อจื่อแห่งจวนติ้งเป่ยโหวก็ตาม เวลาอยู่ต่อหน้านางเขายังต้องเคารพนอบน้อม แต่มาวันนี้เขากลับได้เสพสุขร่างกายของนางได้จนพอใจอย่างง่ายดาย นอกจากได้ระบายอารมณ์ความโกรธแค้นแล้วยังรู้สึกถึงชัยชนะอย่างล้นพ้นอีกด้วย

ถึงแม้ราชวงศ์ไม่ได้ยึดทรัพย์สินตัดเส้นทางอนาคตของสกุลจางไปจนหมดสิ้น พวกเขายังเหลือกิจการที่ดินที่นาไว้ให้พวกเขาพอมีชีวิตรอดก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้วช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหากตอนนี้เขาอยากออกไปเที่ยวเล่นหาความสำราญใจเหมือนเมื่อก่อน เขาจำต้องเตรียมใจที่โดนสายตาเย็นชาและท่าทางเมินเฉยของผู้คนกระทำกับเขาให้ได้

แต่หลังจากที่เขารู้ความจริง จางอวิ๋นเจี่ยนเลยมุ่งเป้าการโจมตีแก้แค้นครั้งนี้ไปที่ฉู่หลิงอวิ้นแต่เพียงผู้เดียว ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งไม่แยแส แถมยังเพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก จำนวนครั้งที่มาวัดก่วงเหลียนมากกว่าจำนวนครั้งออกไปเดินเล่นที่ถนนหลิ่วหลินมากขึ้นทันใด

เดิมทีไม่กี่ครั้งแรกฉู่หลิงอวิ้นหยั่งเชิงลองขัดขวางโต้ตอบเขาดู แต่ครั้งหลังๆ นางกลับเฉยชาไปเสียแล้ว นางเพียงกัดฟันอดทนเอาไว้ไม่ส่งเสียงร้องใดออกมา คนนอกมองเข้ามาก็ไม่คิดอะไรมาก แต่ทว่าข้ารับใช้สองคนจื่อเหวยกับจื่อซวี่นั้นเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างดีที่สุด…

แววตาท่านหญิงของพวกนางนับวันๆ ยิ่งน่ากลัวโหดเหี้ยมขึ้นทุกวัน

แต่ไม่ว่าเรื่องราวเบื้องลึกนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่อย่างน้อยทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบดี หลังจากผ่านพ้นปีใหม่มา ฝั่งชายแดนทางเหนือตรงนั้นก็จับกุมควบคุมพวกชนเผ่ากลุ่มน้อยได้ ทั้งยังรบชนะศึกถึงสองครั้ง เพราะงั้นถึงแม้สงครามที่เมืองฉู่จะยังน่ากังวลอยู่ แต่แค่นี้มันก็ทำให้อารมณ์ของฮ่องเต้กลับมาดีขึ้นเยอะมากแล้ว

หากดูผิวเผินแล้วทั่วทั้งท้องพระโรงต่างพูดคุยถกเถียงกันอย่างละมุนละม่อม ท่าทางดูเป็นมิตรสามัคคีมากเป็นพิเศษ

————————————

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท