สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 19.4

ตอนที่ 19.4

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 19.4 องค์รัชทายาทโมโหเกรี้ยวกราดและข้อตกลงสำคัญ (4)
บทที่ 19 องค์รัชทายาทโมโหเกรี้ยวกราดและข้อตกลงสำคัญ (4)
โดย
Ink Stone_Romance
สีหน้าของซูอี้นิ่งสงบ มองหน้านางรอให้นางพูดต่อ

ฉู่สวินหยางเบนสายตาออกจากใบหน้าเขา เดินห่างออกไปสองก้าว ไพล่มือไว้ด้านหลัง ดวงตาทอดมองไปยังผิวน้ำที่กำลังเคลื่อนไหว ค่อยๆ พูดขึ้นทีละคำอย่างหนักแน่นว่า “หากต้องการจะลากสองพ่อลูกนั่นลงจากหลังม้า เรื่องนั้นจะทำเมื่อไรก็ย่อมได้ แต่หากเจ้าต้องการจะขึ้นไปแทนที่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เรื่องของซูหลินปล่อยให้ข้าจัดการเอง ข้าให้เวลาเจ้าสามเดือน เจ้าต้องทำให้ฮ่องเต้รู้ถึงการมีอยู่รู้ถึงตัวตนของเจ้าให้ได้ ทำให้เขายอมมอบตำแหน่งอำนาจหัวหน้าตระกูลซูให้เจ้าหลังจากที่สองพ่อลูกนั่นล่มจมให้ได้!”

น้ำเสียงของนางไม่สูง ฟังสบายรื่นหู เมื่อฟังคลอกับเสียงผิวน้ำที่สั่นไหวก็ยิ่งทำให้คำพูดนั้นมันน่าขนลุกยิ่งกว่าเดิม

ภายใต้สายลมยามราตรีเยี่ยงนี้ ชายกระโปรงของหญิงสาวสะบัดพลิ้วไหว ทั้งๆ ที่การมีอยู่ของมันช่างอ่อนแอและบอบบาง แต่ในสายตาของเขามันกลับให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่เฉิดฉายเสียเหลือเกิน ทุกคำพูดที่นางเปล่งออกมานั้นแฝงไปด้วยพลังทะเยอะทะยาน คอยปลุกเร้าความรู้สึกในก้นบึ้งหัวใจของคนให้เร่าร้อนมีไฟลุกโชนขึ้นมา

ซูอี้ชะงักไปเล็กน้อย…

ไม่ใช่ความรู้สึกอ่อนหวานอ้อมค้อมของชายหนุ่มและหญิงสาว แต่กลับเป็นความรู้สึกหวาดผวาในส่วนลึกของจิตวิญญาณ วินาทีนั้นเขายังไม่รู้ว่าฉู่สวินหยางต้องการให้เขาทำอะไรกันแน่ แต่เลือดในตัวเขาตอนนั้นกำลังพลุ่งพล่านอย่างฉุดไม่อยู่

นานมากเหลือเกิน…

ความรู้สึกที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจที่นานมากเหลือเกินอันนั้น ในที่สุดก็ถูกฉีกออกมากองอยู่ตรงหน้าเสียที

“ล้อเล่นแบบนี้มันไม่สนุกกระมัง ท่านหญิง ข้ารู้ว่าตอนนี้ท่านอารมณ์ไม่ดี แต่ท่านมาล้อเล่นกับข้าแบบนี้ มันทำกันเกินไปหรือเปล่าขอรับ?” ซูอี้ยิ้มแล้วพูดตอบ จู่ๆ อารมณ์ดียิ้มแย้มขึ้นกว่าเดิม พูดหยอกล้อทีเล่นทีจริงอีกว่า “อย่างน้อยก็เห็นแก่หน้าจวินอี้เถอะขอรับ ท่านอย่าแกล้งข้าแบบนี้อีกเลย!”

“ถ้าข้าจะแกล้งเจ้าจริง คงไม่เลือกล้อเล่นกับท่านในสถานที่เปิดเผยแบบนี้หรอก!” ฉู่สวินหยางชายตามอง ใบหน้าจริงจังไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด “ข้าเปิดทางให้แล้ว เหลือแค่เจ้านั่นแหละจะกล้าเดินเส้นทางนี้หรือไม่!”

“หืม?” ซูอี้มองนางอย่านึกสนใจ

“ความดีความชอบในการทหาร!” ฉู่สวินหยางพูดสั้นๆ ขึ้นมาประโยคเดียว

ซูอี้นิ่งอึ้งไป รอให้อีกฝ่ายพูดต่อ

ฉู่สวินหยางเบนสายตาหันกลับมามองท้องฟ้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีแล้วพูดว่า “ที่ด่านชายแดนทางเหนือ มีพวกคนพื้นเมืองที่ไม่ได้อยู่ใต้อำนาจบังคับบัญชาของใครอยู่ หลายปีมานี้ทางราชวงศ์เองก็สิ้นเปลืองทั้งแรงคนทั้งทรัพยากรไปมากแต่ก็ยังปราบพวกเขาไม่ได้สักที หากเจ้าคิดหาวิธีทำให้พวกนั้นมาอยู่ในอาณัติของเราได้…เจ้าก็จะได้รับความดีความชอบอันยิ่งใหญ่ ขอเพียงแค่สองพ่อลูกซูหังนั่นได้รับโทษทรยศหักหลังแผ่นดิน ฮ่องเต้ต้องยึดอำนาจของตระกูลซูคืนมาแล้วมอบให้เจ้าแน่นอน”

“ท่านจะให้ข้ารวบรวมชายแดนทางเหนืองั้นรึ?” ซูอี้เริ่มควบคุมใบหน้าอันนิ่งสงบและรอยยิ้มกว้างเอาไว้ไม่ได้ เขาเอ่ยถามขึ้นทีละคำอย่างตั้งใจ

“ใช่ รวบรวมชายแดนทางเหนือ!” ฉู่สวินหยางพยักหน้า

“ถึงแม้ว่าท่านจะทำไปเพื่อสั่งสมกำลังคอยสนับสนุนให้คังจวิ้นอ๋องเลื่อนตำแหน่ง แต่สถานที่แห่งนั้นห่างไหลจากเมืองหลวงตั้งหนึ่งหมื่นแปดพันลี้ ถึงแม้จะมีกำลังทหารอยู่ในมือ แต่ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ กระแสน้ำที่อยู่ห่างไกลก็ช่วยดับเพลิงที่ลุกโชนอยู่ตรงหน้าไม่ได้หรอก!” ซูอี้เป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ทำให้เขาเข้าใจในสิ่งที่ฉู่สวินหยางต้องการจะสื่อทันที

เขารู้มาตลอดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนทะเยอทะยานมากแค่ไหน แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะกล้าคิดวางแผนถึงขั้นนี้

ผู้คนที่เกิดขึ้นมาในครอบครัวผู้นำ จะใช้ตรรกะปกติธรรมดาวิเคราะห์เรื่องราวเลยไม่ได้งั้นหรือ?

“ข้าไม่สนใจสถานที่ห่างไกลแบบนั้นหรอก” ฉู่สวินหยางเบ้ปาก เตะก้อนหินที่อยู่ข้างเท้าลงน้ำ กลอกตาแล้วพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “แต่ว่า…กำลังทหารในมืออ๋องฉางซุ่นนั่นก็ควรค่าแก่การให้ข้ากลับไปคิดดูเหมือนกัน”

ซูอี้ขมวดคิ้ว แล้วถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ท่านคิดจะควบคุมตระกูลซู เพื่อเอาอำนาจคุมทหารงั้นหรือ?”

“ใต้หล้านี้ทุกสรรพสิ่งล้วนปลอมเปลือกทั้งสิ้น มีแค่อำนาจในมือเท่านั้นที่ยึดถือเชื่อมั่นได้ หากเจ้าต้องการแค่ตำแหน่งอ๋องฉางซุ่นแค่นั้น ข้าเองก็คิดว่าเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองแรงแบบนั้นหรอก ใช้ชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ไปก็ไม่เลวแล้ว” ฉู่สวินหยางกล่าวพลางจ้องมองใบหน้าของเขา

ซูอี้มองนางด้วยแววตาสับสน…

มันเป็นเรื่องจริง ที่ผ่านมาเขาทั้งโกรธแค้นและเกลียดชังคนตระกูลซูพวกนั้นมาตลอด และเขาเองก็ไม่ได้สนใจตำแหน่งอ๋องฉางซุ่นที่มีแต่เปลือกนั่นมากเท่าไรนัก แต่นั่นมันเป็นสิ่งที่เขาต้องแย่งชิงมาให้ได้

แต่ถ้าเหยียบย่ำสองพ่อลูกซูหังนั่นได้แล้ว เขาจะทำอะไรต่อดี…

อย่างน้อยตอนนี้ตัวเขาเองก็ยังไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นนั้น

แต่ตอนนี้ ยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่อายุน้อยกว่าเขามากนัก นางกลับบอกเขาด้วยน้ำเสียงอย่างใจเย็นและหนักแน่นว่า…

สิ่งที่เขาต้องแย่งชิงมาไม่ใช่แค่ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลซูเท่านั้น แต่เป็น…

อำนาจทั้งหมดในการควบคุมบังคับตระกูลซูต่างหาก

“การแก้แค้นที่แท้จริงไม่ใช่แค่การสังหารคนที่เกลียดให้ตายเท่านั้น แต่คือการเหยียบย่ำร่างกายพวกมันให้เจ็บปวดเพื่อเปิดเส้นทางใหม่ที่สวยงามกว่าเดิมต่างหาก ให้คนที่เคยทอดทิ้งเคยทรยศท่านไปรู้ว่าพวกมันนั่นแหละที่เป็นคนตัดสินใจผิด” ฉู่สวินหยางเห็นเขาเสียสติไป เลยพูดต่ออีกว่า “ตำแหน่งอ๋องฉางซุ่น มันก็แค่ทำให้เจ้าโอ้อวดต่อหน้าคนอื่นอยู่ดีกินดีได้ก็เท่านั้น ทั้งหมดนี้…ตอนนี้เจ้าก็มีอยู่แล้ว แล้วจะไปต่อกรกับสองพ่อลูกซูหังนั่นให้ได้อะไรขึ้นมา?”

“แต่ว่า…” ซูอี้เดินขึ้นไปยืนขนาบข้างกับนาง ริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มนึกสนุกขึ้นมาเล็กน้อย “แต่ทำไมข้ารู้สึกว่าท่านกำลังพูดหลอกใช้ข้าอยู่เลยล่ะ?”

เดิมทีเขาเองก็ไม่ใช่คนที่หลงระเริงในอำนาจอยู่แล้ว คำพูดของฉู่สวินหยางมันช่วยปลุกเร้าอารมณ์คนได้ก็จริง แต่พูดตามตรงมันก็ไม่ได้หลอกล่อใจได้ขนาดนั้น

พูดตามตรง นางก็แค่ยุให้เขาไปแย่งอำนาจของตระกูลซู หรือยุให้เขาทำไปเพื่อคอยช่วยเหลือปกป้องตัวเองกับฉู่ฉีเฟิงกันแน่

ฉู่สวินหยางไม่พูดคัดค้าน แต่กลับยิ้มออกมาอย่างเปิดเผยแล้วพูดว่า “เช่นนั้นเจ้าเองก็ควรภูมิใจสิ เพราะคนที่ข้ายอมลงแรงไปพูดคุยเพื่อให้เขาช่วยในใต้หล้านี้…มีน้อยมากทีเดียว! อีกอย่างผลประโยชน์ที่ข้ามอบให้เจ้ามันก็น่าสนใจอยู่มิใช่หรือ ไม่ว่าจะซูหลินหรือซูหังเจ้าไม่จำเป็นต้องจัดการสองคนนั้นด้วยตัวเองเลยแม้แต่น้อย พอถึงเวลานั้น…ข้าจะเป็นคนจัดการพวกนั้นให้หายสาบสูญเอง!”

ที่นางปล่อยให้ซูหลินรอดชีวิตไป ไม่ใช่แค่ต้องการตรวจสอบหาเบาะแสของชิงหลัว แต่ที่นางปล่อยเขาไปนั้น…

ก็เพื่อให้เขาคอยคุมอำนาจของจวนอ๋องฉางซุ่นเอาไว้ชั่วคราวต่างหาก จากนั้นเมื่อถึงเวลาอันสมควรที่นางมั่นใจแล้ว นางถึงค่อยแย่งชิงอำนาจทหารของตระกูลซูมาเป็นของตนต่างหากเล่า!

“อย่างไร? ตกลงหรือไม่?” ฉู่สวินหยางทำหน้านิ่งเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความกดดัน

ซูอี้เหล่ตามองบานหน้าต่างข้างบน ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแล้วตอบว่า “ข้ามีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยงั้นหรือ?”

—————————————

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท